ฟ้องแล้วเสี่ยเบนซ์ ชนรองตี๋-เมียดับ


เพิ่มเพื่อน    

    อัยการฟ้องแล้ว "เสี่ยเบนซ์" ซิ่งชน "รองตี๋" เจอ 3 ข้อหา ขับรถเร็วเกินกำหนด เมาแล้วขับ และขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส ขณะที่จำเลยเยียวยาให้ครอบครัวผู้ตายแล้ว 45 ล้านบาท ศาลนัดพิพากษา 31 ก.ค.นี้ เลขาฯ ศาลชี้รอการลงโทษมีประโยชน์กว่ามุ่งแก้แค้น
    ที่โรงแรมโอควู้ด ศรีราชา วันที่ 30 มิถุนายนนี้ นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวในงานสัมมนาสื่อมวลชนสัมพันธ์ประจำศาลยุติธรรม ระหว่างวันที่ 29-30 มิ.ย.นี้ โดยนายสราวุธกล่าวตอบคำถามสื่อถึงแนวคิดการตั้งศาลจราจรว่า ตามที่ตนเป็น 1 ในคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายด้านกระบวนการยุติธรรมซึ่งมีนายอัชพร จารุจินดา เป็นประธานนั้น จริงๆ ตามแผนปฏิรูปได้เสนอเป็นแค่ร่างกฎหมายวิธีพิจารณาคดีจราจร ซึ่งเป็นตัวเดียวกับศาลยุติธรรมเคยยกร่างไว้ แล้วเมื่อมีสภาปฏิรูปฯ ขึ้นมา จึงนำร่างนั้นมาปัดฝุ่นใหม่ และเมื่อส่งเรื่องกลับมาสำนักงานศาลยุติธรรม ซึ่งตามขั้นตอนการพิจารณาร่างกฎหมาย ต้องเสนอเป็นวาระให้คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) พิจารณา โดยตนนำเสนอวาระต่อ ก.บ.ศ. แล้วว่าจะเห็นชอบด้วยลักษณะหรือไม่ แต่โดยหลักการแล้วคือเราไม่ต้องการศาลเพิ่ม โดยให้ศาลยุติธรรมที่มีอยู่แล้ว เช่น มีศาลแขวงก็ใช้ศาลแขวง ซึ่งคิดว่าจะให้มีแผนกจราจร ใช้ร่าง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีจราจร ส่วนนี้คือสิ่งที่จะทำ 
    "ซึ่งตอนนี้ประธานศาลฎีกาก็ยังไม่มีนโยบายเปิดศาลเพิ่ม เพราะมองว่าปัจจุบันคดีในศาลยุติธรรม 275 แห่งทั่วปะเทศ มีปริมาณคดีเกือบ 2 ล้านคดี เทียบกับปริมาณศาลที่ให้บริการอยู่ก็เพียงพออยู่แล้ว อย่างไรก็ดี สำหรับแนวทางว่าจะเกิดเป็นร่าง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีจราจร หรือทำเป็นแผนกคดีจราจร ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ทันภายในปี 2562 นี้ เพราะวันนี้การพิจารณาร่างกฎหมายคงต้องใช้เวลาในการเสนอเข้า ครม. ผ่านสภาผู้แทนและวุฒิสภา ต่างกับยุค สนช. อีกทั้งยังมีอีกหลายประเด็นต้องพิจารณา"
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้เคยมีการพูดคุยกันในวงสัมมนา มีการเสนอให้ปรับอัตราโทษขั้นต่ำการลงกลุ่มเมาแล้วขับ ในข้อหากระทำประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็น 15 หรือ 20 ปี เพื่อไม่เปิดช่องในการรอลงอาญา แทนที่จะเสนอข้อหาฆ่าหรือพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ที่จะเป็นการลงโทษรุนแรง ทำให้ผู้ก่อเหตุรู้สึกในความผิดและเกิดความเกรงกลัว นายสราวุธกล่าวว่า มุมมองของศาลก็เหมือนปัญหายาเสพติด การเพิ่มโทษแก้ปัญหาอาชญากรรม แก้ปัญหาความผิดได้หรือไม่ ทุกวันนี้คดียาเสพติด 70-80% ทั้งหมดที่อยู่ในเรือนจำก็โทษสูงจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิตไม่ใช่หรือ แล้วโทษประหารชีวิตแก้ปัญหาการกระทำผิดของคนได้หรือไม่
    "ผมคิดว่าการจะแก้ปัญหาเหล่านี้ ไม่ใช่แก้โดยวิธีการเพิ่มโทษ แต่ปัญหาเหล่านี้ต้องสร้างการรับรู้ของคนในสังคมให้คนช่วยกันรณรงค์ป้องกันที่จะทำสิ่งเหล่านั้น อย่างถ้าไปงานเลี้ยงแล้วเมา แทนที่เราจะขับรถกลับเอง แล้วเราก็เรียกรถที่ให้บริการส่งคนมาช่วยขับกลับบ้าน พยายามรณรงค์ให้ข้อมูล ให้ความสะดวก ให้ทุกคนทำ โดยชี้ให้เห็นว่าอย่างนี้จะมีประโยชน์มากกว่า ให้ทำในเชิงป้องกันดีกว่า" 
    เมื่อถามถึงการพิจารณาเมาแล้วขับที่มีการเสนอไม่ควรนำเรื่องการรอการลงโทษมาใช้ นายสราวุธกล่าวว่า การรอลงอาญาก็เป็นช่องทางหนึ่งที่เห็นว่าการจำคุกระยะสั้นไม่เกิดประโยชน์อะไร แทนที่จะให้เขากลับตัวเป็นคนดีและเยียวยาชดใช้ให้สังคม กับการลงลงโทษเพื่อแก้แค้นทดแทน เราต้องชั่งน้ำหนักให้ดี ตนคิดว่ากลไกกฎหมายเรื่องการใช้ดุลพินิจรอการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 มีไว้ก็เพื่อสร้างความสมดุลในการพิจารณาแต่ละเรื่อง ซึ่งเราไม่สามารถที่จะพิจารณาลงโทษคนตามกระแส ตามความสะใจของแต่ละคน ดังนั้นเราต้องมองภาพรวมทั้งหมดในระบบของการบริหารจัดการ 
    นายสราวุธกล่าวว่า เราควรทำงานเน้นเรื่องการรณรงค์เพื่อเป็นการป้องกัน โดยต้องทำแบบบูรณาการตั้งแต่ครอบครัว สถานศึกษา และทุกองคาพยพในสังคมต้องช่วยกัน โดยต้นทุนที่เสียไปนั้นก็น้อยกว่า ต้องสร้างวัฒนธรรมการปฏิบัติตามกฎหมายที่ดี สิ่งเหล่านี้ต้องสร้างเหมือนประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น ที่คนในประเทศนั้นเคารพกฎหมาย โดยวัฒนธรรมเหล่านั้นมีส่วนที่ดีมากกว่าโทษที่รุนแรง ซึ่งทำจนเป็นอุปนิสัยความเคยชิน ส่วนศาลเป็นลำดับสุดท้ายปลายทาง โดยคดีเพิ่มขึ้นทุกปีก็ต้องคิดว่าทำอย่างไรจะให้ลดน้อยลง
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีเมาแล้วขับ คดีล่าสุดที่เป็นข่าวครึกโครมจนมีการพูดถึงเรื่องปรับบทลงโทษแจ้งข้อหาหนักฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 คือกรณีที่นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 56 ปี เสี่ยเจ้าของโรงงาน ขับรถเบนซ์สปอร์ต ซิ่งชนประสานงากับรถส่วนตัวของ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล หรือรองตี๋ รอง ผกก.สอบสวน กก.2 กองบังคับการปราบปราม เดินทางมาพร้อมครอบครัว จน พ.ต.ท.จตุพรเสียชีวิตพร้อมภรรยา ส่วนลูกสาวคนเล็กได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่แขวงและเขตทวีวัฒนา กทม. เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2562 
    ล่าสุด พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาธนบุรี 5 ได้ยื่นฟ้องนายสมชาย เป็นจำเลยในคดีหมายเลขดำ 1839/2562 ต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน ในฐานความผิดขับรถด้วยความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด, ขับรถในขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัส และทรัพย์สินเสียหาย, ขับรถโดยประมาทอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส รวม 3 ข้อหา โดยอัยการสั่งไม่ฟ้องความผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นฯ ตามที่พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนแจ้งข้อหาดังกล่าวมาด้วย โดยอัยการพิจารณาแล้วพฤติการณ์ไม่เข้าองค์ประกอบความผิดทางกฎหมาย โดยก่อนการยื่นฟ้องนั้น นายสมชายก็ได้รับการประกันตัวไปด้วยวงเงิน 200,000 บาท
    ขณะที่หลังฟ้อง เมื่อศาลจังหวัดตลิ่งชันสอบคำให้การจำเลยแล้ว ให้การรับสารภาพตามฟ้องอัยการโจทก์ ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วเห็นสมควรให้มีการสืบเสาะและพินิจจำเลยก่อนมีคำพิพากษา โดยให้พนักงานคุมประพฤติรายงานผลการสืบเสาะนั้นให้ศาลทราบภายใน 15 วัน และให้นัดฟังคำพิพากษาคดีนี้ในวันที่ 31 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
    ก่อนหน้านี้ นายสมชายผู้ก่อเหตุยินยอมที่จะเยียวยาชดใช้ค่าเสียหาย 45 ล้านบาท ให้แก่ครอบครัวของนายตำรวจผู้เสียชีวิต ซึ่งปัจจุบันคงเหลือเพียงบุตรสาวคนโตและบุตรสาวคนเล็ก ที่มีป้าเป็นผู้ปกครองดูแลอยู่.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"