คุก 10 ปี 8 เดือน 'บังนัด' ข่มขืนเด็กหญิงวัย 12 ปีในตึกร้าง


เพิ่มเพื่อน    

11 ก.ค.62 - ที่ห้องพิจารณา 807 ศาลอาญา ถ. รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีกระทำชำเรา หมายเลขดำ อ.1116/2562 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้องนายสำรวย จิตรชื้น หรือบังนัด อายุ 43 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดาฯ เพื่อการอนาจาร และกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตนฯ

กรณีเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2562 เวลากลางคืน จำเลยได้หลอกลวงพา ด.ญ.อ้อน (นามสมมุติ) อายุ 12 ปีเศษ ไปอนาจาร และข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่  ภายในตึกร้าง ย่านรามคำแหง ก่อนถูกตำรวจ 191 สืบทราบติดตามจับกุมตัว ส่งพนักงานสอบสวน  สน.หัวหมาก แจ้งข้อหาดำเนินคดี ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

วันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เบิกตัวจำเลยจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มาฟังคำพิพากษา โดยไม่พบว่ามีญาติหรือ ทนายความฝั่งจำเลย เดินทางมาฟังคำพิพากษาหรือให้กำลังใจแต่อย่างใด

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์นำสืบข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า มารดาผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ให้ดำเนินคดีกับจำเลย ซึ่งพาผู้เสียหายไปกระทำชำเราในตึกร้างย่านรามคำแหง พนักงานสอบสวน จึงพาผู้เสียหาย ไปตรวจร่างกาย ที่รพ.ตำรวจ ผลชันสูตรพบว่าภายในช่องคลอดพบบาดแผลฟกช้ำ มีรอยฉีกขาด จากนั้นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เดินไปทางตรวจสอบที่เกิดเหตุและรวบรวมพยานหลักฐาน

จากการรวบรวมพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เชื่อได้ว่า จำเลยเป็นผู้กระทำความผิด ต่อมาวันที่ 17 ก.พ. 2562 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมจำเลยได้ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาพรากเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15  ปี ไปเสียจากบิดามารดาหรือผู้ปกครองเพื่อการอนาจารฯ และกระทำชำเราเด็กไม่เกิน 13 ปี ในชั้นสอบสวน จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และมีการนำตัวจำเลยไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

โจทก์มีผู้เสียหายเป็นพยานเบิกความว่า ขณะพักอาศัยอยู่ที่ห้องพักจำเลยได้มาชักชวนผู้เสียหายกับน้อง ลงไปซื้อขนม จากนั้นจำเลยได้ให้น้องสาวผู้เสียหายกลับขึ้นไปยังห้องพักและพาผู้เสียหายซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปยังอาคารร้าง ซึ่งอยู่ตรงข้าม รพ.รามคำแหง ก่อนที่จะลงมือกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยที่ผู้เสียหายไม่ยินยอม เห็นว่าผู้เสียหายเป็นเด็ก เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าอับอาย หากเหตุการณ์ไม่เป็นความจริงคงไม่นำมาบอกเล่าแก่มารดา เชื่อว่าผู้เสียหายเบิกความไปตามความจริง ไม่ปรากฏข้อพิรุธสงสัย อีกทั้งผลชันสูตรจาก รพ.ตำรวจ ที่ระบุว่า พบว่าภายในช่องคลอดของผู้เสียหายพบบาดแผลฟกช้ำ มีรอยฉีกขาด หลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้เล่าให้มารดาฟังและได้เดินทางมาแจ้งความทันที จึงไม่มีเหตุสงสัยว่าผู้เสียหายจะกลั่นแกล้งจำเลย คดีจึงรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง

พิพากษาว่าจำเลย มีความผิดข้อหาพรากเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาหรือผู้ปกครองเพื่อการอนาจารฯ และ กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานพรากเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15  ปี ไปเสียจากบิดามารดาหรือผู้ปกครองเพื่อการอนาจารฯ จำคุก 6 ปี และฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี จำคุก 10 ปี

เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 (การกระทำความผิดซ้ำ) ฐานพรากเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15  ปี ไปเสียจากบิดามารดาหรือผู้ปกครองเพื่อการอนาจารฯ จำคุก 8 ปี และฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี จำคุก 13 ปี 4 เดือน รวมจำคุก 21 ปี 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 10 ปี 8 เดือน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"