รองปลัดจี้เอาผิด พ่อซื้อบิ๊กไบค์ให้ลูก


เพิ่มเพื่อน    

    รองปลัดยุติธรรมเหลือทน พ่อแม่รังแกฉัน ซื้อบิ๊กไบค์ 1 พันซีซีให้ลูกอายุ 13 ขี่จนเกิดเหตุเฉี่ยวชนบาดเจ็บระนาว จี้ตำรวจเอาผิดฐานส่งเสริมให้เยาวชนกระทำผิด ย้ำไม่ได้ซ้ำเติม แต่ควรให้บทเรียนสังคม ด้านผู้เป็นพ่ออ้างตกลงกันแล้วให้ลูกรับความเสี่ยง โอ่เคยแข่งมาแล้ว ได้รางวัลด้วย
    นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์เมื่อวันจันทร์ กรณีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ คาวาซากิ ZX10RR ของเยาวชนอายุ 13 ปี ชนกับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ดรีม ก่อนลื่นไถลไปชนกับรถยนต์อีซูซุ จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย โดยเยาวชนอายุ 13 ปี ผู้ขับขี่รถบิ๊กไบค์ได้รับบาดเจ็บสาหัสขาหัก เหตุเกิดเมื่อเย็นวันที่ 6 ก.ค.62 ในจังหวัดเชียงใหม่ ว่า เยาวชนวัย 13 ปี ซึ่งขับรถบิ๊กไบค์ชนผู้อื่นบาดเจ็บ ต้องรับโทษทางอาญาในคดีที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ และทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งยังขับขี่รถจักรยานยนต์ทั้งที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ทำใบอนุญาตขับขี่ นอกจากนี้ตำรวจมีหน้าที่ต้องแจ้งข้อกล่าวหากับพ่อและแม่ในฐานะผู้ปกครองของเยาวชนรายดังกล่าว เข้าข่ายเป็นผู้ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด ต้องรับโทษ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก 
    “กรณีนี้ผมไม่ได้ซ้ำเติม แต่อยากให้สังคมตระหนักรู้ว่า การตามใจลูกด้วยการซื้อรถยนต์บิ๊กไบค์ให้ขับขี่ ทั้งที่เด็กยังไม่มีใบขับขี่ เท่ากับพ่อแม่ ผู้ปกครองเป็นผู้ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด พ่อแม่จึงย่อมสมควรได้รับโทษด้วย เพื่อให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนแก่สังคม และจะทำให้กลุ่มพ่อแม่รังแกฉันโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จะได้ให้ความระมัดระวังมากขึ้น” รองปลัดกระทรวงยุติธรรมกล่าว
    นายสุวิทย์ เทพาขันธ์ อายุ 54 ปี บิดาของเด็กชาย อายุ 13 ปี ผู้บาดบาดเจ็บ เปิดเผยว่า ในช่วงก่อนเกิดเหตุลูกชายกำลังขี่บิ๊กไบค์จากสวนจะกลับบ้าน หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนมาแจ้งว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุ จึงรีบไปดูทันที พบว่าลูกชายยังมีสติดี และเจ้าหน้าที่ช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยในที่เกิดเหตุลูกชายเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า มีรถจักรยานยนต์ขี่ออกมาจากข้างทางตัดหน้า ซึ่งพยายามหลบหลีกแล้วแต่ไม่พ้นจนเกิดอุบัติเหตุ
    นายสุวิทย์กล่าวว่า อาการของลูกชาย เวลานี้ยังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ โดยได้รับบาดเจ็บกระดูกข้อเท้าซ้ายหัก และกระดูกเท้าซ้ายเปิดเป็นแผลฉกรรจ์ ซึ่งได้รับการผ่าตัดตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ และวันที่ 8 ก.ค. จะต้องรับการผ่าตัดรักษาอีกครั้งหนึ่ง ขอยืนยันว่าลูกชายไม่ได้ขาขาดตามที่เป็นข่าวในสื่อออนไลน์แต่อย่างใด และน่าจะรักษาจนกลับมาหายเป็นปกติได้ ขณะที่สภาพจิตใจของลูกยังดี เข้มแข็ง และยิ้มแย้มได้เป็นปกติ อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงรักษาตัวจนกว่าจะหายนั้น น่าจะต้องหยุดเรียนไป 1 ภาคเรียน
    ต่อกระแสวิจารณ์ตำหนิผู้ปกครองที่ปล่อยให้เด็กอายุแค่ 13 ปีขี่บิ๊กไบค์ 1000 ซีซี ซึ่งน่าจะเป็นอันตรายนั้น นายสุวิทย์กล่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจและขอโทษที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นแล้วทำให้หลายคนอาจจะไม่สบายใจ ซึ่งทุกคนสามารถสามารถแสดงความคิดเห็นได้ เพียงแต่ขอวิงวอนให้อยู่ในขอบเขตและคำนึงถึงสภาพจิตใจของลูกชายตนเองบ้าง
    "ขอยืนยันว่าก่อนที่จะยินยอมให้ลูกชายขับขี่และซื้อรถให้นั้น ได้มีการทำความเข้าใจตกลงกันแล้วให้ลูกชายปฏิบัติตามกฎและยอมรับความเสี่ยงต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมทั้งได้มีการเข้าคอร์สเรียนการขับขี่รถบิ๊กไบค์ทั้งขั้นพื้นฐานและขั้นสูง จนมีความชำนาญในการขับขี่พอสมควร รวมทั้งเคยลงแข่งมาแล้วหลายสนามและได้รางวัลด้วย โดยใช้รถคันที่เกิดเหตุลงแข่ง" นายสุวิทย์กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"