คุณลูกเดินมาถามมนุษย์แม่ หลังการรู้ผลโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยว่า ...ทำไมบางคนเขาก็ต้องเป็นเดือดเป็นแค้นหนักหนาสาหัส ถึงขั้นเปิดประตูสวนสัตว์ปล่อยสัตว์เลื้อยคลานออกมายั้วเยี้ยสารพัดนะ??? แล้วใครที่เห็นต่างจากเขา เขาก็จะโมโหราวกับโกรธแค้นมาแต่ชาติปางไหน...งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

      ก็นั่นน่ะสิ!! ..คือคำตอบสุดท้าย

      เพราะมนุษย์แม่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านถนนที่ถูกปิดเส้นทางเพราะม็อบครองเมือง แม้กระทั่งผ่านช่วงวิกฤติเผาบ้านเผาเมืองมาก็หลายหนนะ ก็ยังรู้สึกว่า.. "อาการอิน" เกินไปกับการเมืองนั้น มันช่วยอะไรให้ดีขึ้นได้ไหม นอกจากเสียอารมณ์ เสียความรู้สึก เสียเพื่อน เสียสังคม และบางครั้งบางคนถึงขั้นเสียเงินเสียทอง

      การเข้าถึงเข้าใจ และรู้เท่าทันเกี่ยวกับข่าวสารบ้านเมืองนั้น ไม่เห็นมีความจำเป็นที่จะต้อง "บ้าคลั่ง" หรือแสดงอาการอินฟาดงวงฟาดงาใส่คนรอบข้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งชี้หน้าตำหนิติเตียนคนอื่นว่า "ฉลาดน้อย"

      อาการอินจนเกินเหตุ บั่นทอนและทำลายความมีเหตุมีผลโดยสิ้นเชิง!!! แล้วเคยถามตัวเองไหมว่า ได้อะไรจากมันบ้างไหม หรือมันช่วยให้สังคม ตลอดจนบ้านเมืองดีขึ้นได้จริงหรือเปล่า  

      พี่น้องระดับลูกหลานในยุค 4.0 ว่างๆ ก็เอาไปคิดบ้างนะจ๊ะ เพราะการกด Like กด Share ตามกระแส มันมิได้หมายถึงว่า ล้ำ ทันสมัย หรืออินเทรนด์เสมอไป แต่อาจจะเป็นไปได้อย่างสูงที่จะตกเป็น "เหยื่อ" กลยุทธ์ทางโซเชียลโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว หรือกว่าจะรู้อาจจะมีใครมาเคาะประตูบ้าน ขอยืมเครื่องคอมพิวเตอร์หรือมือถือไปเก็บไว้สักพัก เห็นด้วยอย่างแน่นอนว่า การแสดงออกอย่างเสรี เป็นครรลองตามระบอบประชาธิปไตย แต่พึงต้องระมัดระวังด้วยเหมือนกันนะคะว่า การแสดงออกในโลกโซเชียลนั้นเสี่ยงต่อกฎกติกามารยาทของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ไม่น้อยเลยทีเดียว

      เพราะมนุษย์ป้าเห็นบางคนใช้ภาษากราดเกรี้ยว หยาบคายบนเว็บบอร์ด หรือบล็อกต่างๆ แล้ว ก็รู้สึกตกใจหมดเลย

      ความเอาจริงเอาจังกับปัญหาบ้านเมือง และต้องการใช้เครื่องมือที่มีอยู่ "สื่อ" ออกไปให้ทุกคนได้ตระหนักหรือรับรู้ ช่วยกันเป็นหูเป็นตา หรือตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ หรืออิทธิพลอำนาจมืดใดๆ นั้น ไม่จำเป็นต้องแสดงออกด้วยข้อความกากๆ ก็ได้นี่นา.

     

                                                            "ป้าเอง"