ได้คืบจะเอาศอก! นักวิชาการจับไต๋ 'กลุ่ม ส.ส.แอลจีบีที' ขอตั้งกมธ.สิทธิทางเพศเกินขอบเขต


เพิ่มเพื่อน    

4 ก.ค.62 - นายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความคิดเห็นต่อกรณีกลุ่ม ส.ส.ผู้มีความหลากหลายทางเพศ พรรคอนาคตใหม่ นำโดยนายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ และ นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ หรือ ส.ส.กลุ่มแอลจีบีที เรียกร้องให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญด้านสิทธิความหลากหลายทางเพศและความเท่าเทียมทางเพศ แยกออกมาจาก กมธ.กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และความเท่าเทียมระหว่างเพศ สภาผู้แทนราษฎร

โดยนายภัทร ระบุว่า เรื่องนี้ไม่เขียนถึงพรรคนี้ไม่ได้ ผมนั้นสนับสนุนกลุ่มแอลจีบีที และเคยไปร่วมงานที่จัดขึ้นอยู่บ้าง แต่กรณีนี้ผมคิดว่าคนในพรรคนี้เอาแต่ใจตัวเองมากไปหน่อย และเป็นการเมืองสร้างกระแสการเมืองโดยหวังผลไปสักนิด เหตุผลที่ยกมาว่าประเทศเทศไทยนั้นมี LGBT 4 ล้านคนและอาจจะถึง 7 ล้านคนนั้น เป็นตัวเลขที่ลอยตัวไปหน่อย ผมคิดว่าประเทศไทยมีคนที่ใช้ชีวิตเป็น LGBT ไม่มากขนาดนั้น เอาง่ายๆ ลองดูในชั้นเรียนเด็ก ม.ปลายก็ได้ว่ามีถึง 10% อย่างที่พูดไหม

การที่ต้องการ คณะกรรมาธิการสามัญด้านสิทธิความหลากหลายทางเพศ แยกออกมาโดยเฉพาะนั้นเป็นเรื่องที่เร็วไปสักนิด แต่ถ้าในช่วงแรกที่ถูกเข้าไปในบรรจุในคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุและผู้พิการนั้น ผมเห็นว่าคือการทดลองงานและเรียนรู้งาน แล้วให้คณะกรรมการชุดที่มีแต่เดิมมานี้สอนงานไปก่อนก็น่าจะดีกว่า และอีกอย่างคือเป็นการแชร์ทรัพยากรเดิมให้คุ้มค่าดีกว่าไปเริ่มต้นสร้างทรัพยากรใหม่จากไม่มีอะไรเลย เอาไว้ทำงานไปสักปีสองปีแล้วเห็นว่างานมีมากในระดับจำเป็นต้องแยกตัวแล้วค่อยแยกออกไปก็ยังไม่สาย เพราะมีแนวทางการทำงานกับภาครัฐที่เรียนรู้จากกรรมการชุดเก่าอยู่ในหัวแล้ว

ผมไม่เห็นด้วยอีกเรื่องคือ ผมไม่เชื่อว่างานของ LGBT จะมีมากมายมหาศาลขนาดต้องแยกตัวไปจากคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ตัวเลขเคร่าๆ สตรีที่มีเกือบ 40 ล้านคน เด็กที่มีกว่า 15 ล้านคน และคนแก่อีกประมาณ 20 ล้านคน คือถ้าเทียบตามจำนวนกันแล้วคือกลุ่มท้ายสุด ซึ่งงานไม่น่าจะมากอะไร

และคนในกลุ่ม LGBT นี้ต้องยอมรับว่าเป็นคนเก่ง พึ่งพาตัวเองได้สูง และมีอัตลักษณ์เฉพาะในการใช้ชีวิตเกือบไม่แตกต่างกับคนอื่นๆ ในสังคม นอกจากปัญหาเรื่องการใช้ห้องน้ำร่วมในกลุ่ม Trans แล้ว ผมก็เกือบจะไม่เห็นปัญหาในการอยู่ร่วมในสังคมที่จะสร้างปัญหารุนแรงจนระดับอยู่ลำบากอะไรอีก ผมเคยพูดแบบติดตลกว่าคนกลุ่มนี้เก่งกว่ามาตราฐานคนทั่วไปเพราะได้รับพรจากพระเจ้า ส่วนปัญหาเรื่องกฎหมายสนับสนุนการใช้ชีวิตนั้นก็เริ่มทำกันมานานแล้วตั้งแต่ห้าปีก่อนและไปได้สวยพอสมควร

ผมคิดว่ารัฐบาลนี้ให้อะไรกับ LGBT มากกว่าทุกรัฐบาลนะครับ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายต่างๆ ที่สนับสนุนความหลากหลายทางเพศ ร่างกฎหมายคู่ชีวิตในเพศเดียวกัน แม้กระทั่งสังคมของทหารที่มีการยกเว้นการเกณฑ์ทหารและกฎเกณฑ์ทางสังคมบางข้อ แม้แต่ในคุกก็ยังเอื้อมมือเข้าให้ให้คนในกลุ่ม LGBT อยู่ได้สะดวกขึ้น

จะให้ผมเดานั้นผมเชื่อว่าเป็นเรื่องปั่นกระแสทางการเมืองมากกว่า เดี๋ยวจะต้องมีวาทกรรมออกมาว่ารัฐบาลไม่เห็นความสำคัญของ LGBT และกลุ่มไม่ได้รับความเป็นธรรมในสังคม ซึ่งเป็นเรื่องปกติของพรรคนี้อยู่แล้วที่พยายามทำทุกเรื่องให้เกิดความแตกแยกเกลียดชังในสังคม ฉวยโอกาสทุกเรื่องที่ฉวยได้ ผมบอกได้เลยว่าในทวีปเอเซียนั้นประเทศไทยถือว่าเป็นอันดับ 1 ที่ LGBT อยู่แบบไม่มีปัญหาทางสังคมที่สุดแล้ว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"