โม้แหลก‘งูเห่าสีส้ม’ตัวละตั้ง120ล้าน


เพิ่มเพื่อน    

 ดรามางูเห่าสีส้ม “คุณช่อ” นำ ส.ส.อนาคตใหม่แถลงมีกลุ่มทุนใหญ่ที่นอนเดียวกับ คสช.-หลายพรรคร่วมขบวนการซื้อ ส.ส. เกือบทุกคน มโนบางรายขู่เอาถึงชีวิต แต่ไม่กล้าเปิดเผย อ้างไม่ปลอดภัย ส.ส.อนค.โม้แหลกค่าตัวถึง 120 ล้านแต่ปฏิเสธ โซเชียลฯ วิจารณ์ขรมไม่สมเหตุผล ซัดแค่ปั่นราคา "ปิยบุตร" ยื่น ปธ.สภาฯ ให้ตรวจสอบลักษณะต้องห้ามแคดิเดตนายกฯ-สอบ 30 ส.ส.ฝ่าย "บิ๊กตู่" ถือหุ้นสื่อหวังชงศาล รธน.สั่งยุติหน้าที่เหมือน "ธนาธร"

    ที่พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) วันที่ 4 มิถุนายน มีการแถลงข่าวกรณี ส.ส.งูเห่าพรรค อนค. นำโดย น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค และ ส.ส. ประกอบด้วย นายอนาวิล รัตนสถาพร ส.ส.ปทุมธานี, นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กรุงเทพมหานคร, นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายฐิตินันท์ แสงนาค ส.ส.ขอนแก่น, นายทองแดง เบ็ญจะปัก ส.ส.สมุทรสาคร และสมาชิกคนอื่นอีก 7 คน โดย น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า เรื่องที่เราพูดมาตลอดสามเดือนที่ผ่านมา และเป็นปัจจัยสำคัญในการชี้ขาดเลือกนายกรัฐมนตรี คือเรื่องงูเห่า โดยเฉพาะงูเห่าสีส้ม 
    น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่เห็นข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงจัดตั้งรัฐบาล ทั้งที่มีเพียง 150 เสียง ซึ่ง 3 วันหลังจากการเลือกตั้ง 7 พรรคฝ่ายต่อต้านการสืบทอดอำนาจ ประกาศให้สัตยาบัน ตอนนั้นเรามีเสียงทั้งหมด 253 เสียง วันนี้เสียงเราลดเหลือ 246 เสียง แต่ก็ยังคงจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ขณะที่มีสมาชิก พปชร.กล่าวออกรายการทีวีว่ารัฐธรรมนูญเขียนมาเพื่อให้ พปชร.เป็นรัฐบาล ส.ว.ออกแบบมาเพื่อให้ช่วยโหวตนายกฯ แต่พรรคการเมืองที่ไม่เสียง 250 เสียง หรือเป็นเสียงปริ่มน้ำ ไม่สามารถบริหารประเทศได้ จึงจำเป็นต้องซื้องูเห่าจากพรรคอื่นเพื่อโหวตสนับสนุนรัฐบาลร่างทรงของ คสช.
    “ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ติดต่อถูกซื้อเยอะมาก น่าจะเกือบครบทุกคน อาจเพราะเราหน้าใหม่ หรือฝ่ายตรงข้ามมองว่าเราซื้อได้ด้วยเงิน ซึ่งเป็นการประเมินที่ผิด วันนี้คนที่มาร่วมแถลงข่าวล้วนเคยถูกติดต่อเพื่อให้เป็นงูเห่า ผู้แทนของเราทุกคนไม่ทรยศประชาชน และทิ้งอุดมการณ์ ประชาธิปไตย รูปแบบการซื้องูเห่า ไม่ว่าจะเป็นการหลอกล่อด้วยเหตุผลใดๆ อย่างเรื่องพรรคโดนยุบ หรือกรณีคดีของหัวหน้าพรรค รวมทั้งการข่มขู่ที่จะเอาถึงชีวิตทั้งทางตรงและทางอ้อม เป็นเหตุที่ทำให้เราไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้  โดยทางผู้ติดต่อมาแจ้งว่ามีกลุ่มทุนใหญ่สนับสนุนการซื้องูเห่า การทำแบบนี้เป็นการทำลายสถาบันหลักอย่างพรรคการเมืองหรือไม่”
    โฆษกพรรค อนค.กล่าวต่อว่า ขอเรียกร้องไปยังพรรคที่ซื้องูเห่า ซึ่งมีหลายพรรค ทำกันเป็นขบวนการ ขอให้หยุดภารกิจบ่อนทำลายประชาธิปไตย หยุดทำงานที่ไม่เป็นประโยชน์และรบกวน ส.ส.ของเรา การติดต่อต่างๆ ล้วนไม่เป็นผล หากถึงที่สุดแล้วมีผู้ที่ใช้ชื่อ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ยกมือโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ สิ่งเดียวที่เราจะทำคือให้เขาหรือเธอคนนั้นลาออกไปซะ เพื่อไปอยู่ในพรรคที่มีจุดยืนตรงกันกับตัวเขา
    "เราจะไม่เปิดเผยตัวแทนที่ติดต่อเรื่องงูเห่า เพราะเราคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้สมัครของเรา และคนที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนติดต่อนั้นจริงๆ แล้วไม่ได้มีความสำคัญที่สุด หากเปรียบกับขบวนการค้ายาเสพติด เปรียบไปก็เป็นคนเดินยา จับเขาก็ไม่ได้ ทำให้ขบวนการซื้องูเห่าหมดไป หากจะชี้ไปที่ใครก็ต้องชี้ไปคนที่อยู่ที่แจ้งที่สุด และทำไปเพื่อการสืบทอดอำนาจของ คสช. และการอยู่ในตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ เรามั่นใจว่า ส.ส.ทุกคนอยู่ได้ด้วยอุดมการณ์ และจะทำงานรับใช้ประชาชน โดยไม่มีงูเห่าในพรรค” น.ส.พรรณิการ์กล่าว
    ด้านนายอนาวิลกล่าวว่า ตนได้รับการติดต่อ 2 ครั้ง ครั้งแรกจำนวน 30 ล้านบาท โดยรอบแรกให้ 25 ล้านบาท หลังเลือกนายกฯ ให้อีก 5 ล้าน ส่วนครั้งที่ 2 เสนอเงินให้ 60 ล้าน โดยตนจะได้ 50 ล้านบาท หักเป็นค่านายหน้า 10 ล้านบาท
    นายเท่าพิภพกล่าวว่า ได้รับการติดต่อตั้งแต่หลังการเลือกตั้ง เสนอให้ 30 ล้านบาท ผ่านคนสนิท ซึ่งตนปฏิเสธไป แต่ยังมีการติดต่อเรื่อยๆ จาก 50 ล้าน เป็น 70 ล้าน จนสัปดาห์ที่ผ่านมาเสนอให้ 120 ล้านบาท แต่ตนปฏิเสธไป เพราะคิดว่าการที่เราเป็นผู้แทนประชาชน เราแบกความหวังของประชาชนไว้ ซึ่งความไว้วางใจของพี่น้องประชาชนนั้นมากกว่า 120 บาท แน่นอน
    นายฐิตินันท์กล่าวว่า หลังการเลือกตั้งช่วงเช้าวันที่ 25 มี.ค. มีโทรศัพท์มาแจ้งว่ามีผู้ใหญ่ขอพบ เป็นระดับรองหัวหน้าพรรค สะดวกให้พบที่ไหน ซึ่งตนได้ปฏิเสธไป เพราะ กกต.ยังไม่รับรอง และทางพรรคก็กำชับว่าห้ามให้สัมภาษณ์สื่อ เพราะผลการเลือกตั้งยังไม่ออกมาเป็นทางการ และเสนอให้เงินใช้นอกบัญชี 9 หลัก แต่ตนก็ปฏิเสธไป ก่อนวันโหวตยังเสนอให้ 5 ล้าน และหลังวันโหวตให้อีก 70 ล้าน พร้อมเงินเดือนอีกเดือนละ 200,000 บาท ที่ตนเข้ามาเพราะอุดมการณ์ประชาธิปไตย และความรักในผู้บริหารพรรคทุกคน 
    ส่วนนายทองแดงกล่าวว่า หลังเลือกตั้งมีคนติดต่อมาตลอดเริ่มที่ 25 ล้าน เป็น 50 ล้าน ล่าสุดคือ 75 ล้าน แต่ตนก็ปฏิเสธไป เพราะหากตนรับ พ่อแม่พี่น้องของตน เขาจะคิดอย่างไร 
    เมื่อถามว่า การทุ่ม 120 ล้านเพื่อซื้องูเห่านั้นเป็นไปได้หรือไม่ เนื่องจากก่อนการเลือกตั้งมีการดูด ส.ส.ด้วยเงินจำนวนมากอยู่แล้ว น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า ราคามันสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามความต้องการ ช่วงหลังการเลือกตั้งราคาไม่สูงมาก แค่ 5-10 ล้าน เขาซื้อไม่ได้ ราคาจึงสูงขึ้น ทำให้เห็นว่ามันคุ้มค่าที่ผู้มีอำนาจจะได้อยู่ต่อ เงินจำนวนนี้ยังเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่นอนเดียวกับคณะรัฐประหารด้วย
    ถามต่อว่า มีหลักฐานที่พร้อมจะเอาผิดกระบวนการการซื้องูเห่าหรือไม่ และจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพื่อเชื่อมโยงไปถึงการยุบพรรคที่มาติดต่อ น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า การยุบพรรคจะเกิดขึ้นได้เมื่อ คณะกรรมการบริหารพรรคมีส่วนรู้เห็น ซึ่งเขาก็ต้องรู้ตัว แต่ในส่วนของการดำเนินคดี ผู้ที่เสนอให้นั้นมีความเป็นไปได้ เพราะถือว่ามีความผิดตามมาตรา 46 ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ยืนยันว่าเรามีพยานหลักฐานหนักแน่นเพียงพอ แม้จะไม่มีใบเสร็จก็ตาม แต่กระบวนการการติดต่อที่ย่อมต้องมีผู้รู้เห็นและบันทึกไว้ ซึ่งทางพรรคของสงวนสิทธิ์ในการดำเนินคดี และขอให้ติดตามรอดูต่อจากนี้
     "เกือบทั้งพรรค เพราะเขาอาจมอง ส.ส.อนาคตใหม่ว่าส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดาหาเช้ากินค่ำ มีเพียงน้อยนิดที่เป็นนักธุรกิจ จึงคิดเสนอซื้องูเห่าที่ราคา 20-30 ล้านบาท เพราะเห็นว่าเราจน แต่ก็ซื้อเราไม่ได้ เงินซื้อคนจนไม่ได้ ถ้าคนจนมีอุดมการณ์" น.ส.พรรณิการ์ กล่าวถึงจำนวน ส.ส.พรรค อนค.ที่ถูกทาบทาม 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลัง ส.ส.พรรค อนค.แถลงเรื่องขบวนการซื้องูเห่า ซึ่งมีค่าตัวสูงถึง 120 ล้านบาทนั้น ในสังคมออนไลน์มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงความไม่สมเหตุสมผล เพราะในเมื่อการโหวตเลือกนายกฯ ของทั้ง 2 สภาในวันที่ 5 มิ.ย. จะต้องใช้เสียงเกิน 375 เสียง โดยฝ่ายที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์มี ส.ว.อยู่ในมือแล้ว 250 เสียง และเมื่อรวมกับพรรคพลังประชารัฐ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคชาติพัฒนา พรรคพลังท้องถิ่นไท พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย พรรคประชาชนปฏิรูป และพรรคการเมืองที่ได้ ส.ส.พรรคละ 1 ที่นั่ง ก็จะได้เกิน 375 เสียง ยังไม่นับรวมเสียงจากพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ทำไมจะต้องลงทุนซื้องูเห่าด้วยตัวเลขสูงตามที่พรรคอนาคตใหม่กล่าวอ้าง 
     "เป็นการปั่นราคาให้พรรคตัวเอง และตีรวนทางการเมืองหรือไม่ ถ้าเป็นช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือพิจารณากฎหมายสำคัญที่ต้องใช้เสียงเฉพาะสภาผู้แทนราษฎร และในสถานการณ์ที่รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ก็อาจจะมีความเป็นไปได้ในการล็อบบี้ซื้องูเห่า แต่ราคาคงไม่มากถึง 120 ล้าน" 
      ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกฯ วันที่ 5 มิ.ย.นี้ว่า พรรคอนาคตใหม่ยังยืนยันจะเสนอชื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดตนายกฯ แม้ว่าจะถูกยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว แต่ตามรัฐธรรมนูญไม่ได้ถือว่าขาดคุณสมบัติ และต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่านายธนาธรไม่ได้มีสถานะเป็น ส.ส. แต่รัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ระบุว่าผู้ดำรงนายกฯ ต้องมาจาก ส.ส. แม้เป็นหลักการที่เราไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายแล้ว ถ้าจะทำกันถึงขนาดถอดนายธนาธรออกจาก ส.ส. ก็ยังยืนยันว่านายธนาธรยังมีคุณสมบัติ
     ที่รัฐสภาแห่งใหม่ (เกียกกาย) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค อนค. พร้อมด้วย ส.ส. พรรค อนค.ทั้ง 80 คน เข้ายื่นเอกสารคำร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยสมาชิกภาพของ ส.ส. เนื่องจากเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ หลังตรวจสอบแล้วพบว่ามีกรณีเข้าข่ายจำนวน 30 คน รวมถึงยื่นหนังสือขอเสนอญัตติเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาและตรวจสอบคุณบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ด้วย โดยมีนายเจษ อนุกูลโภคารัตน์ ผบ.กลุ่มงานประสานการเมืองและรับเรื่องราวร้องทุกข์ เป็นผู้รับหนังสือทั้ง 2 ชุด 
     นายปิยบุตรกล่าวว่า ในเรื่องการใช้สิทธิตาม มาตรา 82  ซึ่งตนเคยแถลงข่าวก่อนศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องและให้นายธนาธรยุติการปฏิบัติหน้าที่แล้วว่าจำเป็นต้องขอสงวนสิทธิ์ในการใช้วิธีการ ช่องทาง การร้องเรื่องคุณสมบัติต้องห้ามของ ส.ส. ที่ถือหุ้นสื่อในทำนองเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราตรวจสอบแล้วมี ส.ส.หลายท่านถือหุ้นบริษัทต่างๆ ที่หนังสือวัตถุประสงค์ของบริษัทนั้นมีเรื่องการประกอบกิจการสื่ออยู่ โดยรายชื่อของ ส.ส. 30 คนนั้น ประกอบด้วยพรรคพลังประชารัฐ 27 คน, พรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 คน, พรรคประชาภิวัฒน์ 1 คน และพรรคชาติพัฒนา 1 คน 
    "ตามกระบวนการแล้ว ประธานสภาฯ จะไม่มีอำนาจในการใช้ดุลยพินิจใดๆ ต้องส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญอย่างเดียว ถ้ารายชื่อ ส.ส.ที่ลงชื่อครบ 1 ใน 10 และถ้าหากใช้มาตรฐานที่เท่าเทียมกันกับกรณีของนายธนาธร ซึ่ง กกต.ส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ และมีคำสั่งรับคำร้องและสั่งหยุดการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ถ้าใช้มาตรฐานเดียวกัน น่าจะเชื่อได้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องภายใน 7 วัน และมีคำสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ด้วยเช่นกันสำหรับ ส.ส.ทั้ง 30 คน" นายปิยบุตรกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"