‘ธนาธร’ข่มขู่ศาลรธน. เชือด‘41ส.ส.’ใน7วัน


เพิ่มเพื่อน    

  ฉลองใหญ่ครบรอบ 1 ปีอนาคตใหม่ "ธนาธร" ขยายความถูกปล้นชัยชนะ คิดว่าประชาชนไม่รู้เรื่องนี้ ลั่นหากไม่มี ส.ว. 250 คน การตั้งรัฐบาลไม่ได้ออกมาแบบนี้ ถ้าอีกฝ่ายปฏิเสธทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ในรัฐสภา ก็เท่ากับการปฏิเสธการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยอย่างสันติ ใหญ่คับฟ้าขู่ศาลรัฐธรรมนูญ ใช้เวลาพิจารณาคดีหุ้นสื่อตนเอง 7 วัน ฉะนั้นกรณี 41 ส.ส.ขั้ว พปชร.ต้อง 7 วันด้วย ขณะที่โซเชียลฯ แรง ถล่มส้มหวานเละลัทธิบูชาบุคคล

     เมื่อวันเสาร์ ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ พรรคอนาคตใหม่ฉลองครบรอบ 1 ปีการก่อตั้งพรรค โดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค กล่าวก่อนเริ่มงานภายใต้หัวข้อ “1 ปี อนาคตใหม่ เดินไปด้วยกัน walk with me talk with me” ต่อทิศทางการทำงานหน้าที่เป็นฝ่ายค้านของพรรคอนาคตใหม่ว่า ตอนนี้ฝ่ายค้านทั้งหมดต้องทำงานร่วมกันเพื่อสร้างวิปฝ่ายค้านให้เข้มแข็ง สำหรับพรรคอนาคตใหม่เตรียมไว้หลายประเด็นที่เราจะทำเป็นญัตติ รวมถึงประเด็นที่อยากผลักดันให้ออกมาเป็นกฎหมาย ซึ่ง ส.ส.ของพรรคและทีมนโยบายกำลังทำงานอย่างเข้มข้นเพื่อเตรียมการ 
    เขากล่าวว่า จากนี้จะทำทีละก้าว การต่อสู้ยังอีกยาว และขอเชิญประชาชนมาต่อสู้ร่วมกัน ผ่านกลไกรัฐสภา ซึ่งเป็นกลไกที่สันติสุขที่สุด และหลีกเลี่ยงความรุนแรงให้มากที่สุด ถ้าพวกเขาปฏิเสธทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ในรัฐสภา ก็เท่ากับการปฏิเสธการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยอย่างสันติ
    ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยเสนอนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภา ก็ยินดีและมีความเหมาะสม ฐานะที่พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่มีคะแนนเสียงมากที่สุดในฝ่ายค้าน
    เมื่อถามถึงกรณีที่ระบุว่าพรรคถูกปล้นชัยชนะนั้นขอให้ขยายความ นายธนาธรตอบว่า คิดว่าพี่น้องประชาชนไม่เข้าใจเรื่องนี้เท่าไร ส.ว. 250 เสียง ถึงแม้ฝ่ายพรรคพลังประชารัฐจะเอาออกไปก็ชนะอยู่ดีนั้น เรื่องนี้ถูกต้อง แต่ต้องอย่าลืมว่าการดำรงอยู่ของ ส.ว. 250 เสียงบิดเบือนการตัดสินใจของพรรคการเมืองต่างๆ ไปตั้งแต่แรกแล้ว เหมือนที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์ว่า ต้องมองโลกแห่งความเป็นจริงว่า ถึงอย่างไรฝ่ายที่สืบทอดอำนาจของ คสช. ก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ ซึ่งฝ่ายที่ตัดสินใจเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้ตัดสินใจเพราะพรรคพลังประชารัฐมีเสียงข้างมาก แต่ตัดสินใจเพราะพรรคพลังประชารัฐ?มี ส.ว. 250 เสียงหนุนหลัง หากอยู่ฝั่งพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาลแน่ 
    "ผมเชื่อว่าหากไม่มี 250 เสียง การจัดตั้งรัฐบาลไม่ออกมาแบบนี้แน่ๆ จึงเป็นการบิดเบือนการตัดสินใจไปตั้งแต่นั้นแล้ว ซึ่งหากอยู่ในภาวะปกติ ฝ่ายที่จัดตั้งรัฐบาลได้ ต้องเป็นฝ่ายที่ต่อต้าน คสช.แน่นอน ส่วนใครจะเป็นนายกฯ ต้องดูอีกที"
ให้ท้ายน้องฟ้าด่าเพราะโกรธ
    ถามว่าคิดว่าอายุของรัฐบาลจะเป็นอย่างไร นายธนาธรตอบว่า ถ้าเราดูเสียงที่ห่างกันอยู่ไม่กี่เสียง ก็คงทำให้การผ่านกฎหมายเป็นไปอย่างยากลำบาก สิ่งที่ต้องมองมากกว่านี้คือการซื้อ ส.ส.ฝ่ายตรงข้ามเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งการซื้องูเห่ายังเป็นไปได้ตลอดเวลา และตนมองว่ามีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะอยู่ไม่ครบเทอม การทำหน้าที่ของพรรค จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด 
    หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่กล่าวกรณีที่ผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่โจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างมากนั้น คิดว่า เพราะความไม่พอใจจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่มีความรู้สึกโกรธ และไม่พอใจเสียงของตนเองไม่ได้รับการตอบสนอง ตามที่ได้นายกฯ คือ พล.อ.ประยุทธ์? จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ไม่สอดคล้องกับความต้องการ จึงทำให้เกิดความโกรธแค้น 
    "ก่อนโหวต ส.ว. หลายฝ่ายมองว่า ส.ว.มีเอกสิทธิ์ในการตัดสินใจของตนเอง แต่เมื่อโหวตออกมาแล้ว  ส.ว.ทั้ง 249 คนกลับตัดสินใจไปในทิศทางเดียวกัน จึงเห็นชัดว่า ส.ว.ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจของ คสช." 
    เมื่อถามถึงคดีการถือครองหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดียฯ นายธนาธรแจงว่า เป็นขั้นตอนในศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ พรรคได้ยื่นให้มีการตรวจสอบ ส.ส.ที่ถือหุ้นสื่อเพิ่มเติมจำนวน 41 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชารัฐ และตนขอให้ศาลรัฐธรรมนูญใช้หลักการเดียวกับตนในการวินิจฉัยด้วย 
    "ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาเพียง 7 วันที่วินิจฉัยกรณีของผม ซึ่งศาลมีข้อสงสัยเพียงว่าผิดคุณสมบัติ แต่อีก 41 คนนั้น ผิดแน่ๆ เพราะเราใช้งบการเงินที่ยื่นในเดือน พ.ค.ปี 2562 นี้ เป็นข้อมูลการตรวจสอบ จึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยตรวจสอบการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญด้วย เรื่องนี้ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญเมื่อไร ต้องใช้เวลา 7 วันเท่ากับผมด้วย"
    นายธนาธรยังกล่าวว่า การขอขยายระยะเวลาชี้แจง 30 วันก็เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมาย เพื่อให้การดำเนินการต่างๆ มีความรัดกุมมากที่สุด 
    เมื่อถามถึงการต่อรองเก้าอี้ของพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล นายธนาธรกล่าวว่า ตนไม่มีความเห็นใดๆ เพราะอยู่เหนือการควบคุมของเราแล้ว เป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว เมื่อไม่เอาหลักการเป็นที่ตั้ง แต่เอาผลประโยชน์เป็นที่ตั้งก็ออกมาแบบนี้นั่นเอง
    ในช่วงเย็น นายธนาธรกล่าวกับสมาชิกพรรคอีกครั้งว่า นับจากนี้อนาคตใหม่จะแบ่งการทำงานเป็น 3 ส่วนคือ 1.การทำงานในสภา ซึ่งน่าเสียดาย ตนยังทำหน้าที่ไม่ได้จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเป็นอื่น แต่ตนกำชับ ส.ส.ให้ทำงานในสภาอย่างสร้างสรรค์ สร้างการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา ผลักดันกระทู้ให้รัฐบาลนำปัญหาไปแก้ เสนอญัตติเพื่อหามติให้นำไปสู่การแก้ไข ใช้กลไก กมธ.ผลักดันวาระของอนาคตใหม่ และถ้าเรื่องใหญ่ จะผลักดันกฎหมาย ซึ่งอนาคตใหม่มี ส.ส.เกิน 20 คน สามารถเสนอร่างกฎหมายได้ ให้นำไปสู่การแก้ปัญหาได้ เช่น ปัญหารัฐธรรมนูญ ปัญหาทุนผูกขาด ปัญหาการเกณฑ์ทหาร
สร้างพรรคแกร่งกว่าเดิม
    2.สร้างพรรคการเมืองที่แข็งแกร่งกว่าเดิม 1 ปีนี้ อนาคตใหม่ยังห่างไกลกับความสมบูรณ์แบบ ยังมีความผิดพลาดเยอะในทางยุทธศาสตร์ และการปฏิบัติการ กรรมการบริหารพรรคจะทำการสรุปบทเรียนจากทางเลือกที่เดินผิดทาง วิเคราะห์ประเมินผล โดยคนนอกสภาจะไปขยายแนวร่วม กลุ่มคนที่สนใจปัญหาเฉพาะด้านแต่ละกลุ่ม ส่งปัญหาให้ ส.ส.ในสภาผลักดัน ทั้งยังต้องขยายฐานสมาชิกจาก 5.4 หมื่นคน ให้กว้างขึ้น เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วม โหวตออนไลน์ในบางเรื่อง เพื่อฟังสมาชิกในการแก้ปัญหาที่ยากๆ ดูบ้าง
    เขากล่าวว่า ต้องขยายความคิดและอุดมการณ์ให้คนหมู่มากกว่านี้ เพราะเรายังเข้าถึงคนส่วนใหญ่ไม่ได้ดีพอ สุดท้ายคือขยายฐานที่มาของเงินทุนพรรค เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า ถ้าเงินมาจากนายทุนไม่กี่คน การตัดสินใจในเรื่องสำคัญจะปฏิเสธนายทุนพรรคไม่ได้ จึงจำเป็นต้องมีอิสระทางการเงิน ให้พรรคยืนหยัดในอุดมการณ์ที่เข้มแข็งได้ ไม่มีใครรู้ว่าตนอีก 10 ปี อาจเปลี่ยนก็ได้ เพราะอำนาจหอมหวน ถ้าไม่มีฐานเงินทุนมากพอ คุณจะทำอะไรตนที่เปลี่ยนไปไม่ได้เลย แต่ถ้าเข้มแข็ง จะสามารถเตะนายธนาธรออกไปได้ พรรคนี้ต้องใหญ่กว่าธนาธร ไกลกว่าปิยบุตร เข้มแข็งกว่าพรรณิการ์
    3.ช่วงปลายไตรมาสสามต้นไตรมาสสี่ จะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นเกิดขึ้น ที่ผ่านมาพรรคการเมืองมักไม่ส่งทีมเลือกตั้งโดยใช้ชื่อพรรค แต่อนาคตใหม่เชื่อว่าการเมืองท้องถิ่นสำคัญมาก จะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งท้องถิ่น แต่ยอมรับว่ายังไม่มีทรัพยากรคนเข้มแข็งพอจะส่งทั้ง 77 จังหวัด จึงมองเพียง 10-20 จังหวัด ที่เรามีศักยภาพก่อน เพื่อหวังทำให้เห็นว่าคุณภาพชีวิตกับการเมืองเป็นเรื่องเดียวกัน ระบบขนส่งห่วยแตกก็คือการเมือง เราจะทำให้เห็นว่าอำนาจกับชีวิตประชาชนเป็นเรื่องเดียวกัน โดยอนาคตใหม่ส่วนกลางของพรรคจะทำตรงข้ามกับที่เผด็จการรวบอำนาจ เราจะผลักอำนาจให้กลับไปอยู่จังหวัดของท่าน เราจะเขย่าการเมืองท้องถิ่น หมดยุคพ่อเป็น ส.ส. ลูกเป็น ส.จ. หมดยุคบ้านใหญ่แล้ว มาเขย่าท้องถิ่นกัน
      นายธนาธรกล่าวว่า 1 ปีผ่านไป พวกเรายังตั้งมั่นกับสิ่งเหล่านี้เหมือนเดิม สมรภูมิหลังจากนี้จะแหลมคมขึ้น ไม่มีใครเดาอายุรัฐบาลชุดนี้ได้ว่าจะ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 4 ปี การต่อสู้เพื่อสถาปนาอำนาจประชาชนเป็นเจ้าของ ไม่ใช่อภิสิทธิ์ชน จะมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราทำคนเดียวไม่ได้ต้องช่วยกันผลักดันแนวคิดใหม่ๆ ดังนี้  
    1.การเมืองของเผด็จการคือการเมืองของความกลัว การเมืองของอนาคตใหม่คือความหวัง เขาบอกให้เรากลัวจะไม่สงบ พูดแง่ลบว่าถ้าไม่มีคุณลุงประเทศเราจะพัง แต่ของเราคือความหวัง แต่ถ้าเรากลัวจะไปถึงความฝันไม่ได้ 
ยังลงราชดำเนินเป็นแสนไม่ได้
    2.การเมืองของเขาการทำให้ลืม การเมืองของเราคือการทำให้จำ จำไว้ว่าความอยุติธรรมที่เขาทำกับเราเจ็บปวดแค่ไหน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในประเทศนี้ มันมีมายาวนานแล้ว แต่ถูกทำลายลงครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วเล่านิทานเราฟัง  
    3.การเมืองของเขาคือการเมืองของเมื่อวาน การเมืองของเราคือการเมืองของวันพรุ่งนี้ พวกเขาคือกลุ่มคนที่ไม่อยากเห็นวันพรุ่งนี้ อยากให้ทุกวันเป็นเมื่อวาน ที่ประชาชนไม่เข้าใจอำนาจ ไม่กล้าทวงอำนาจจากเขา และเขาจะบอกเราเสมอว่าอย่ายุ่งกับการเมือง แต่การเมืองคืออำนาจ หมายความว่าอย่ามายุ่งกับอำนาจของเขา ยิ่งเราไม่สนใจ เขาก็ยิ่งตักตวงอำนาจ เพื่อเขาจะได้เสวยสุข โดยไม่มีใครสั่นคลอนอำนาจของเขาได้ สิ่งที่อนาคตใหม่ต้องการไม่ใช่ความก้าวร้าว หรือพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน แต่ต้องการความก้าวหน้า ประชาธิปไตย ไม่ใช่ทางเลือก แต่ทางเดียวเพื่อวันพรุ่งนี้
    4.การเมืองของเขาคือการเมืองแห่งความเกลียดชัง แบ่งฝ่ายประชาชน ตีตราประชาธิปไตยและประชาชนคือปัญหา กองทัพคืออัศวินขี่ม้าขาว รัฐประหารคือทางออก ตนก็จะบอกว่าไม่เอาความเกลียดชัง อย่าทำให้คนไทยเกลียดกันมากกว่านี้ ต้องสู้การเมืองแบบนี้ ด้วยการเมืองแห่งความรัก ถ้าประชาชนไม่เกลียดกันเอง จะทำให้เขารัฐประหารไม่ได้เลย เราจึงเห็นเขาลดน้ำพรวนดิน ให้เมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังงอกงาม จนคนพร้อมสนับสนุนให้มีการฆ่าคนที่มีความเห็นต่างทางการเมือง เราจึงต้องช่วยกันตอบโต้การเมืองแห่งความเกลียดชังด้วยความรัก ด้วยความเป็นจริง เราจะชนะได้ด้วยการดึงคนอีกฝั่งกลับมาเชื่อประชาธิปไตยได้ด้วยความจริง ด้วยความรัก แล้วโอกาสที่เราจะชนะก็มีได้
    "วันนี้เราไม่อาจฝันใหญ่แบบภาพคนเรือนแสนบนถนนราชดำเนินได้ จึงต้องมาช่วยกัน สมรภูมิการต่อสู้จะยิ่งความแหลมคมและคงไม่จบในอนาคตอันใกล้ จึงต้องเตรียมใจไว้ นี่การเดินทางไกล เดินทางขึ้นเขา แพ้ครั้งเดียวไม่ได้ทำให้เราหมดกำลังใจ หรือทำให้เราเปลี่ยนแปลง" นายธนาธรกล่าว
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายธนาธรแสดงวิสัยทัศน์เสร็จ ได้เชิญ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ทั้ง 81 คน ขึ้นบนเวทีแล้วร้องเพลงทุ่งฝันวันใหม่พร้อมกัน ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างฮึกเหิม ก่อนจะปิดท้ายด้วยการเปิดให้ประชาชนและสมาชิกพรรคร่วมถ่ายภาพนานนับชั่วโมง 
เราจะสิ้นหวังไม่ได้
    นายปิยบุตร แสงกนกกุล  เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ความสิ้นหวังหนึ่งคือดูท่าแล้วพรรคอนาคตใหม่จะไปไม่รอด มีคดีความเยอะเหลือเกิน ตั้งพรรคมาแค่ปีเศษ มีคดีไปแล้ว 20 คดี เรียกว่า ในแบบฟอร์มของนักร้องเขียนชื่อพรรครอไว้แล้ว แต่..ยิ่งมีคดีเยอะเท่าไหร่ มีคำร้องเยอะเท่าไหร่ นั่นยิ่งแสดงว่าพรรคอนาคตใหม่มาถูกทางแล้ว นั่นเพราะทำให้คนที่มีอำนาจเห็นแล้วว่าพรรคอนาคตใหม่ทำให้เขากลัว เราทำเข้าเป้า เขาจึงให้ความเอ็นดูกับเราเป็นพิเศษ
    การเมืองคือความเป็นไปได้ เมื่อไรที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้เราจะแพ้ทันที หลายท่านมักพูดเสมอว่าเวลาอยู่ข้างเรา แต่ถ้าเรานั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย มันก็จะกลายเป็นแค่คำปลอบประโลมไปเรื่อยๆ เท่านั้น ถ้าเราเชื่อว่าเวลาอยู่ข้าง เราต้องเริ่มต้นทำตั้งแต่วันนี้ เดี๋ยวนี้ จริงอยู่ว่าการเปลี่ยนแปลงอาจไม่เกิดขึ้นในชั่วชีวิตเรา แต่ถ้าเราเริ่ม ความเป็นไปได้ก็เกิดขึ้นได้ เหมือนสิ่งที่พรรคอนาคตใหม่ได้ทำให้ความเป็นไปได้เกิดขึ้นแล้ว เปลี่ยน Impossible ให้เป็น I am possible พวกเราเป็นไปได้
    เราจะผลักดันให้เสียงของประชาชนที่อยู่ข้างนอกไปปรากฏเป็นเสียงที่ในสภา เราจะทำเสียงที่อยู่บนท้องถนนทั้งหมดให้ไปอยู่ในสภา แล้วความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้จริง”
    นายปิยบุตรกล่าวว่า การทำงานการเมืองคือการทำงานทางความคิด ท่านสามารถทำงานได้ทุกวัน และทุกวิกฤติคือโอกาสในการทำงานการเมือง การเมืองคือการแสวงหาอำนาจที่จะทำให้ประชาชนมีความผาสุก มีคุณภาพชีวิตที่ดี การเมืองคือการทำให้ประชาชนที่เคยเป็นเพียงตัวเลขได้เปล่งเสียงออกมา นี่คือการเมืองแห่งอนาคตใหม่
    "หลายคนรู้สึกว่าเลือกตั้งแล้วก็เหมือนเดิม ได้นายกฯ คนเดิมที่มาจากการรัฐประหาร เราเริ่มสิ้นหวัง แต่ความสิ้นหวังแบบนี้คืออาหารอันโอชะของเผด็จการ เราจะสิ้นหวังไม่ได้ เราจะทำงานกันทั้งในและนอกสภา เราจะทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรให้เป็นผู้แทนของราษฎรตัวจริงเสียงจริง เพราะการเมืองคือความเป็นไปได้ เมื่อไรที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ เราจะแพ้ทันที หลายท่านมักพูดว่าเวลาอยู่ข้างเรา แต่ถ้าเรานั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย มันจะกลายเป็นแค่คำปลอบประโลมไปเรื่อยๆ เท่านั้น 
    นายปิยบุตรยืนยันว่า ถ้าเราเริ่ม ความเป็นไปได้ก็เกิดขึ้นได้ เหมือนที่พรรคอนาคตใหม่ได้ทำให้ความเป็นไปได้เกิดขึ้นแล้ว
    ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในงาน "ครบรอบ 1 ปีพรรคอนาคตใหม่ เดินไปด้วยกัน : Walk with me, Talk With me" เป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ทยอยเดินทางเข้าร่วมงาน ซึ่งภายในงานมีการจัดกิจกรรมระดมทุน รับสมัครสมาชิก และจำหน่ายสินค้าที่ระลึก อาทิ เสื้อยืดสกรีนโลโก้พรรค โปสต์การ์ดแกนนำพรรค เข็มกลัด เป็นต้น  
แดงนปช.ร่วมฉลองด้วย
    รวมถึงมีการแสดงดนตรีสด เพลง The Future of our country, เพลงทุ่งฝันวันใหม่ ขณะที่การรักษาความปลอดภัยภายในงานมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด ( EOD) ตรวจเข้มผ่านการตั้งจุดตรวจสแกนก่อนเข้างาน รวมถึงมีเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบร่วมสังเกตการณ์ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในงานด้วย  
    นอกจากนี้ยังมีมวลชนของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ คนเสื้อแดง จำนวนหนึ่งเดินทางเข้าร่วมกิจกรรมนี้ด้วยเช่นกัน
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ มีการติดแผ่นป้ายไวนิลประกาศเชิญชวนผู้เข้าร่วมงาน  บังชื่อหอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บริเวณด้านหน้าหอประชุมใหญ่ จนทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสมนั้น ล่าสุดทางพรรคอนาคตใหม่ได้มีการแก้ไข โดยการเปลี่ยนที่ติดตั้งใหม่แล้วในตำแหน่งที่สูงขึ้น และไม่บังป้ายชื่อหอประชุม
    นายสุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Suvinai Pornavalai โดยมีเนื้อหาระบุว่า ได้อ่านความคิดของ อ.ปิยบุตร ในบทสัมภาษณ์ล่าสุดกับ 101 แล้ว ผมโอเคนะ โดยส่วนตัวผมคิดว่า อ.ปิยบุตรเหมาะที่จะเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่มากกว่าธนาธร ในฐานะผู้นำทางความคิดที่ชัดเจนในการมุ่งมั่นสร้างพรรคอนาคตใหน่ให้เป็นพรรคฝ่ายซ้ายในรัฐสภา
    โดยส่วนตัวผมยอมรับและไม่ได้รังเกียจแนวคิดที่อ.ปิยบุตรเสนอในบทสัมภาษณ์นี้เลยนะ ... นี่พูดกันแบบปัญญาชนเปิดอกแลกเปลี่ยนกัน ที่ผมรังเกียจจริงๆ คือท่วงทำนองของพวกติ่งส้มที่ก้าวร้าวแบบฝูงซอมบี้มากกว่า ถ้าตัดเรื่องนี้ออกไป ผมก็ยังเห็นช่องว่างทางความคิดที่ห่างกันเหลือเกินของผู้คนในพรรคอนาคตใหม่
    นายสุวินัยระบว่า ถ้าสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ และพวกติ่งส้มคิดได้ระดับเดียวกับ อ.ปิยบุตรในบทสัมภาษณ์นี้ เราค่อยมาเจรจา "สงบศึก" ทางความคิดกันครับ
    โดยส่วนตัวผมเคยแลกเปลี่ยนหลังไมค์กับ อ.ปิยบุตรในช่วงกำลังก่อตั้งพรรค อนค.เมื่อปีที่แล้ว แต่บทสนทนาระหว่างเราต้องยุติลง เพราะผมกับ อ.ปิยบุตรมองต่างกันอย่างสิ้นเชิงในเชิงยุทธศาสตร์เรื่องการเผชิญหน้า-จัดการกับ คสช.
"ปวิน"ซัดแหลกบูชาคน
    ด้านนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Pavin Chachavalpongpun ระบุว่า "ติ่งกะโหลกกะลา 5 บาท 10 บาท พรรคอาจจะควบคุมไม่ได้ แต่สมาชิกพรรคระดับสูง ส.ส. ที่ได้รับการเลือกตั้ง ทำงานใกล้ชิดกับหัวหน้าพรรค กลับเป็นคนออกมาสร้างลัทธิบูชาบุคคล เอาภาพกินอาหารเหลือมาปล่อย เอาภาพนั่งกินข้าวคนเดียวมาปล่อย 
    "แถมเขียนซะแม่งเหมือนเป็นเทพบุตรลงมาจุติว่า แม้เป็นหัวหน้าพรรคก็ยังเป็นมนุษย์เดินดิน คนพวกนี้ ใกล้ชิดอย่างนี้ ไม่ต้องมาอ้างว่าควบคุมไม่ได้ ที่ไม่ควบคุมเพราะอีหัวหน้าพรรคนี่แหละที่ชอบให้คนอื่นบูชา" นายปวินระบุ
    ขณะที่นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวเว็บข่าวสดอิงลิช ที่มีแนวคิดต่อต้าน คสช. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Pravit Rojanaphruk สื่อสารไปยังพรรคอนาคตใหม่และมวลชนที่สนับสนุนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ  โดยมีเนื้อหาระบุว่า หากไม่ระวัง?เรื่องอวยตัวบุคคลอย่างไม่รู้?จักพอเพียง ?ซึ่งเป็นที่นิยมของสังคมที่ชื่นชอบลัทธิ?บูชาตัวบุคคล และไม่สนับสนุนการตรวจสอบวิพากษ์ ?พรรคอนาคตใหม่และตัวธนาธร อนาคตใหม่อาจลงเอยด้วยอนาคตแห่งการสร้างวัฒนธรรม?แฟนคลับหรือวัฒนธรรม?โอตะทางการเมือง? แทนที่จะสร้างวัฒนธรรม?ประชาธิปไตย?-?อาจไม่เห็นด้วยกับทุกอย่างที่ เอกชัย หงส์กังวาน? เขียน? โดยเฉพาะเปรียบเทียบอนาคตใหม่กับ? คสช.? แต่พึงอ่านแล้วพิจารณา?คิดต่อ
    เขายกตัวอย่างว่า อย่างออกบัตรสมาชิกลิมิเต็ด?เอดิชั่นวันนี้น่าเป็นห่วง? มันมีลักษณะทาง?การตลาดที่เน้นเอกคลูซีวิตี้?เกินไป? ประชาธิปไตยควร? inclusive ไม่ใช่? exclusive ซึ่งมีรากมาจากคำว่า? exclude คือการกีดกันคนส่วนหนึ่งออก? มันทำให้นึกถึงการสร้างแฟนคลับของพวกนักร้องหรือกลุ่มไอดอลกลุ่มต่างๆ? ทั้งๆ ที่บัตรสมาชิกพรรคการเมืองในสังคมที่อยากให้เท่าเทียมควรเหมือนกัน? ไม่ควรมีแบบลิมิเต็ด?เอดิชั่น? แม้ผมจะตระหนักว่าไม่ว่าถือบัตรรุ่นไหนก็มีสิทธิ์?ในฐานะสมาชิก?เหมือน?กัน
    "สิ่งที่ควรผลักดันคือสร้างวัฒนธรรม?การมีส่วนร่วมทางการเมืองที่ไม่รวมศูนย์? ไม่ใช่พึ่ง? "ฮีโร่" เพียงหยิบมือ? มันต้องไปไกลและมีมากกว่าอเวนเจอร์?" นายประวิตรระบุ
    อย่างไรก็ตาม มีเสียงเชียร์นายธนาธรเช่นกัน โดยนายนคร มาฉิม สมาชิกพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ในวาระครบ 1 ปีในการก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ขอชื่นชมและแสดงความยินดีอย่างยิ่งกับ พรรคอนาคตใหม่ที่ประสบความสำเร็จในทางการเมืองอย่างยิ่ง
"ปู-ธนาธร"พวกเดียวกัน
        สงครามสองระบอบ ประชาธิปไตย กับเผด็จการ  สัประยุทธ์กันมายาวนานเกือบ 100 ปี ผลัดกันรุกผลัดกันรับมาตลอด ยุคสมัยปี 2544-2549 ฝ่ายประชาธิปไตยนำโดย ทักษิณ เจริญรุ่งเรือง ประชาชนมั่งคั่งร่ำรวย ประชาธิปไตยมีความหวัง หลายคนคาดว่าไม่น่าจะมีการรัฐประหาร การยึดอำนาจปล้นอำนาจของประชาชนอีกแล้ว เพราะสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงเป็นประชาธิปไตยแรง และโลกที่พัฒนาแล้วปฏิเสธระบอบเผด็จการ แต่แล้วระบอบเผด็จการไทย นายทุน ขุนศึกศักดินาอำมาตย์ชนชั้นปกครองของไทยสามารถฝืนกระแสโลก สมคบคิดกันสร้างสถานการณ์ขึ้นมาแล้วทำการรัฐประหารยึดอำนาจอีก พร้อมทำลายพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ทำลายผู้นำฝ่ายประชาธิปไตย คนแล้วคนเล่า ไม่สามารถอยู่ในแผ่นดินแม่ได้
          นายนครระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร อดีตนายกฯ รับไม้ต่อเพื่อสืบทอดอุดมการณ์เพื่อประชาชนและประชาธิปไตย แต่ระบอบเผด็จการแข็งแกร่ง สมคบคิดกันสร้างสถานการณ์ยึดอำนาจอีกครั้งยาวนาน 5 ปี เพื่อไม่ให้เสียของ พวกเขาได้ออกกฎ กติกาของเผด็จการ โดยเผด็จการและเพื่อเผด็จการอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเป็นมรดกบาปของแผ่นดินมาถึงวันนี้
          พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย 8 พรรค ยืนหยัดสู้ แต่ ไทยรักษาชาติ ได้ถูกทำลายทิ้ง เหลือ 7 พรรค อนาคตใหม่คือ 1 ใน 7 พรรค ฝ่ายประชาธิปไตย และหัวหน้าพรรค เจตนารมณ์และอุดมการณ์ของพรรคท่านชัดเจนว่าจะต่อสู้กับเผด็จการทุกรูปแบบ จะร่วมกันล้างมรดกบาปของเผด็จการให้สิ้น ตรงกับอุดมการณ์ของประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกคน
          ท่านจึงถูกกำหนดเป็นเป้าหมายของเผด็จการที่จะต้องถูกทำลายทิ้งทุกวิถีทางทั้งพรรคและแกนนำพรรค แต่พวกท่านไม่เคยหวาดหวั่น แน่วแน่ต่ออุดมการณ์เพื่อประชาชนและประชาธิปไตย
          "เราคือเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกัน เราจะเข้มแข็งและต่อสู้กับเผด็จการไปด้วยกัน อย่าท้อแท้ อย่าหวั่นไหว อย่าละทิ้งจุดยืนและอุดมการณ์เพื่อประชาชนและประชาธิปไตยนะครับ"
        นายนครย้ำว่า ท่านคือหนึ่งในความหวังของประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย หากใครต้องถูกกำจัดหรือล้มหายตายจากไปก่อนอุดมการณ์เพื่อประชาชนและประชาธิปไตยยังคงอยู่ และในเวลาอันใกล้ฝ่ายประชาธิปไตยจะชนะในสงคราม 2 ระบอบอย่างแน่นอน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"