“เสรีพิศุทธ์” ลิ้นพันแจง 3 รอบกรณี “ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับ 50” ถูกจับคดีขนไอซ์เหยียบ 1 ตันมูลค่าเฉียด 2 พันล้านบาท รอบแรกบอกไม่รู้เรื่องไม่ได้เป็น ส.ส.พรรค รอบสองโบ้ยพรรคมีผู้สมัครเยอะตรวจแค่คุณสมบัติเบื้องต้นก่อนจับลงชื่อท้ายๆ! พร้อมโยงเหมือนกรณีตั้ง ส.ว. รอบสุดท้ายปัดไม่เกี่ยวกับพรรค แต่ข้องใจทำไมเป็นข่าวช่วงนี้

    เมื่อวันพุธที่ 26 มิ.ย. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการจับกุมและฝากขังนายสุบรรณ มหาชนนท์ อายุ 57 ปี อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 50 พรรคเสรีรวมไทย ในฐานความผิดร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ไอซ์) ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมีจำนวนถึง 985 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 1,970 ล้านบาท ซุกไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ที่จะส่งไปยังประเทศฟิลิปปินส์
โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ระบุว่า ไม่ทราบเรื่อง และไม่เกี่ยวข้องด้วย ขอให้ไปถามเจ้าตัวเอง และคงไม่ต้องตรวจสอบอะไร เพราะไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกับนายสุบรรณ เขาไม่ได้เป็น ส.ส.พรรค และไม่ได้เป็นผู้สมัครด้วย จึงไม่จำเป็นต้องชี้แจงอะไร ขอถามกลับว่า ถ้าพนักงานล้างห้องน้ำหรือคนทำความสะอาดบริษัททำผิดค้ายาเสพติด เจ้าของบริษัทต้องออกมาแถลงเลยชี้แจงหรือ
    ด้าน พล.ต.ท.วิศณุ ม่วงแพรสี นายทะเบียนพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า นายสุบรรณเดิมแสดงความจำนงจะขอลงสมัครเป็น ส.ส.แบ่งเขตที่ จ.ลำปาง แต่เนื่องจากมีผู้เหมาะสมกว่า พรรคจึงโยกชื่อไปเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับท้ายๆ ซึ่งตอนที่นายสุบรรณยื่นใบสมัครเข้ามา ก็ระบุว่าประกอบอาชีพให้เช่าโกดังและตู้คอนเทนเนอร์ โดยดำเนินธุรกิจกับนักธุรกิจประเทศจีน ซึ่งตอนนี้พรรคทราบเรื่องแล้ว แต่ยังไม่ได้หารือเรื่องดังกล่าว ต้องรอความชัดเจนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
    เมื่อถามว่า หากนายสุบรรณผิดจริง พรรคมีมาตรการดำเนินการอย่างไร พล.ต.ท.วิศณุกล่าวว่าต้องปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่ในส่วนของนายทะเบียนพรรค ต้องยอมรับว่าคงไม่สามารถดูแลผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนได้อย่างทั่วถึง เพราะมีกว่า 500 คน
ต่อมาในเวลา 11.50 น. ที่หอประชุมบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวในเรื่องนี้อีกครั้งว่า ทราบเรื่องดังกล่าวนานแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ถือเป็นเรื่องเฉพาะตัว ก่อนการเลือกตั้งมีผู้มาสมัครลงเป็น ส.ส.พรรคกว่า 2,000-3,000 คน มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบประวัติ แต่ไม่ได้สอบลึกมาก สอบแค่คุณสมบัติเบื้องต้น ไม่ได้สอบถึงประวัติอาชญากรรมที่เคยทำผิดกฎหมายได้ เพราะไม่มีเวลา เมื่อได้บุคคลแล้วก็คัดลงแบบแบ่งเขตก่อน และค่อยนำไปใส่แบบบัญชีรายชื่อสำหรับคนที่มีประวัติดี เบอร์หลังๆ จับใส่ไป
“นโยบายที่สำคัญของพรรคข้อหนึ่งคือปราบปรามยาเสพติดให้สิ้นซาก ตอนหาเสียงยังบอกว่าเลยว่าใครจะปราบยาเสพติดเท่าผมไม่มี ไม่มีเลย ยกตัวอย่างเช่นคุณทักษิณ ถามว่านายกรัฐมนตรีคนไหนปราบยาเสพติดได้ดีที่สุด คนตอบคุณทักษิณ ซึ่งเขาเป็นตำรวจแค่ยศ พ.ต.ท. คุณยังเชื่อมั่นเขา แล้วผมเป็นถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะไม่ทำได้ดีกว่าหรือ” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว และว่า เหมือนสรรหา ส.ว. ก็เห็นว่ายังไม่เป็นระบบเลย เอาญาติพี่น้องตนเองไปเป็น ส.ว. นี่ก็เป็นเรื่องเฉพาะตัวบุคคล พรรคไม่เกี่ยว แต่ตอนนี้ได้ยินว่ามีการให้ ปปง.ตรวจสอบเส้นทางทางการเงินของพรรคด้วย ก็สะท้อนว่ามีพยายามจ้องเล่นงานพรรคที่เป็นศัตรูกับรัฐบาล แต่ขั้นตอนต่อจากนี้ก็ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีไป เพราะนโยบายของเสรีรวมไทยก็มุ่งปราบปรามยาเสพติด
    ช่วงเย็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังได้ออกเอกสารชี้แจงสื่อมวลชนอีกรอบในเรื่องนี้ว่า ทราบข่าวของนายสุบรรณตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ที่เป็นข่าวมาแล้ว แต่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ สงสัยเหมือนกันว่าทำไมเพิ่งออกมาเป็นข่าววันนี้ ส่วนกรณี ปปง.จะตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายสุบรรณกับพรรคนั้น พรรคยินดีให้ตรวจสอบ เรามีความบริสุทธิ์ใจและจริงใจ พรรคยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นกับเรื่องนี้
    “พรรคเราทราบข่าวนี้มาพักหนึ่งแล้ว และให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ดำเนินการต่อไป ยืนยันว่านายสุบรรณคืออดีตผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคเท่านั้น ไม่ได้สัมพันธ์ลึกซึ้งกับทางพรรคแต่อย่างใด แต่สงสัยว่าเรื่องเกิดขึ้นมาประมาณ 10 วันเห็นจะได้ ทำไมมาประโคมข่าวกันในวันนี้” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว
    ทั้งนี้ การจับกุมนายสุบรรณและพวกอีก 3 รายที่ จ.ชลบุรีนั้น ได้ดำเนินการเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. และในวันที่ 18 มิ.ย. พนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คนยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 18-29 มิ.ย. โดยคำบรรยายฟ้องได้ลงรายละเอียดตั้งแต่การเสาะหาข่าวจนถึงขั้นตอนการจับกุม รวมถึงของกลางที่ยึดได้ ซึ่งศาลได้พิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ โดยนายจ้อยว่า แซ่โท้ง อายุ 62 ปี ผู้ต้องหาที่ 3 ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์จำนวน 2 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราว แต่ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีมีหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิดในคดีที่มีอัตราโทษสูง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสี่ไปคุมขังยังทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางระหว่างฝากขังต่อไป.