ลืมอดีตจัดตั้งรัฐบาลร่วมรื้อรธน.


เพิ่มเพื่อน    

 ขบวนขันหมากพร้อมสินสอด พปชร.ไปหมั้น “ปชป.-ภท.” แล้ว เฉลิมชัยเผยมีแนวโน้มที่ดี เห็นพ้องแผนรื้อรัฐธรรมนูญ เตรียมนำเข้าที่ประชุม กก.บห.ชี้ขาดสุดท้าย “เสี่ยหนู” โต้ไม่ได้หลอกประชาชน เผยเข้า 4 ข้อหลัก โควตารัฐมนตรีป่วนหลัง “อุตตม” ลดแลกแจกแถม สมศักดิ์ถึงขั้นเหวอ  “เกษตรฯ” ส่อหลุด ภูมิใจไทยวางตัวคนนั่งเก้าอี้เรียบวุธ “7 พรรค” ย้ำยังจับมือกันเหนียว พาเหรดรุมสับ 2 พรรคเห็นกันอยู่ถูกเจาะไข่แดงนานแล้ว 

เมื่อวันจันทร์มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่น่าสนใจในการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล เมื่อพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เดินสายไปทาบทามพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โดยในช่วงเช้าที่พรรค ปชป.ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า ไม่ได้หมายความว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะหลังรับเทียบเชิญพรรคจะประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ในวันที่  28 พ.ค. เวลา 17.00 น. และนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมร่วมระหว่าง ส.ส.และ กก.บห.เพื่อตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ 
“ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร มั่นใจว่าเรามีเหตุผลให้ทุกคน ส่วนเรื่องเสียงรัฐบาลปริ่มน้ำนั้นในอดีตก็ยังอยู่กันได้ เพราะอยู่ที่การทำงานและการประสานงานมากกว่า ซึ่งพรรคยืนยันว่าไม่มีเรื่องต่อรองตำแหน่งทางการเมือง” นายเฉลิมชัยกล่าว
และเมื่อเวลา 11.00 น. นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค พปชร.พร้อมแกนนำพรรค และแกนนำกลุ่มสามมิตรเดินทางมาถึงพรรค ปชป.เพื่อทาบทามเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยมีนายเฉลิมชัยพร้อมแกนนำพรรคให้การต้อนรับ โดยนายอุตตมให้สัมภาษณ์ก่อนหารือว่า วันนี้พรรค พปชร.มาเรียนเชิญพรรคประชาธิปัตย์อย่างเป็นทางการ เพื่อให้เรามาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเพื่อเดินหน้าประเทศไทย และเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนตามที่พรรคได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามธรรมเนียมประเพณีทางการเมืองที่ทำมาโดยตลอด
“วันนี้ถือเป็นพิธีการสำคัญที่มาพบกัน ส่วนเรื่องรายละเอียดต่างๆ ไม่ว่าเป็นนโยบายที่แต่ละพรรคร่วม และการแบ่งงานในแต่ละกระทรวงคงได้พูดคุยกันในลำดับต่อๆ ไป ส่วนเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรีนั้น พรรคร่วมก็คงเข้าใจกันดีว่าถ้ามาร่วมงานด้วยกัน เราจะสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างไร” นายอุตตมกล่าว
เมื่อถามถึงกรณี ปชป.เคยหาเสียงไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ พรรค พปชร.ไม่ติดใจใช่หรือไม่  นายอุตตมตอบว่าเป็นเรื่องที่ผ่านพ้นไปแล้ว เราอย่าไปติดใจอะไรกัน อย่าไปสร้างเงื่อนไขใหม่ วันนี้เป็นนิมิตหมายที่ดีแล้วที่จะเดินหน้าไปด้วยกัน ก็ขอให้เป็นอย่างนั้น ส่วนการเลือกนายกฯ นั้นคงไม่ช้า คิดว่าน่าจะได้นายกฯ ภายในเดือนนี้ แต่ต้องรอการยืนยันก่อน      
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พปชร.กล่าวว่า วันนี้เอาหัวใจมาเพราะนายเฉลิมชัยเขารวยอยู่แล้ว เอาหัวใจมาให้ก็พอแล้ว 
ภายหลังใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค  พปชร.และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตรได้ออกจากห้องประชุมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด โดยนายณัฏฐพลได้กราบสักการะแม่พระธรณีบีบมวยผม พร้อมกล่าวสั้นๆ ว่ามีธุระจึงขอออกมาก่อน ส่วนนายสมศักดิ์ระบุว่าจะไปโรงพยาบาล
รับพร้อมรื้อรัฐธรรมนูญ
ต่อมานายอุตตมให้สัมภาษณ์หลังหารือว่า ได้พูดคุยถึงแนวทางการทำงานร่วมกันในฐานะรัฐบาล  โดยรวมถือว่ามีข้อสรุปที่ดีที่จะเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนรายละเอียดทั้งสองฝ่ายต้องเดินหน้าทำงานด้วยกัน  โดยพรรค ปชป.ก็ไปหารือภายในพรรค ส่วน พปชร.ก็มีงานที่ต้องทำเช่นกัน สำหรับนโยบายของทั้งสองพรรคถ้าเอามาเทียบกันก็เห็นได้ว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรียังมีเวลาพูดคุยกันในรายละเอียด แต่สิ่งสำคัญคือวันนี้เป็นจุดตั้งต้นที่ดี ซึ่งจะนำไปสู่การหารือร่วมกันต่อไป
    “การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการมาพูดถึงแค่หลักการ แต่จะผลักดันก็ต้องทำในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล  และต้องขอเสียงสนับสนุนจากฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ยังไม่ได้พูดถึงประเด็นที่ต้องแก้ไข” นายอุตตมกล่าว
ขณะที่นายเฉลิมชัยกล่าวเสริมว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องใช้เสียง ส.ส.ฝ่ายค้านด้วย ดังนั้นทั้งสองพรรคจะมาสรุปเองฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องใช้เวลาพูดคุยกัน แต่เบื้องต้นเห็นพ้องต้องกันว่าสิ่งที่เป็นปัญหาจะถูกนำมาพิจารณาร่วมกันในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หากมีโอกาสร่วมรัฐบาลกัน ส่วนประเด็นอื่นๆ จะนำไปพิจารณากันต่อไปในวันข้างหน้า ขอยืนยันว่าแนวโน้มการพูดคุยเป็นไปได้ด้วยดี และคงพูดคุยกันอีกครั้ง” นายเฉลิมชัยระบุ
ในตอนท้ายนายเฉลิมชัยบอกว่าขอให้รอเพราะมีคำตอบแน่นอน ส่วนนายอุตตมระบุว่าของดีต้องรอหน่อย จากนั้นแกนนำทั้งสองฝ่ายได้จับมือกันอย่างชื่นมื่น
ภายหลังแกนนำ พปชร.เดินทางกลับไปแล้ว นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป.ได้ยกป้ายที่มีข้อความระบุว่า “ไม่เอาประยุทธ์เป็นนายกฯ” หน้าบริเวณลานแม่พระธรณีบีบมวยผม โดยบอกว่าขณะนี้พรรคยังไม่มีมติออกมาจึงถือว่ายังมีความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่หากมีมติออกมาว่าจะร่วมรัฐบาลและสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ก็จะพิจารณาท่าที
และเมื่อเวลา 15.30 น. ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้า ภท. และนายอุตตมพร้อมแกนนำ 2 พรรคได้แถลงข่าวหลังเดินทางมาทาบทามและหารือกันเพียง 30 นาที โดยนายอุตตมกล่าวว่าได้รับฟังจากนายอนุทินถึงแนวคิดของพรรค ภท.เรื่องการทำงานเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและเชื่อว่าจะทำงานร่วมกันได้ รวมถึงกับพรรคร่วมพรรคอื่นด้วย
เมื่อถามว่าพรรค ภท.ตอบรับเลยหรือไม่ นายอนุทินตอบว่าตอนนี้ทั้ง 2 พรรคได้รับข้อเสนอของแต่ละฝ่าย พวกเราให้เกียรติ กก.บห.ก็จะนำข้อเสนอกลับไปหารือกับ กก.บห.จากนั้นค่อยติดต่อกัน เราเชื่อว่าประเทศขาดรัฐบาลไม่ได้ ถ้ามีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลเพื่อบริหารราชการแผ่นดินด้วยความรวดเร็วก็จะเป็นประโยชน์ ทำให้ประเทศไม่หยุดชะงัก 
ถามอีกว่ากดดันหรือไม่ที่มีการโจมตีว่าพรรคโกหกประชาชน จากที่ก่อนหน้านี้เคยระบุว่าไม่ทำงานร่วมกับทหาร นายอนุทินกล่าวว่า พรรคพูดมาตลอดว่าใครรับจุดยืน 4 ข้อได้เราก็พร้อมทำงานด้วย คือ  1.เราจะร่วมเป็นรัฐบาลที่เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ 2.เราจะร่วมกับรัฐบาลที่ไม่สร้างความขัดแย้งกับคนในชาติ 3.รัฐบาลต้องมีเสถียรภาพบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ใช่รัฐบาลเสียงข้างน้อย และ 4. นโยบายของพรรคได้รับการสนับสนุนตอบรับ ซึ่งทั้ง 4 ข้อนี้ยังอยู่ในกรอบที่เราได้ให้สัญญาไว้กับประชาชน
“เราไม่เคยโกหกประชาชน ไม่มีวันโกหก ไม่มีความคิดจะโกหกประชาชน หากไปดูคลิป ข้อชี้แจง การให้สัมภาษณ์ หรือแม้แต่การปราศรัย ไม่มีจุดไหนที่พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ปฏิบัติในสิ่งที่ตัวเองพูดไว้”นายอนุทินกล่าว
เมื่อถามต่อว่าในส่วนพรรค ภท.ต้องรอผลประชุมของพรรค ปชป.หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เท่าที่หารือกันได้นัดแนะกันว่าก่อนจะเลือกนายกฯ ทุกอย่างต้องชัดเจน และพรรคที่จะร่วมกันเป็นรัฐบาลร่วมกันได้เสนอไปว่า หัวหน้าพรรค พปชร.ซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลคงจะแถลงร่วมกันอีกครั้งของทุกพรรคที่จะร่วมรัฐบาล ก่อนตัดสินใจเลือกนายกฯ 
มีรายงานข่าวแจ้งว่าในการหารือกับพรรค ปชป.นั้น นายอุตตมได้ยืนยันว่าโควตารัฐมนตรีของ  ปชป.มี 8 เก้าอี้ 7 ตำแหน่ง แบ่งเป็น 3 รัฐมนตรีว่าการ และ 4 รัฐมนตรีช่วย โดยในส่วน รมว.คือ  กระทรวงพาณิชย์, เกษตรและสหกรณ์ และการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ส่วน รมช. 4 เก้าอี้ คือ คมนาคม, มหาดไทย, ศึกษาธิการ และสาธารณสุข ซึ่งตำแหน่ง รมช.ศธ.และ รมช.สธ.ยังไม่นิ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้อีก ซึ่งทำให้นายสมศักดิ์ถึงกับตกใจที่ได้รับทราบเรื่อง เพราะกระทรวงเกษตรฯ  เป็นเก้าอี้ที่นายสมศักดิ์จองไว้  
ภท.วางตัวรัฐมนตรีแล้ว
ขณะที่อีกกระแสข่าวแจ้งว่าท่าทีของแกนนำ พปชร.ไม่พอใจที่จะให้ตำแหน่งกระทรวงเกษตรฯ และพาณิชย์แก่ ปชป. เพราะเป็นกระทรวงที่ พปชร.ต้องใช้ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ จึงมีความพยายามใช้เก้าอี้กระทรวงศึกษาฯ แลกกับกระทรวงเกษตรฯ ทำให้โควตารัฐมนตรียังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งรายชื่อจะเห็นภาพชัดขึ้นหลังโหวตเลือกนายกฯ ที่ต้องนำรายชื่อรัฐมนตรีให้นายกฯ พิจารณา โดยหากบางกระทรวงที่ยังไม่ลงตัวเรื่องบุคคลอาจพิจารณาให้คนนอกที่มีความสามารถเข้ามาทำหน้าที่ได้เพื่อให้ ครม.ใหม่มีความสง่างาม 
รายงานข่าวจากพรรค ภท.แจ้งว่า ในส่วนโควตาของ ภท.นั้นคาดว่าจะได้รองนายกฯ 1 ตำแหน่ง, 3  รมว. และ 2 รมช. ซึ่งพรรค ภท.ได้วางตัวไว้แล้ว โดยนายอนุทินจะดำรงตำแหน่งรองนายกฯ ควบ รมว.สธ., นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค รมว.คมนาคม, นางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เหรัญญิกพรรค รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และนายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรค รมช.เกษตรฯ และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี รองหัวหน้าพรรค รมช.มหาดไทย
ส่วนนายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในฐานะผู้อำนวยการพรรค กล่าวถึงความชัดเจนถึงกรณีพรรค พปชร.ทาบทาม ปชป.และ ภท.อย่างเป็นทางการว่า ในส่วนของพรรค ชทพ.ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ ส่วนการประชุม ส.ส.เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ถือเป็นการหารือภายในของ ส.ส.ในการทำงานด้านนิติบัญญัติเพื่อโหวตประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภา ส่วนเรื่องฝ่ายบริหารที่จะมีขึ้นต่อไปจากนี้ต้องเป็นมติของ กก.บห.และแจ้งให้สาขาพรรคทั่วประเทศรับทราบ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับพรรคด้วย และยังไม่มีการดำเนินการใดๆ
เมื่อถามว่าพรรค พปชร.ได้ทาบทามหรือยัง นายนิกรตอบว่ายัง มีเพียงประสานไปประสานมา แต่ที่ชัดเจนนั้นไม่มี และเมื่อถามย้ำว่า พปชร.ควรมีท่าทีที่ชัดเจนใช่หรือไม่ นายนิกรกล่าวติดตลกว่า พรรคเคยเป็นมาหมดแล้วทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน แต่ที่ยังไม่เคยเป็นก็คือพรรคที่อยู่ในสภาพเป็นกลางในสภา หรือฝ่ายกลางในสภา อันนั้นเรายังไม่เคยเป็น คือไม่สังกัดฝ่ายใด เป็นการทำหน้าที่โดยไม่ฝักใฝ่ฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน แต่ทำหน้าที่นิติบัญญัติโดยโหวตเป็นวาระๆ ไป เรายังไม่เคยเป็นตรงนี้ ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ
ถามย้ำว่าไม่ใช่การขู่พรรค พปชร.ใช่หรือไม่ นายนิกรกล่าวว่าแค่ยังไม่เคยเป็น
ในเวลาใกล้ๆ กันที่โรงแรมอวานี เอเทรียม 7 พรรคที่ระบุว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยได้นัดหารือกันถึงกรณีดังกล่าวโดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ภายหลังการประชุมนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า 7 พรรคยังยึดมั่นในสิ่งที่ได้แถลงต่อประชาชน ไม่ว่าเรื่องพยายามให้ประเทศไทยกลับสู่สภาวะที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ไม่ต้องการเห็นการสืบทอดอำนาจ ไม่อยากเห็น พล.อ.ประยุทธ์มาทำหน้าที่ต่อ ส่วนเรื่องการโหวตนายกฯ นั้น 7 พรรคจะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน  และจะสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนชัดเจน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องคุยกันต่อยังมีเวลา เราก็จะเสนอรายชื่อที่ชัดเจน 
ซัด ปชป.ได้คืบเอาศอก
“แต่ละพรรคต้องกลับไปดูว่าการตัดสินใจในครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะสะท้อนให้ประชาชนเห็นว่าเราเป็นนักการเมืองที่ซื่อสัตย์ต่อประชาชนหรือไม่ จริงใจในสิ่งที่ได้พูดได้แสดงออกหรือไม่ จึงต้องเคารพในสิ่งที่ได้พูดไว้กับประชาชน และเชื่อว่าทุกพรรคการเมืองจะต้องนำสิ่งเหล่านี้ไปคิด ใครก็ตามที่ไม่สามารถยืนยันกับพี่น้องประชาชนได้ หรือทรยศกับสิ่งที่ตัวเองพูดไว้ ประชาชนจะต้องตัดสินใจและจัดการกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” นายภูมิธรรมกล่าว 
ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวว่า ถ้าเราไม่ต้องการการสืบทอดอำนาจ ไม่ต้องการ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ต้องการให้ระบอบ คสช.อยู่ แล้วไปเรียกร้องให้พรรค พปชร.เป็นแกนหลักในการแก้รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะพรรค ปชป.ที่ไปคาดหวัง เป็นเรื่องตลกและเป็นไปไม่ได้ เพราะ พปชร.เป็นพรรคที่ตั้งมาเพื่อสืบทอดอำนาจ ถ้าต้องการแก้รัฐธรรมนูญจริงๆ จะเห็นอยู่แล้วว่าพรรคการเมืองกลุ่มไหนที่ต้องการทำ และหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. มันเลือกข้างได้ชัดเจน 
"ไปดูหัวบันไดพรรคผม ใสปิ๊ง ขัดรอทุกวันเลย ดังนั้นเลือกได้อยู่แล้วถ้าต้องการจะแก้รัฐธรรมนูญ  ต้องการจะหยุดยั้งอำนาจ คสช. เลือกข้างไปตั้งนานแล้ว แต่ที่ทำอยู่ไม่มีอะไร เพียงแค่ได้คืบจะเอาศอก  ได้ประธานสภาไปแล้วก็เอารัฐธรรมนูญมาต่อรองต่อ นี่คือเรื่องผลประโยชน์ไม่ใช่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ"  นายธนาธรกล่าว
เมื่อถามถึงความมั่นใจในการได้ตำแหน่งนายกฯ นายธนาธรกล่าวเพียงสั้นๆ ว่าความมั่นใจยังคงน้อยลง เพราะเราต้องยอมรับความจริง 
    ส่วน ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรค พท.กล่าวว่า ทำไมพรรค ปชป.กล้าพูดว่ายังไม่ตัดสินใจร่วมรัฐบาลกับพรรค พปชร. ในเมื่อเห็นๆ กันว่าโดนเจาะไข่แดงไปเรียบร้อยแล้ว ยังอ้างว่ารอเขายกขันหมากมาขออีกหรือ ไหนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยพูดก่อนเลือกตั้งว่ายังไงก็ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ อย่างนี้ไม่ให้เรียกตระบัดสัตย์อย่างที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์วิจารณ์แล้วจะให้เรียกว่าอะไร และอย่ามาอ้างว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคแล้ว เพราะนั่นอาจเป็นแค่การหาทางลงสวยๆ เพื่อจูบปากกับเผด็จการเท่านั้น เลยต้องเล่นไพ่หลายๆ หน้า 
“ตอนประชุมสภา ปชป.ก็ผลัดกันโยนผลัดกันเสิร์ฟกับ พปชร.ทั้งในการโหวตเก้าอี้ประธานและรองประธานสภา” ร.ท.หญิง สุณิสากล่าว
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า  เชื่อมาตั้งแต่ต้นว่าสองพรรคนี้อย่างไรก็ไปรวมกับ พปชร. เพราะแบบมันถูกออกมาว่า พปชร.ถ้ารวบรวมเสียงได้ก่อน 126 เสียง บวกกับ ส.ว. 250 ก็เกินครึ่ง 376 แล้ว เพราะฉะนั้นทันทีที่ 11 พรรคเล็กเกิดก็บวกกับ 115 ของพลังประชารัฐก็ได้ 126 เสียง แม้สองพรรคนี้จะเล่นลีลาทางการเมืองก็เพื่อได้สมปรารถนา 
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.กล่าวว่า อยากจะดูต่อไปด้วยว่าถ้า ปชป.ตอบรับร่วมรัฐบาลกับ พปชร. นายอภิสิทธิ์จะลุกขึ้นยืนในสภาแล้วขานชื่อโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ได้อย่างไร ถ้าอดีตหัวหน้าพรรคแสดงออกเช่นนั้น ปชป.จะอธิบายอย่างไรกับประชาชน แต่เชื่อว่าทั้งหมดมีการตกลงกันไปก่อนแล้ว การยกขันหมากเทียบเชิญวันนี้ก็เป็นเพียงละครทางการเมืองฉากหนึ่งที่จะให้ภาพออกมาดูสมบูรณ์ 
พร้อมทำงานหลังโปรดเกล้าฯ
วันเดียวกัน นายชวน หลีกภัย ว่าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวว่า ได้ไปหารือกับเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรถึงเรื่องการทำงานโดยรวม และดูสถานที่ทำงานภายในอาคารรัฐสภาใหม่ ทั้งนี้หลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เข้าทำหน้าที่อย่างเป็นทางการแล้ว จะนัดหารือกับรองประธานสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 2 คน พร้อมด้วยประธานและรองประธานวุฒิสภา เพื่อพิจารณาเรื่องการทำงานร่วมกัน รวมถึงสถานที่ประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อการลงมติเลือกนายกฯ ด้วย
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงบรรยากาศความวุ่นวายการอภิปรายวันเลือกประธานและรองประธานสภาว่า แล้วจะให้ทำอย่างไร ผู้แทนราษฎรมีสิทธิ์ที่จะพูดก็ว่ากันไป ส่วนกระแสข่าวในเรื่องตั้งรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำนั้น ไม่รู้เพราะไม่ได้เป็นนักการเมือง ส่วนที่จะทำให้รัฐบาลหน้าสั่นคลอนหรือขาดเสถียรภาพหรือไม่นั้นก็ไม่รู้ ต้องไปถามนักการเมืองดู 
เมื่อถามว่าถ้ากลับมาเป็น รมว.กห.ต้องเจอบรรยากาศเช่นนี้อีก พล.อ.ประวิตรกล่าวว่ายังไม่รู้ว่าจะได้กลับมาหรือไม่ เรื่องแบบนี้มาคิดว่าถ้าคงไม่ได้ และหากตนเองคิดว่าถ้าไม่ได้กลับมาบ้างละ เพราะนายกฯ ยังไม่ได้บอกอะไรเลย และยังไม่มีการทาบทามอะไร
ถามถึงกรณี พปชร.ไปเชิญพรรค ปชป.และ ภท.ร่วมรัฐบาล ซึ่งมีโอกาสที่ พล.อ.ประวิตรจะได้กลับมาเป็น รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าใครบอก สื่อคิดไปเองทั้งนั้น ยอมรับว่าตนก็อายุเยอะแล้ว  ส่วนจะเกิดความวุ่นวายในวันโหวตเลือกนายกฯ นั้นไม่รู้ ต้องไปถามนักการเมืองดู ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยแล้ว 
ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวหยอกล้อสื่อมวลชนก่อนถูกถามว่า ยังไม่มีเทียบเชิญมา รีบบอกเสียก่อน เขาคงไปที่อื่นไปข้างหน้าก่อน และเมื่อถามว่าเทียบเชิญของเรามาทีหลังเนื่องจากเป็นกันเองใช่ไหม นายวิษณุตอบว่าไม่ต้อง เขาอาจเรียกให้ไปหาเขาแล้วหลับหูหลับตาหยิบเทียบมาเอง
เมื่อถามถึงการทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อประธานและรองประธานสภา ส.ส.และ ส.ว. นายวิษณุกล่าวว่า สภาต้องส่งมาให้รัฐบาลเพราะนายกฯ จะเป็นผู้รับสนอง แต่ไม่ทราบว่าเขาส่งมาหรือยัง แต่ทราบจากข่าวว่าเลขาธิการสภาเตรียมส่งมาหลังเลือกกันเสร็จ ซึ่งเมื่อรับมานายกฯ สามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายได้ต่อไป ซึ่งอาจเป็นวันนี้ก็ได้ ส่วนเรื่องการโหวตนายกฯ นั้น พล.อ.ประยุทธ์ไม่จำเป็นต้องไปแสดงตัวที่รัฐสภา   
ถามถึงการประชุม ครม.ในวันที่ 28 พ.ค.จะเป็นนัดสุดท้ายหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าไม่ใช่ ยังเป็นปกติเพราะไม่รู้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"