
"กีฬาเชียร์ลีดดิ้งนั้น เป็นการนำศาสตร์กีฬาหลายๆ อย่างมาทำการยุบรวมกัน เพื่อให้เกิดกีฬาใหม่ มีความสนุก ตื่นเต้น เร้าใจ ที่มากกว่าเดิม รวมไปถึงความตื่นตาตื่นใจ การสื่อสารที่ทำให้ผู้ชมมีส่วนร่วม ทุกคนจะสนุกไปกับการคิดรูปแบบการต่อตัว การทำงานกันเป็นทีม มากกว่าเป็นฮีโร่แค่คนเดียว"
ความสำคัญของกีฬาชนิดนี้ สิ่งสำคัญที่ไม่เคยถูกเขียนเอาไว้ คือการสื่อสารนั่นเอง เพราะหากการเชียร์ของเราไม่สามารถทำให้ผู้ชมเข้าใจ และตะโกนเชียร์พร้อมไปกับเราได้ แสดงว่าการเชียร์นั้นๆ จะไม่ประสบความสำเร็จนั่นเอง
กลายเป็นกีฬาระดับโอลิมปิกกันเลยทีเดียวาสำหรับ "เชียร์ลีดดิ้ง" ที่ดูเผินๆ อาจจะรู้สึกว่าเป็นแค่กลุ่มเด็กรักการเต้นและแต่งกายให้โดดเด่นเหมือน "เชียร์ลีดเดอร์" ในกีฬาสีของโรงเรียน แต่โดยข้อเท็จจริงแล้ว การที่จะเล่นกีฬาเชียร์ลีดดิ้งได้นั้น นอกจากความมีวินัย การมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงแล้ว จะต้องรู้รักสามัคคี และเรียนรู้วิธีการทำงานร่วมกับคนอื่นอย่างมีประสิทธิภาพด้วย
เด็กหรือเยาวชนที่สนใจหรือเข้ารับการฝึกกีฬาเชียร์ลีดดิ้ง จึงถือเป็นการฝึกตนบนความสนุกสนานกับเสียงเพลงหรือเสียงเชียร์ แบบน่าสนใจที่สุด
เห็นได้จากการจัดงานแข่งขันประกวดเชียร์ลีดดิ้ง อย่าง “Lactasoy Presents Thailand Cheerleading Championships 2019” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 15 โดยเปิดโอกาสให้เด็ก เยาวชน และคนทั่วไป ที่สนใจเข้าร่วมสมัครแข่งขัน เพื่อชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี งานนี้ผู้ใหญ่ใจดีที่มีส่วนเกี่ยวข้องและจัดงานดังกล่าวขึ้นมีมุมมองมาสะท้อนให้ทราบว่า เหตุใดการเต้นเชียร์ลีดเดอร์หรือเชียร์ลีดดิ้ง จึงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อีกต่อไป เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกีฬาประเภทดังกล่าวในระดับหรือรุ่นไหน ทั้งในและต่างประเทศ นักกีฬาบ้านเรามักติด 1 ใน 3 อยู่เสมอ

(สันติ ป่าหวาย)
ท่านอธิบดี สันติ ป่าหวาย อธิบดีกรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา บอกว่า “ในส่วนของกรมพลศึกษาได้มีการส่งเสริมกีฬาเชียร์ลีดดิ้งตั้งแต่ในระดับอนุบาล เช่น การใช้สถานที่ราชการในการจัดประกวดแข่งขันกีฬาประเภทดังกล่าวในระดับเด็กเล็ก ไปจนถึงการแข่งขันในระดับประเทศ อีกทั้งจัดให้มีการอบรมครู หรือโค้ชผู้ฝึกสอนกีฬาเชียร์ลีดดิ้ง เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปส่งต่อให้เด็กและเยาวชนที่สนใจ ส่วนแผนพัฒนากีฬาเชียร์ลีดดิ้งในอนาคตนั้น จากที่ก่อนหน้านี้เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว กีฬาเชียร์ลีดดิ้งเคยเป็นเพียงกีฬาสาธิตในโรงเรียน แต่ในปีต่อๆ มานั้นก็ได้มีการส่งเสริมให้เล่นมากยิ่งขึน โดยเฉพาะในแต่ละภูมิภาคของบ้านเรา กระทั่งปัจจุบันมีการจัดการแข่งขันขึ้นในระดับประเทศ กระทั่งกำลังผลักดันสู่ระดับโลก หรือให้กีฬาเชียร์ลีดดิ้งเป็นกีฬาโอลิมปิก ส่วนหนึ่งก็เพื่อสร้างแรงบันดาลใจเกี่ยวกับการเล่นกีฬาให้กับเด็กไทย ประการสำคัญก็เพื่อให้กีฬาเชียร์ลีดดิ้ง เป็นสิ่งที่สร้างความรักและความสามัคคีให้กับผู้เล่นครับ”

(ปรีดิ์ธนัช โสรัต)
นาย “ปรีดิ์ธนัช โสรัต” ประธานสหพันธ์กีฬาเชียร์ลีดดิ้งประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ปัจจุบันกีฬาเชียร์ลีดดิ้งไทย กลายเป็นกีฬาที่ผู้ใหญ่หลายคนมองเป็นเรื่องไร้สาระ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว กีฬาเชียร์ลีดดิ้งไทยปลูกฝังอะไรมากกว่าที่คิด จะเห็นได้จากการทำงานเป็นทีม การฝึกซ้อมอย่างมีวินัย อดทน ทุ่มเท รู้จักแพ้รู้จักชนะ การเสียสละให้กับเพื่อนร่วมทีมหมู่มาก ทั้งหมดนี้นับเป็นการปลูกจิตสำนึกที่ดีให้แก่เด็กไทย เพื่อที่จะเติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพต่อไป ในขณะเดียวกัน เด็กไทยมีศักยภาพในการแข่งขันกีฬาเชียร์ลีดดิ้งเป็นอย่างมาก เห็นได้จากการไปกวาดรางวัล และเป็นแชมป์มาอย่างมากมายทั่วโลก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดการการแข่งขันเชียร์ลีดดิ้ง ชิงแชมป์ประเทศไทยครั้งที่ 15 ประจำปี 2562 “LACTASOY presents Thailand National Cheerleading Championships 2019” ขึ้น ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างบุคลากรและนักกีฬาเชียร์ลีดดิ้งทีมชาติไทยให้สอดคล้องกับการผลักดันในระดับสากล และเพื่อให้กีฬาเชียร์ลีดดิ้งสู่มหกรรมโอลิมปิกในอนาคตข้างหน้า รวมถึงสร้างความเข้าใจและต้องการเห็นกีฬา “เชียร์ลีดดิ้ง” เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ให้เยาวชนแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เป็นกีฬาที่สามารถสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทย ในฐานะชาติที่เป็นหนึ่งในการสร้างนักกีฬามาตรฐานระดับโลก
“ปีนี้เราได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีทั้งจากภาครัฐและเอกชน ในการจัดการแข่งขันกีฬาเชียร์ลีดดิ้งในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น บริษัท แลคตาซอย จำกัด ในฐานะผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา บริษัท เอ็น.อี.เอ็กซ์.ที จำกัด หรือเน็กซ์ (NEXT Company) และบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ซึ่งทุกหน่วยงานได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งในการมาร่วมผลักดันและสนับสนุนกิจกรรม ในฐานะผู้ที่เห็นความสำคัญของกีฬาเชียร์ลีดดิ้งในประเทศไทย ทำให้การเฟ้นหาทีมนักกีฬาเชียร์ลีดดิ้งที่จะไปเข้าร่วมการแข่งขันในระดับเอเชีย และนานาชาติต่างๆ มีความพร้อมและชัดเจนยิ่งขึ้น”

(รวิวรรณ จินดา)
ด้าน พี่อุ้ย-รวิวรรณ จินดา รองเลขาธิการสหพันธ์กีฬาเชียร์ลีดดิ้ง ประจำประเทศไทย บอกว่า “ประโยชน์ของกีฬาทุกชนิดนั้น ทำให้ร่างกายแข็งแรง แต่ว่ากีฬาเชียร์ลีดดิ้งนั้น เมื่อเล่นเป็นทีมสมาชิกจะต้องไว้เนื้อเชื่อใจกัน เช่น สมมุติว่าเราเป็นตัวยอดนั้น เราก็ต้องเชื่อใจเพื่อนที่เป็นฐาน มันคือกีฬาของความสามัคคี หรือยกตัวอย่างว่า ถ้าตอนนี้บ้านเรากำลังขาดความสามัคคี กีฬาชนิดนี้ยิ่งต้องสนับสนุนจากผู้ใหญ่ทุกคน เพราะนี้คือการปลูกฝังเด็กๆ ให้รู้จักว่า การทำงานเป็นทีมคืออะไร การไว้เนื้อเชื่อใจคืออะไร แล้วก็การแบ่งพาร์ตการทำงานกันคืออะไร
“ถ้าถามพี่ว่ากีฬาเชียร์ลีดดิ้งจำเป็นไหมที่จะต้องมีไอดอล พี่ขอยกตัวอย่างการที่น้องฮั่น-อิสริยะ ได้พูดไปว่า หัวใจการเป็นเชียร์ลีดดิ่งนั้น แม้ว่าเราซ้อมมาแทบตาย มันสำคัญตรงแค่ 2 นาทีที่แสดง ซึ่งถามว่าจำเป็นต้องมีไหมไอดอลสำหรับกีฬาเชียร์ลีดดิ้ง อันที่จริงไม่ต้องมีก็ได้ แต่ถ้ามีก็จะดีมากๆ ค่ะ เพราะทำให้คนเข้าใจได้กีฬานี้มากขึ้น โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้เล่นก็จะเข้าใจมากขึ้น ว่ามีกีฬาประเภทนี้นะ และมันต้องทุ่มเท มันต้องมีวินัย และฝึกซ้อม ก็จะทำให้ผู้เล่นเข้าใจกีฬาเชียร์ลีดดิ้งมากขึ้นค่ะ”

(ณัฎฐณิชา บุญนวน)
ขณะที่ น้องออมสิน-ณัฎฐณิชา บุญนวน อายุ 12 ปี จากโรงเรียนสาธิต ม.ธรรมศาสตร์ นักกีฬาเชียร์ลีดดิ้งที่ได้รางวัลแชมป์โลก 2 รายการจากประเทศญี่ปุ่น ในปี 2017 และ 2019 ทั้งการแข่งขันแบบทีมและ 2 คน บอกว่า “ออมสินเล่นกีฬานี้มาประมาณ 5-6 ปีแล้วค่ะ ส่วนหนึ่งที่เล่นเนื่องจากเห็นเพื่อนเล่น ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้องเต้นเชียร์ลีดดิ้งค่ะ ก็เลยอยากเล่นบ้าง จนซ้อมเต้นมาเรื่อยๆ และเข้าแข่งขันที่ประเทศญี่ปุ่น จนได้รับรางวัลชนะเลิศ 2 รายการค่ะ ประโยชน์ที่ออมสินได้จากกีฬาเชียร์ลีดดิ้งนั้นได้ความทั้งความแข็งแรงของร่างกาย ความสามัคคี อีกทั้งมีเพื่อนเพิ่มมากขึ้นค่ะ “

(ฤทัยชนก คลี่บัวแก้ว)
ไม่ต่างจาก น้องยูมิน-ฤทัยชนก คลี่บัวแก้ว วัย 8 ปี จากโรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสะอาดรังสิต บอกว่า “ยูมินเต้นเชียร์ลีดดิ้งตั้งแต่ตอนอายุ 4 ขวบ เล่นมาเกือบ 5 ปีแล้วค่ะ พอดีมีเพื่อนชวนเล่น ก็เลยชอบและเล่นมาเรื่อยๆ ค่ะ ส่วนความยากของกีฬาเชียร์ลีดดิ้งนั้น สำหรับยูมินคือการต่อตัวค่ะ โดยเฉพาะตอนที่ยูมินอยู่บนยอดค่ะ ตอนแรกก็กลัว แต่พอฝึกไปเรื่อยๆก็สามารถต่อตัวได้ค่ะ ที่ผ่านมายูมินฝึกทั้งเป็นฐานและยอดค่ะ ประโยชน์ที่ได้จากกีฬาเชียร์ลีดดิ้งนั้น คือการทำงานเป็นแบบทีมเวิร์ก และเรื่องของความสามัคคีค่ะ ที่สำคัญได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ค่ะ”.

(สริยะ ภัทรมานพ)
ไอดอลสร้างแรงบันดาลใจได้อย่างไรบ้าง?
“ฮั่น-เดอะสตาร์” หรือ “อิสริยะ ภัทรมานพ” กับประสบการณ์ 10 ปีในการประกวดเชียร์ลีดดิ้ง และฝึกซ้อมไม่ต่ำกว่า 1,000 ชั่วโมง
ผมว่าทุกวงการหรือทุกสายอาชีพ ไม่ว่าสายอาชีพไหนๆ หรือสายกีฬาก็ตาม น่าจะมีไอดอลเพราะว่าคนที่มีความสามารถ และคนที่รู้คุณค่าในสิ่งที่เขาทำควรจะถูกยกย่อง เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กๆ รุ่นใหม่ ส่วนตัวก็ให้กำลังใจเด็กๆ ทุกคนที่เข้ามาในสายกีฬาเชียร์ลีดดิ้ง ทั้งเรื่องของการซ้อม ที่สำคัญเมื่อแข่งแล้วแพ้ก็ขอให้ทำต่อไป เพราะบางคนนั้นประกวดมา 10 เวที มันก็ยังไม่ใช่เวทีของเรา อาจจะเป็นเวทีที่ 50 ก็ได้ อย่างตัวผมเองที่เคยประกวดเยอะมาก ตั้งแต่เรียนอยู่ ปวช. แต่ไม่เคยชนะเลย แต่สุดท้ายแล้วก็ได้มาเจอสักเวทีที่เป็นของเรา ถ้าเรายังมุ่งมั่นในสิ่งที่ทำอยู่ ผมเชื่อว่าถ้าจริงใจกับสิ่งที่ทำ สักวันหนึ่งสิ่งที่ทำก็จะส่งผลให้เราประสบความสำเร็จอย่างแน่นอนครับ”.
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |