'ประชาธิปัตย์-เพื่อไทยตั้งรัฐบาล'


เพิ่มเพื่อน    

    "การเมือง" ตามปกติ เป็นเรื่องของอำนาจ
    แต่วันนี้......... 
    มีคนกำลังทำการเมือง ให้เป็นเรื่องสะใจ
    เพื่อไทยก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ ประชาธิปัตย์ก็ตั้งไม่ได้ จึงเกิดสมการร่วม "พวกกูไม่ได้ ก็อย่าหมายว่ามึงจะได้"
    "มึง" ในที่นี้ คือ
    "พรรคพลังประชารัฐ" ที่ประชาชนเลือกเข้ามาเป็นมารคอหอยในวังวน "การเมืองกินเมือง"
    "เพื่อไทย ๑๓๖ เสียง" จึงชวน "ประชาธิปัตย์ ๕๒ เสียง" จับมือเป็นขั้วที่สาม จัดตั้งรัฐบาล
    แล้วไปชวน "ภูมิใจไทย ๕๑ เสียง" ให้มาร่วม 
    โดยเอาเก้าอี้นายกฯ ไปล่อให้ "นายอนุทิน" นั่ง เป็นรัฐบาลแกงโฮะ
    เพื่อไทย+พรรคบริวาร+อนาคตใหม่+ประชาธิปัตย์+ภูมิใจไทย = ๓๙๘ เสียง
    คือ ภูมิใจไทย ต้องการแบบไหน ๒ พรรคเทพ-พรรคมารพร้อมทูนหัวให้หมด
    ขออย่างเดียว อย่าไปร่วมตั้งรัฐบาลกับ "พลังประชารัฐ" เท่านั้น!
    นี่คือข่าวที่เป็น "กระแสปั่น" ชั่วโมงนี้
    เพื่อไทยชวนประชาธิปัตย์ ผมเชื่อ
    แต่ที่ว่า ประชาธิปัตย์เออออด้วย ผมไม่เชื่อ
    ถ้าเกิดขึ้นจริง........
    ก็หมายความว่า "ชวน-อภิสิทธิ์" ลั่นไก จบชีวิต ๗๓ ปี ของพรรคประชาธิปัตย์ลงแค่นี้
    ปฏิสนธิใหม่เป็น "เพื่อไทยธิปัตย์"!
    ส่วน "ภูมิใจไทย" ถือเป็นบุคคลที่สามในกรณีนี้ คือเป็นฝ่ายถูกจีบ 
    จะใจอ่อน-ใจแข็ง กับข้อเสนอ "เย้ายวนยากปฏิเสธ" หรือไม่นั้น
    เป็นสิทธิ์เฉพาะพรรคเขา 
    เพราะ "ภูมิใจไทย" เป็นพรรคเกิดใหม่ 
    ยังไม่มีประวัติศาสตร์ด้าน "เจ็บปวดร่วมกัน" เป็นสัญญาทางจิตวิญญาณกับประชาชน เหมือนประชาธิปัตย์
    ดังนั้น ภูมิใจไทย ตัดสินใจอย่างไร บนข้อเสนอเย้ายวนยากปฏิเสธ ก็เป็น "ใจ" ของภูมิใจไทย
    แต่ถ้าปฏิเสธ นั่นจะเป็น "ใจ" ของประชาชน!
    ภูมิใจไทย จะเอาใจตัวเอง หรือใจประชาชน ขึ้นอยู่กับว่า จะวางตำแหน่งเป็นพรรคเฉพาะกิจ หรือพรรคถาวร
    ก็พูดกันให้ชัดไปเลย.......
    "ภูมิใจไทย" คือ "ภูมิใจเนวิน" แล้วเป็นไปได้มั้ย ที่ "เนวินวันนี้" จะกลับไปเป็นเนวิน "ในเงาตีนทักษิณ" อย่างวันนั้น?
    ในประเด็นนี้ ผมเชื่อใจ "เนวิน" นะ!
    นี่ก็พูดให้ฟังตามข่าว....
    แต่ตามทัศนะผม ประเด็นขั้วที่ ๓ นี้ "เข้าหูซ้าย-ทะลุหูขวา" ไปเลย
    คิดได้ พยายามได้ แต่เกิดเป็นจริงไม่ได้!
    เพราะผมเชื่อหลักการประชาธิปัตย์ ถึงไม่ชอบใจพลเอกประยุทธ์ ไม่ชอบใจพลังประชารัฐ ไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้
    แต่นั่นเป็นเพียงช่องแคบระหว่างอารมณ์ 
    ผ่านลึกอารมณ์ลงไปถึงขั้วสำนึก การที่ประชาธิปัตย์จะไปร่วมเพื่อไทย 
    นั่น แค่คิดก็ "จัญไร" แล้ว!
    พรรคประชาธิปัตย์ กำลังอยู่ในสภาพศาลที่ยังไม่มีเจ้าที่มาประทับ    
    พุธ ๑๕ พ.ค.ที่จะถึง 
    เขาจะทำพิธีเชิญ "เจ้าที่" คนใหม่มาประทับทรง แทนนายอภิสิทธิ์ที่ลาออก
    มีเสนอตัวให้เลือก ๔ คน นายจุรินทร์, นายอภิรักษ์, นายกรณ์ และนายพีระพันธุ์
    ผมเชื่อ "นายชวน หลีกภัย" ต้นแบบ "หน้าที่พลเมืองและศีลธรรมจรรยา" ของพรรค ที่บอก 
    ทุกเรื่อง-ทุกอย่าง ที่พูดกันตอนนี้ ใครอยากพูดอะไร ก็พูดกันไป
    แต่ทั้งหมด.....
    ต้องรอหลังได้ตัวหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค จากการประชุมเลือกวันที่ ๑๕ พ.ค.ก่อน
    แล้วคณะบริหารพรรคชุดใหม่นี้ มีมติแบบไหน ก็แบบนั้น เป็นที่ยุติ! 
    ถ้าถามว่า ใครจะได้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่?
    ผมไม่รู้
    แต่ถามเฉพาะความคิดผม ขอบอกว่า ใน ๔ คัดเหลือ ๒ คือ
    นายกรณ์ จาติกวณิช กับ
    นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
    สองคนนี้ เกิดเดือนเดียวกัน คือเดือนกุมภา แต่ห่างกัน ๕ ปี นายกรณ์ อายุ ๕๕ ปี นายพีระพันธุ์  ๖๐ ปี
    ต้องเข้าใจนะ การเลือกหัวหน้าพรรค ต่างจากการเลือกบุคคลดีเด่นของพรรค 
    ที่ผมคัดเหลือ ๒ ใช่ว่า อีก ๒ คนด้อยกว่า หากแต่คัดภายใต้เงื่อนไข "บุคคลสอดคล้องสถานการณ์" เป็นหลัก
    สถานการณ์การบ้าน-การเมืองในระยะ ๕ ปี ต่อจากนี้ ด้านเศรษฐกิจ การเงิน การค้า อยู่ในช่วงวิกฤติ เป็นหัวเลี้ยว-หัวต่ออนาคตประเทศ
    ประชาธิปัตย์ ต้องใช้วิสัยทัศน์ประยุกต์โลกอย่างนายกรณ์นำพรรค
    ด้านการเมือง-ด้านกฎหมาย ต้องใช้คนละเอียดและแม่นเป๊ะ อย่างนายจุรินทร์และนายพีระพันธุ์ บริหารพรรค
    ด้านสัมพันธ์ภาคประชาชนและภาพลักษณ์องค์กรสู่มิติใหม่สังคม ต้องใช้มือการตลาดและภาคีเครือข่าย อย่างนายอภิรักษ์ นำสร้างพรรค
    นี่...การเลือกหัวหน้า ๑๕ พ.ค.ต้องเลือกภายใต้มิติคิดนี้ ๔ คน ดี ๔ ด้าน เป็นวาสนาของพรรคอยู่แล้ว 
    "พระราม" คือพระนารายณ์อวตาร เทพเหนือเทพทั้งปวงแท้ๆ แต่ในการบริหารปัญหา 
    องค์เดียวไหวซะที่ไหนล่ะ!
    ต้องมีลิงเป็นทหารเอกพระราม ถึง ๑๘ ตน ที่เรียก "๑๘ มงกุฎ" ไปทำโน่น-ทำนี่ เป็นมือ-เป็นเท้าพระราม
    การเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ทำนองนั้น ปรัชญาพื้นฐาน ต้องการให้เห็น "พรรคนี้ไม่มีเจ้าของ"
    มีแต่ "ประชาธิปไตย"
    ผ่านการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคโชว์!
    หลักการมัน..ใช่ แต่หลักใจของบรรดาสมาชิก มันไม่ค่อยจะใช่ 
    ยิ่งเลือก แทนที่จะกว้าง กลับยิ่งแคบ เพราะต่างยึดตัวบุคคล 
    ๔ คน แต่ละคนมีแก๊งหนุน กลายเป็น ๔ แก๊ง ในพรรค!
    เลือกจบ.......
    ใจคนในพรรค มันจะไม่จบ คนที่ได้เป็นหัวหน้า ก็รับภาระ "ทั้งพรรค" แบกไป 
    ส่วนคนที่ไม่ได้ ก็บำเพ็ญตนเป็น "พระปัจเจก" ไป
    ตัวกู..ของกู ต่อไปนี้..........
    เรื่องของพรรค "ธุระไม่ใช่" ฉันไม่เกี่ยว ประมาณนั้น!
    คนประชาธิปัตย์ไม่คร่ำครึ 
    แต่การเลือกตั้งหัวหน้า "ประชาธิปไตยจ๋า" กับวิสัยทัศน์บริหารพรรค ภายใต้การใช้กฎระเบียบ ที่ไม่รู้จักปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องเงื่อนไขแต่ละสถานการณ์ มันคร่ำครึ
    ภาพรวมจึงเป็น "หัวมังกุ-ท้ายมังกร"!
    อย่าง ๔ คนนี้ "เอตทัคคะ" คนละด้าน-สองด้าน เมื่อคัดเหลือ ๑ 
    อีก ๓ คน แต่ละคน ปากก็ต้องบอก "ไม่เป็นไร ยังช่วยงานพรรคต่อไปเหมือนเดิม"
    แต่ในทางปฏิบัติ รูปแบบบริหารที่ไม่ต้องการ "สมุนพระราม"
    ทำให้ได้ ๑ แต่เสีย ๓!    
    ดูง่ายๆ ตอนแข่งระหว่าง "อภิสิทธิ์-หมอวรงค์" นั่นไง
    ได้อภิสิทธิ์ แล้ววันนี้ ในทางปฏิบัติ พรรคเสียหมอวรงค์ ในทางร่วมบริหาร เห็นๆ อยู่
    และนี่ ก็จะเป็นแบบนั้น..........
    เว้นแต่ว่า หัวหน้าพรรคคนใหม่ จะจัดโครงสร้างบริหารองค์กรใหม่ ที่เรียกปฏิรูป-รื้อ-ล้าง พรรคใหม่ ยึดสไตล์ "พระราม"
    เอาคนมีศักยภาพแต่ละด้าน-แต่ละรุ่นมาใช้ เป็นทหารเอกในกองบัญชาการช่วยรบ
    แล้วในประเด็น "หัวหน้าพรรค" และ "กรรมการบริหารพรรค" ชุดใหม่ แนวโน้มจะออกมาแบบไหน?
    ประชาธิปัตย์ จะไปตั้งรัฐบาลกับเพื่อไทย
    หรือ...
    ไปร่วมตั้งกับพลังประชารัฐ?
    "จระเข้" ข้ามสายพันธุ์ไปผสมพันธุ์กับ "ตะกวด" มันเป็นไปได้มั้ย?
    ตอบไปก็ "ง่าว"!    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"