ไม่ค่อยได้ใช้พื้นที่ตรงนี้ "เสียบดอกไม้" ให้ใครเท่าไหร่ โดยเฉพาะ "ตำรวจ" ที่ส่วนใหญ่จะแจก "ก้อนอิฐ" เสียมากกว่า

                เพราะอย่างที่เห็นกันอยู่ ตามที่เป็นข่าวเป็นคราว เปรียบเทียบการตรวจค้น การจับกุมคนใหญ่คนโต คนมีอำนาจ กับการตรวจค้น การจับกุมชาวบ้านร้านตลาด

                แตกต่างกันชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ

                สวมบทแค่ "อาชีพตำรวจ" ไม่ใช่ "ตำรวจอาชีพ"

                พอดีวันนี้มีโอกาสพลิกไปดูประกาศรายชื่อข้าราชการตำรวจที่เกษียณอายุราชการประจำปี 2562  หรือภายในวันที่ 30 ก.ย.62 มีชื่อ 2 นายตำรวจที่อยากจะเอ่ยถึง

                รายแรก พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. ดูแลงานป้องกันและปราบปราม (ปป.)

                อีกราย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ดูแลงานความมั่นคง (มค.)

                ทั้ง 2 รายเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่น 35 เหมือนกัน และเกษียณอายุราชการปี 2562  เหมือนกัน

                ซึ่งถ้านับจากนี้ไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย.62 วันสุดท้ายแห่งการสวมเครื่องแบบ "สีกากี" จะเหลือเพียง 4 เดือนกว่าๆ เท่านั้น

                แต่ภาพที่เห็นคือ รอง ผบ.ตร.ทั้ง 2 นาย ยังคงลงพื้นที่ทำงานทุกวัน ทั้งขึ้นเหนือ ล่องใต้ ไปภาคอีสาน จนนึกว่าสร้างผลงานเพื่อจะได้เติบโตในหน้าที่ราชการหรืออย่างไร

                ทั้งๆ ที่ตำรวจระดับ "นายพล" ระดับ "รอง ผบ.ตร." เหลืออายุราชการอีกไม่กี่เดือนก็เกษียณแล้ว  ส่วนใหญ่จะเลือกอยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ เซ็นเอกสาร ทำงานไปวันๆ รอเกษียณกลับบ้านไปเลี้ยงลูก เลี้ยงหลาน

                ทว่าเท่าที่เห็น เท่าที่ฟังข่าว เกือบทุกวัน จะมีข่าว พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ไปตามกองบัญชาการต่างๆ  ร่วมแถลงข่าว ร่วมติดตามคดีในสายงานทั้งอาชญากรรมและยาเสพติดตลอด

                เช่นเดียวกับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ก็ลงพื้นที่อบรมให้ความรู้ตำรวจกองบัญชาการต่างๆ เกี่ยวกับการดูแลการชุมนุม หรือลงไปดูงานจราจร ลงไปโบกรถช่วงสงกรานต์

                แบบที่ต้องยกนิ้วโป้งชื่นชมความเป็น "ตำรวจอาชีพ" ที่ทำงานกันจนหยดสุดท้าย

                และน่าจะเป็น "ต้นแบบ" ให้ตำรวจรุ่นน้อง รุ่นลูก รุ่นหลาน ดำเนินรอยตามในการทำงาน ที่ในเมื่อเลือกที่จะสวมเครื่องแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ดูแลทุกข์สุขของประชาชนแล้ว ก็ต้องทำอย่างเต็มที่ เต็มกำลัง

                เป็น "ตำรวจอาชีพ" ไม่ใช่แค่ "อาชีพตำรวจ".