ร้องคดีไม่คืบ ลูกตร.ขับรถ ชนสาวปวส.


เพิ่มเพื่อน    


    พ่อครวญ ลูกสาว นศ.ปวส.กับเพื่อนซ้อนจักรยานยนต์เลี้ยวยูเทิร์น ถูกครูลูกตำรวจขับเก๋งพุ่งชน ลูกสมองบวมกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ส่วนเพื่อนก็เจ็บหนักเพิ่งออกจาก รพ. คดีล่วงมากว่า 2 เดือนไม่คืบ หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งหมดเงินค่ารักษา
    เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มี 2 นักศึกษาสาววิทยาลัยชื่อดัง จ.กระบี่ ประสบอุบัติเหตุถูกรถชน ได้รับบาดเจ็บสาหัส คนหนึ่งนอนติดเตียง ส่วนอีกคนขาหักเดินไม่ได้ ได้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากคดีล่าช้า อีกทั้งทราบว่าคู่กรณีเป็นลูกสาวตำรวจ จึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 62 หมู่ 8 ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลัน จ.กระบี่ ซึ่งเป็นที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน นายสนิท ลู่เด็นบุตร อายุ 50 ปี พ่อบุญธรรมของผู้เสียหายชื่อน้องตุ๊กตา หรือ น.ส.ปวีณา เอียดชูทอง อายุ 20 ปี นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคกระบี่ ชั้น ปวส.ปีที่ 1 สาขาวิชาการโรงแรม สาขางานบริการอาหารและเครื่องดื่ม ที่ขณะนี้กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง โดยมีนางอุษา ลู่เด็นบุตร แม่บุญธรรม ดูแลอย่างใกล้ชิด 
    นายสนิทเปิดเผยว่า เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 26 ก.พ.62 ขณะที่น้องตุ๊กตาขี่รถจักรยานยนต์พาเพื่อนซ้อนท้ายไปกินข้าว ขากลับขี่รถจะเข้าหอพักในตัวเมืองกระบี่ ถึงจุดเกิดเหตุ บริเวณถนนกระบี่ ปากทางเข้าซอยโบสถ์คริสต์ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ ขณะเลี้ยวรถเพื่อยูเทิร์น ก็มีรถเก๋งฮอนด้า ซิตี้ สีขาว ขับมาอย่างเร็ว ชนเข้ากับรถจักรยานยนต์เต็มแรง จนตัวน้องตุ๊กตากระเด็น ศีรษะกระแทกพื้น สมองบวม ส่วนเพื่อนกระเด็นลอยไปตกลงบนหลังคารถเก๋ง ขาหัก ศีรษะกระแทก สำหรับน้องตุ๊กตาต้องเข้ารับการผ่าตัดสมอง และในที่สุดหมอลงความเห็นว่าน้องพิการ จึงต้องนำกลับมานอนพักรักษาตัวต่อที่บ้าน 
    นายสนิทกล่าวว่า เหตุการณ์ผ่านมา 2 เดือนเศษ แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า โดยตำรวจอ้างว่ารถจักรยานยนต์ของน้องตุ๊กตาไม่ได้เลี้ยวยูเทิร์น แต่จะเลี้ยวตัดเข้าซอยฝั่งตรงข้าม ทำให้รถเก๋งพุ่งชน ซึ่งขัดกับคำให้การของเพื่อนที่ประสบเหตุพร้อมน้องตุ๊กตา ที่บอกรถจะเลี้ยวยูเทิร์น และเบื้องต้นทราบว่าคนขับเป็นผู้หญิง เป็นครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ และเป็นลูกของตำรวจใน จ.กระบี่ ทางครอบครัวจึงกังวลว่าอาจไม่ได้รับความเป็นธรรม และอยากให้คู่กรณีมารับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองก่อเอาไว้ ซึ่งทำให้อนาคตของเด็กคนหนึ่งต้องดับวูบไปตลอดชีวิต 
    "อยากวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน เพราะต้องมีค่าห้องพิเศษวันละ 600 บาท และค่าผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่ต้องใช้เป็นประจำทุกวัน นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นอีกหลายอย่าง ผู้ใจบุญที่ต้องการช่วยเหลือ น.ส.ปวีณา เอียดชูทอง หรือน้องตุ๊กตา ติดต่อได้ที่บ้านเลขที่ 62 หมู่ 8 ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ หรือบริจาคเงินช่วยเหลือได้ที่บัญชี ธนาคารกรุงไทย สาขาเกาะลันตา ชื่อบัญชี นางอุษา ลู่เด็นบุตร (แม่บุญธรรม) เลขบัญชี 973-0-03498-2 หรือ โทร.09-8974-2897
    ขณะที่ น.ส.อินทิรา เด็นมาลัย อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67/3 หมู่ 1 ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคกระบี่ ปวส.ปี 1 เพื่อนของน้องตุ๊กตา กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่า ได้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มากับน้องตุ๊กตา 2 คน โดยน้องตุ๊กตาขี่มาถึงที่เกิดเหตุก็ได้เลี้ยวรถกลับ ทันใดนั้นมีรถเก๋งพุ่งชนอย่างจังทำให้รถล้ม ตัวเองขาซ้ายหัก กรามซ้ายแตก เลือดคั่งในสมอง นอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.กระบี่อยู่หลายวัน จนอาการดีขึ้น แพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล และกลับมาทำกายภาพบำบัด จนตอนนี้ก็ยังไม่สามารถเดินได้ รวมระยะเวลาเกือบ 3 เดือน ซึ่งขณะนี้วิทยาลัยก็เปิดเรียนแล้ว อยากไปเรียนหนังสือต่อ ปวส.ปี 2
    ด้านนางกิ่งกาญจน์ เด็นมาลัย อายุ 53 ปี แม่ของ น.ส.อินทิรา กล่าวว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกลูกสาวไปสอบปากคำ 1 ครั้ง และในวันที่ 21 พ.ค.นี้ จะเรียกสอบปากคำอีกครั้ง โดยในครั้งแรกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามถามว่าลูกสาวและเพื่อนขี่รถตัดหน้า แต่ลูกสาวปฏิเสธ ยืนยันว่าเลี้ยวรถกลับที่พัก ไม่ได้ขี่รถตัดหน้า จึงอยากจะขอความเป็นธรรมด้วย 
    ในส่วนของคนขับรถคู่กรณี นางกิ่งกาญจน์กล่าวว่า ตั้งแต่วันเกิดเหตุและลูกสาวรักษาตัวอยู่ที่ รพ.กระบี่ แม่และลูกสาวคนขับรถได้แวะเวียนมาเยี่ยมบ้างบางครั้ง ตอนกลับมาที่บ้านก็ได้แวะมาดู 2 ครั้ง และได้ให้เงิน 1 หมื่นบาท พร้อมกับทำบันทึกว่าจะให้ค่ารักษาพยาบาลจนกว่าจะหาย แต่หลังจากนั้นมาตนก็ไม่เคยได้รับเงินช่วยเหลือเลย ตอนนี้ตนหมดเงินไปกับค่ารักษาพยาบาล ต้องพาน้องไปหาหมอและอื่นๆ รวมไม่ต่ำกว่า 4-5 หมื่นบาท จึงอยากจะขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำคดีด้วยความเป็นธรรมและเร่งทำคดีให้เสร็จโดยเร็วด้วย    
    ร.ต.อ.สัญญา แก้วนุ้ย พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกระบี่ เจ้าของคดี เปิดเผยว่า คดีนี้อยู่ระหว่างการเจรจากันของคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย โดยฝ่ายผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย ได้เรียกค่าเสียหายไปที่บริษัทประกันรายละ 2 แสนบาท ซึ่งได้มาลงบันทึกไว้ต่อหน้าตนเอง ส่วนทางคดีนั้น ยังไม่ได้สอบปากคำผู้บาดเจ็บ เนื่องจากยังไม่สามารถให้การได้ ส่วนอีกคนขณะนี้ได้ออกจาก รพ.แล้ว ได้เตรียมนัดมาสอบปากคำเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า เหตุดังกล่าว ตนได้บันทึกภาพที่เกิดเหตุไว้ พบว่าลักษณะการชน เนื่องจากรถจักรยานยนต์ของผู้บาดเจ็บได้เลี้ยวเพื่อจะเข้าซอยมากกว่าการกลับรถ เพราะจุดชนอยู่หน้าปากซอยในเลนซ้ายมือแล้ว ไม่ได้เป็นไปในลักษณะของการกลับรถที่จะต้องอยู่อีกเลนหรือเลยปากซอยไป แต่ทั้งนี้ก็ได้ให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย โดยให้เจรจากันก่อน ส่วนที่ระบุว่าจะเข้าข้างอีกฝ่ายเพราะคนขับรถเก๋งเป็นครู และเป็นลูกตำรวจนั้น ไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว ทุกอย่างต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"