เปรม:รัฐบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ/ตั้งใจนำเงินสะสมช่วยคนจน


เพิ่มเพื่อน    

 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จฯ ไปพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และทรงเป็นประธานในพิธีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม  "พล.อ.เปรม" ณ พระที่นั่งทรงธรรม วัดเบญจมบพิตรฯ ปชช.ร่วมอาลัยเนืองแน่น "หน.สำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษฯ" เผยป๋าตั้งใจนำเงินสะสมทำโครงการช่วยคนจน เตรียมส่งคืนบ้านสี่เสาฯ ให้กองทัพบก "บิ๊กป้อม-วิษณุ" รับใจหาย ยกย่องเป็นรัฐบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ "นปช." กราบขออโหสิกรรม 

    ที่พระที่นั่งทรงธรรม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร วันที่ 27  พฤษภาคม พ.ศ.2562 เวลา 18.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปในการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมเนื่องจากระบบหัวใจล้มเหลวเมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา และเชิญพวงมาลาหลวงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พวงมาลาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี  พวงมาลาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพวงมาลาส่วนพระองค์ วางที่หน้าโกศศพ ณ พระที่นั่งทรงธรรม วัดเบญจมบพิตรฯ จากนั้นสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธานในพิธีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม จบแล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ
    ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.ท.ภักดี แสง-ชูโต ผู้ช่วยราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นผู้แทนพระองค์เชิญพวงมาลาสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พวงมาลาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี พวงมาลาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พวงมาลาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร พวงมาลาพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ พวงมาลาพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ และพวงมาลาทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี วางที่หน้าโกศศพ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ม.ร.ว.สมลาภ กิติยากร เป็นผู้แทนพระองค์เชิญพวงมาลาพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ วางที่หน้าโกศศพ
    โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)  พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีเฝ้าฯ รับเสด็จ 
    ก่อนหน้านั้นที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เวลา 14.00 น. ได้มีการเคลื่อนย้ายร่าง พล.อ.เปรมออกจากอาคารสมเด็จย่า 90 ปี โดยเจ้าหน้าที่ได้คลุมร่าง พล.อ.เปรมด้วยผืนธงชาติ ลงจากชั้น 8 มาบรรจุขึ้นรถตู้ของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ป้ายทะเบียนตรากงจักร 7687 ซึ่งมีคณะแพทย์ พยาบาล ทหาร และประชาชนกว่า 400 คนยืนเรียงแถวหน้ากระดานเพื่อส่งร่าง พล.อ.เปรมไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่พระที่นั่งทรงธรรม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามฯ โดยจัดพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 7 คืน ตั้งแต่วันที่ 27  พ.ค. ถึงวันที่ 2 มิ.ย.62
    ต่อมาขบวนรถตู้พยาบาลของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้านำร่าง พล.อ.เปรมเดินทางมาถึงที่พระที่นั่งทรงธรรม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามฯ โดย พล.ต.ธิติ ติณสูลานนท์ หลานชายของ พล.อ.เปรมเป็นผู้ถือรูป พล.อ.นิติ ติณสูลานนท์ หลานชายอีกคนเป็นผู้ถือกระถางธูป เดินนำหน้าร่าง พล.อ.เปรมที่อยู่บนรถเข็นและคลุมร่างด้วยธงชาติไทย โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา องคมนตรี ผู้นำเหล่าทัพ  ประธานศาลฎีกา ประธานศาลยุติธรรม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครอง คณะรัฐมนตรี  สมาชิกบ้านสี่เสาเทเวศร์ สมาชิกครอบครัวติณสูลานนท์ ตัวแทนภาครัฐ ภาคเอกชน นักการเมือง  ตำรวจ ทหาร และประชาชนมายืนรอรับร่างท่ามกลางบรรยากาศเศร้าโศก
เป็นรัฐบุรุษผู้ยิ่งใหญ่
    จากนั้นองคมนตรีซึ่งประกอบด้วย นายพลากร สุวรรณรัฐ, นายอำพน กิตติอำพน, พล.อ.ไพบูลย์  คุ้มฉายา, พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ และ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วยภริยา คณะรัฐมนตรี ประธานศาล ครอบครัวติณสูลานนท์ และบุคคลสำคัญได้ขึ้นไปรดน้ำศพ พล.อ.เปรมด้านบนพระที่นั่งทรงธรรม ส่วนประชาชนทั่วไปสามารถร่วมรดน้ำศพได้ที่ศาลาบัณณรศภาค ที่ตั้งอยู่ด้านข้างพระที่นั่งทรงธรรม โดยเจ้าหน้าที่เตรียมรูปภาพของ พล.อ.เปรมที่มีสายสิญจน์โยงไปถึงร่าง เพื่ออำนวยความสะดวก 
    พล.อ.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ กล่าวว่า ตนได้พูดคุยกับ พล.อ.เปรมเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่ออกกำลังกายเสร็จในช่วงเย็นก็ได้เรียกตนเข้าไปพูดคุย โดยได้พูดในสิ่งที่เป็นห่วง เรื่องการดูแลบ้านเมือง และภารกิจหลักคืองานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในการถวายน้ำอภิเษกที่ผ่านพ้นไปแล้ว เพราะก่อนหน้านั้นขณะอยู่บ้าน พล.อ.เปรมก็ได้ซักซ้อมอยู่ทุกวัน และทำร่างกายให้แข็งแรง เมื่อจบงานก็ดูเหมือนว่าท่านสบายแล้ว ถือว่าหมดภารกิจใหญ่ ไม่เป็นห่วง 
    "ตอนนั้นที่ท่านพูดก็สะกิดใจเหมือนกัน แต่ไม่ได้เฉลียวใจว่าจะเร็วขนาดนี้ ซึ่งท่านก็ปกติดี ไม่ได้ไปโรงพยาบาล ท่านมีความตั้งใจนำเงินเก็บซึ่งเป็นเงินเดือนทั้งชีวิตจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี องคมนตรี  และส่วนอื่นๆ ไปบริจาคแก่คนยากจน ซึ่งผมได้ไปประสานกับรัฐบาลผ่านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในการจัดทำโครงการเพื่อช่วยเหลือคนจนและการเกษตร ซึ่งไม่ว่าจะเป็นโครงการอะไรหากทำขึ้นแล้วต้องมีความยั่งยืน" พล.อ.พิศณุกล่าว
    หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษฯ กล่าวว่า ในส่วนบ้านสี่เสาเทเวศร์เดิมเป็นพื้นที่ของกองทัพบก ก็ต้องส่งคืนบ้านให้กองทัพบก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างทำเรื่องขอใช้เป็นศูนย์ประสานงานมูลนิธิรัฐบุรุษฯ
    ที่ทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่ได้ลดธงครึ่งเสาเพื่อแสดงความไว้อาลัยแด่ พล.อ.เปรม ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีที่ให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐ และสถานศึกษาทุกแห่งลดธงครึ่งเสา ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 27 พ.ค. ถึงวันอาทิตย์ที่ 2 มิ.ย.62 รวม 7 วัน 
    เช่นเดียวกับการประชุมสภากลาโหม ก่อนการประชุม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้กล่าวสดุดีและนำสมาชิกสภากลาโหมแสดงความอาลัยต่อการอสัญกรรมของ พล.อ.เปรม โดยย้ำว่าถือเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของบุคคลสำคัญของชาติ รวมทั้งได้ขอให้ที่ประชุมสภากลาโหมร่วมกันตระหนักและรำลึกถึงปูชนียบุคคลที่เป็นแบบอย่างทางทหารที่ดี ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความจงรักภักดีอย่างสูงสุดต่อสถาบันชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ในตลอดช่วงชีวิตที่ดำรงอยู่ พร้อมทั้งขอให้ร่วมกันและยึดมั่นในปณิธานของ พล.อ.เปรมที่เคยให้ไว้ ผู้บังคับบัญชาต้องเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา
    พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า พล.อ.เปรมเป็นผู้บังคับบัญชาและเป็นปูชนียบุคคลของกระทรวงกลาโหม  รวมถึงของคนไทยทุกคน ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ท่านเป็นตัวอย่างในการทำงานที่ซื่อสัตย์สุจริต  ซึ่งทุกคนโดยเฉพาะทหารยึดเป็นแบบอย่างในการทำงาน ในส่วนของตนก็รู้สึกเสียใจต่อการสูญเสียครั้งนี้ 
    "ท่านมีความจงรักภักดีในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์อย่างเห็นได้ชัด ถือเป็นตัวอย่างให้คนไทยทุกคน ในส่วนของกองทัพก็เทิดทูน พล.อ.เปรม เพราะเป็นปูชนียบุคคลของกระทรวงกลาโหม  ยอมรับว่าการสูญเสียครั้งนี้กระทบต่อขวัญกำลังใจของกำลังพล เพราะหาบุคคลแบบนี้ได้ยาก หลังจากที่ทราบข่าวก็รู้สึกใจหาย ซึ่ง พล.อ.เปรมก็พูดอยู่เสมอว่าผู้บังคับบัญชาต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ก็ถือหลักนี้ของท่านมาโดยตลอดในการทำงาน" พล.อ.ประวิตรกล่าว
    ส่วนนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอร่วมกับคนทั้งประเทศที่เสียใจและอาลัย ในฐานะที่ตนเป็นคนสงขลาและเป็นประธานมูลนิธิสวนประวัติศาสตร์ พล.อ.เปรม ซึ่งได้อาสาทำงานกับท่านในบางเรื่อง และบางระยะเห็นถึงเจตนาดีและตั้งใจดีในการอุทิศตนแก่ส่วนรวมตลอดมาในทุกเรื่อง  บางเรื่องเป็นข่าวบางเรื่องไม่เป็นข่าว ซึ่งต่อไปอาจจะเป็นข่าวได้มากขึ้น
    "เมื่อไม่กี่วันมานี้ก่อนที่ท่านจะถึงแก่อสัญกรรม ท่านให้คนสนิทติดต่อมาที่ผมว่าท่านมีความประสงค์ที่จะทำประโยชน์ หรือบริจาคอะไรบางอย่างให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชนโดยทั่วไป ซึ่งท่านให้คนมาถามความเห็นผมว่าน่าจะทำอะไรดี เพราะท่านไม่ต้องการเก็บสะสมอะไรไว้ทั้งหมด แต่ยังไม่ทันได้คิดท่านก็มาจากไป ถือว่าเป็นการสูญเสียบุคคลสำคัญของประเทศ และอาจจะเป็นของภูมิภาคอีกคนหนึ่ง สังเกตจากการแสดงความเสียใจและการไว้อาลัยที่ออกมาอย่างรวดเร็วจากต่างประเทศ และเดี๋ยวจะมีมากกว่านี้ เราจะได้เห็นเลยว่าอยู่ในยุคที่มีคนสำคัญ คนรุ่นใหม่อาจจะเกิดไม่ทัน หรือจำไม่ได้ว่าท่านทำอะไรเอาไว้บ้าง ทั้งในแง่ความมั่นคง ถ้าไม่มีท่านผมคิดว่าประเทศไทยจะไม่ได้อยู่มาทุกวันนี้" นายวิษณุกล่าว
    รองนายกฯ กล่าวว่า ในแง่เศรษฐกิจ พล.อ.เปรมริเริ่มนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด ซึ่งยิ่งใหญ่มากในครั้งนั้น และท่านยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีภายหลังการยุบสภาถึง 3 ครั้ง โดยไม่สังกัดพรรคการเมืองใด เมื่อพรรคการเมืองเชิญท่านก็มาด้วยความยินยอมพร้อมใจ ทั้งที่ท่านกำชับทุกครั้งในการจัดตั้งรัฐบาลว่า ขอให้ถือว่ารัฐบาลนี้เหนือพรรคเหนือพวก แต่พรรคการเมืองก็ยังยอมรับท่าน ตนจึงถือว่าท่านต้องมีความยิ่งใหญ่และความเป็นผู้นำจริงๆ 
นปช.กราบอโหสิกรรม
    ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)  กล่าวว่า พวกตนประกาศตั้งแต่ต้นเรื่องคุณูปการของ พล.อ.เปรม มีหลายเรื่องที่คนไทยต้องไม่ลืม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 66/2523 ซึ่งเป็นการยุติการต่อสู้ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาลไทย สามารถลดความตายในแต่ละปีเป็นจำนวนนับพัน พล.อ.เปรมได้ประกาศคำสั่งยุติความตาย นำคนไทยที่เข้าป่าไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา ประชาชน กลับมาร่วมพัฒนาชาติไทย ต่อมาคือเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นแบบอย่างหนึ่ง สุดท้ายก็คือคำว่า "ผมพอแล้ว" เป็นสัจธรรมทางอำนาจที่ผู้มีอำนาจในยุคหลังควรที่จะเอาเป็นแบบอย่าง 
    "ส่วนเรื่องความเห็นที่แตกต่างกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมในฐานะคนพุทธก็กราบขออโหสิกรรม  เราเป็นคนไทยสามารถแยกแยะทุกอย่างได้ วันนี้ก็ขอกราบอโหสิกรรม" ประธาน นปช.กล่าว
    นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.กล่าวว่า ในฐานะที่ท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง วาระที่ท่านถึงแก่อสัญกรรมก็ต้องแสดงความเสียใจและแสดงความอาลัย โดยกระบวนการเคลื่อนไหวต่างๆ ของพวกเราที่ผ่านมา เราก็ได้พูดชัดมาตลอดว่าไม่ได้มีประเด็นส่วนตัวกับใคร เป็นเรื่องของหลักการและสถานการณ์ ซึ่งต้องแยกให้ชัดว่าเป็นมิติของการต่อสู้ทางการเมืองและหลักการประชาธิปไตย 
    "ในทางส่วนตัวในวาระที่ท่านถึงแก่อสัญกรรม ประชาชนก็พึงที่จะแสดงความอาลัยกับการสูญเสียครั้งสำคัญยิ่งในครั้งนี้" นายณัฐวุฒิกล่าว
    นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช.กล่าวว่า รู้สึกเสียใจเป็นธรรมดา ป๋าเป็นที่เคารพนับถือตั้งแต่แรก เป็นสัจธรรม ชีวิตเกิดขึ้น ดำรงอยู่ แล้วก็ดับไปเป็นธรรมดา ก็ต้องทำใจว่าเป็นธรรมชาติ ส่วนตัวก็จะเดินทางไปฟังสวดศพด้วย
    "วันนี้ก็เสียใจอย่างสุดซึ้ง ต้องอโหสิกรรมอยู่แล้ว อะไรที่เป็นบทเรียนก็ต้องเก็บไว้ไม่ให้มันเกิดต่อไป" นายวีระกานต์กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"