ไม่รอดแน่! ผู้ตรวจฯกรมการปกครองลงพื้นที่ อ.ไทรโยค สอบผู้ใหญ่บ้านบ้องตี้ เรียกเงินค่าทำบัตรประจำตัวต่างด้าวชาวเมียนมา รายละ 2,500-20,000 บาท สอบปากคำผู้เสียหายเกือบ 200 คน คาดใช้เวลา 1 เดือนดำเนินคดีตามกฎหมาย

28 พ.ค.62 - นายวิรัตน์ ไชยสิทธิ์ ผู้ตรวจการกรมการปกครอง พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้องตี้ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีนายนิทัศน์ ลูกอินทร์ นายก อบต.บ้องตี้ พร้อมด้วยนายประเทือง ทองเปราะ อดีตกำนัน ต.บ้องตี้ และชาวบ้านกว่า 30 คนให้การต้อนรับ

จากนั้นคณะของนายวิรัตน์ ได้เข้าห้องประชุม อบต.บ้องตี้ โดยมีนายประเทือง และชาวบ้านสัญชาติเมียนมา เข้าไปให้ปากคำโดยเจ้าหน้าที่ทำการเรียกสอบปากคำเป็นรายบุคคล กรณีผู้ใหญ่บ้านเรียกรับเงินค่าทำและต่ออายุบัตรชาวต่างด้าวในพื้นที่

นายประเทือง ได้ให้ปากคำต่อคณะกรรมการว่า ตนเป็นอดีตกำนัน ต.บ้องตี้ ชาวบ้านทุกคนเป็นชาวกระเหรี่ยง มอญ และพม่า ได้เข้ามาอยู่อาศัยในตำบลนี้มานานหลายสิบปี ตนรักทุกคนเหมือนลูกหลาน หลังชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนในเรื่องผู้ใหญ่บ้านเรียกรับเงินค่าทำและต่ออายุบัตรประจำตัว เป็นยอดสูงหลายพันบาทต่อคน ทำให้ชาวบ้านที่ยากจนเดือดร้อน หากไม่มีเงินก็ทำไม่ได้ ตนบอกกำนัน ต.บ้องตี้และนายก อบต.บ้องตี้ให้ช่วยพูดคุยกับผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าว ขอให้ลดยอดจำนวนเงินค่าทำบัตรลงบ้าง เพราะชาวบ้านยากจนเดือดร้อน แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ จนชาวบ้านต้องร้องเรียนต่อกรมการปกครอง

นายวิรัตน์ ไชยสิทธิ์ ผู้ตรวจการกรมการปกครอง เปิดเผยว่าได้รับคำสั่งจากอธิบดีกรมการปกครอง ให้เดินทางมาตรวจสอบในเรื่องผู้ใหญ่บ้านเรียกรับเงินจากชาวบ้านเรื่องการทำบัตรประจำตัว เรื่องนี้ก็จะต้องสอบปากคำชาวบ้านที่ถูกเรียกรับเงิน ทราบว่ามีเกือบ 200 ราย ก็ต้องสอบปากคำทุกคน พร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐาน อาจใช้เวลา 2-3 วัน เมื่อเสร็จกระบวนการตรงนี้ก็จะต้องไปที่อำเภอไทรโยค เพื่อตรวจสอบเจ้าหน้าที่อำเภอว่า มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่อย่างไร

นายวิรัตน์ ระบุว่า จากนั้นจะประชุมคณะกรรมการ ที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อสรุปในรายละเอียดและดำเนินการตามระเบียบข้อกฎหมายต่อไป คงใช้เวลาราว 1 เดือนก็คงทราบว่าใครผิดถูก ต้องดำเนินการต่อไปอย่างไร เช่น ต้องดำเนินคดีทางอาญาหรือไม่ หรือต้องส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป

ขณะเดียวกันชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน และถูกเรียกรับเงินค่าทำบัตรประจำตัว ต่างทยอยเดินทางมา เพื่อให้ปากคำต่อคณะกรรมการ ต่างรุมประณามผู้ใหญ่บ้านที่เรียกรับเงินเป็นจำนวนสูงหลายพันบาท บางรายถูกเรียกรับเงินกว่า 20,000 บาท หากไม่ยินยอมจ่ายก็จะถูกแทงจำหน่ายว่าไม่ได้เป็นบุคคลอยู่ในพื้นที่