ครูสาวรมควันฆ่าตัวดับคาห้อง พบเตรียมการมานานด้วยการโพสต์อพาร์ตเมนต์ในญี่ปุ่นที่ได้ชื่อเป็นสถานที่การตายแบบโดดเดี่ยว แฟนหนุ่ม ผอ.โรงเรียนสุดสลด เผยเพิ่งพบกันเมื่อวันพุธไม่มีลางบอกเหตุ แต่ยอมรับระยะหลังไม่ค่อยเห็นหน้าเพราะทำงานอยู่ไกลกัน 
    เช้าวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ ร.ต.อ.ณัฐวัฒน์ เขื่อนแก้ว รองสารรวัตรสอบสวน สภ.ช้างเผือก รับแจ้งมีผู้พบศพหญิงสาวภายในห้องพักข้าราชการ 700 ปี ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบศพ น.ส.วราภรณ์ ไชยวงค์ อายุ 36 ปี ครูสอนภาษาไทย โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) เชียงใหม่ เขต 1 นอนเสียชีวิตอยู่บนที่นอน ใกล้กับกระทะเหล็กซึ่งจุดถ่านเอาไว้บนกระทะ
    จากการสอบสวนทราบว่า ตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา มีคนพบเห็นผู้ตายออกมานั่งกินข้าวที่โรงอาหารเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย กระทั่งผ่านไปนานหลายวัน คนข้างห้องได้กลิ่นเหม็นออกมาจากห้อง จึงไปแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าไปตรวจสอบ กระทั่งพบว่าผู้ตายรมควันฆ่าตัว 
    เบื้องต้นตำรวจคาดว่าผู้ตายอาจป่วยเป็นโรคซึมเศร้า หรือมีปัญหาด้านความรักเลยตัดสินใจฆ่าตัวตาย ได้ส่งศพไปชันสูตรที่แผนกนิติเวช รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ เพื่อหาสาเหตุการตาย และติดต่อญาติพี่น้อง ผู้ใกล้ชิดมาสอบปากคำ 
    มีรายงานต่อมาว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเฟซบุ๊กของผู้ตาย พบว่าเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้ตายได้แชร์ข้อมูลอพาร์ตเมนต์ในประเทศญี่ปุ่น ที่ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่สำหรับการตายแบบโดดเดี่ยว ซึ่งผู้ตายเขียนบรรยายว่า "ไปญี่ปุ่นกัน..." จึงคาดว่าการฆ่าตัวตายในครั้งนี้น่าจะมีการตัดสินใจมานานแล้ว
    ด้านผู้อำนวยการโรงเรียนในอำเภอดอยเต่า วัย 32 ปี กล่าวด้วยความโศกเศร้าว่า ผู้ตายเป็นคนรัก พบกันครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 17 ก.ค. จากนั้นเช้าวันรุ่งขึ้น แฟนสาวก็นั่งรถกลับที่พัก ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไม่มีปากเสียงอะไรกัน ส่วนจะเครียดหรือไม่ ไม่ทราบ เพราะแฟนเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยเล่าอะไรให้ฟัง แต่ยอมรับว่าตั้งแต่ย้ายไปเป็น ผอ.โรงเรียนในดอยเต่า ก็ไม่ค่อยพบกันเพราะระยะทางไกล ได้แต่คุยไลน์กันทุกวัน ระยะหลังแฟนเริ่มโพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายที่ประเทศญี่ปุ่น แต่ตนไม่เอะใจ เพราะคิดว่าความรักยังราบรื่น เมื่อทราบว่าแฟนฆ่าตัวตายก็ช็อก
    ที่กรุงเทพฯ เวลา 02.45 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.ธรรมกฤต ศรีประเทือง สารวัตรสอบสวน สน.ท่าพระ รับแจ้งพบศพนายวิชัย ศักดิ์ศรีเจริญยิ่ง อายุ 56 ปี ยิงตัวตายอยู่กลางถนนบริเวณสี่แยกท่าพระ ถนนเพชรเกษม แขวงท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.บุญฤทธิ์ เสียงใส รอง ผกก.ป.สน.ท่าพระ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พบว่าผู้ตายใช้ปืนพกไทยประดิษฐ์ ขนาด .22 ยิงขมับขวาตนเอง โดยสะพายกระเป๋าสีดำ ภายในมีเงินสดกว่า 7 พันบาท พระเครื่อง 4 องค์ เอกสารอื่นๆ นอกจากนี้ บริเวณสะพานข้ามแยกท่าพระ มีรถจักรยานยนต์ ทะเบียน 1 กฎ 3528 กรุงเทพฯ จอดอยู่ และมีรองเท้าแตะ 1 คู่ เบื้องต้นทราบว่าผู้ตายมีบ้านอยู่ในซอยอิสรภาพ 21 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่
    พ.ต.ท.ธรรมกฤตเปิดเผยว่า ก่อนเหตุเกิด ตำรวจสายตรวจ สน.ท่าพระปฏิบัติหน้าที่ออกตรวจตราพื้นที่ตามปกติ เมื่อถึงบริเวณแยกท่าพระมุ่งหน้าไปเพชรเกษม พบผู้ตายนอนจมกองเลือดหายใจรวยรินอยู่ตรงจุดดังกล่าว และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนญาติผู้ตายให้การว่า ผู้ตายพักอยู่กับญาติพี่น้องอยู่ในซอยวัดสังข์กระจาย ย่านถนนอิสรภาพ ซึ่งผู้ตายมีอาชีพซื้อขายพระเครื่อง เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ผู้ตายมีอาการเครียด เพราะเป็นหนี้เงินกู้นอกระบบหลายหมื่นบาท และเจ้าหนี้ได้ส่งลูกน้องมาทวงเกือบทุกวัน กระทั่งเช้าวันเสาร์ ผู้ตายได้ขอยืมเงินญาติพี่น้องจำนวน 3 หมื่นบาทเพื่อนำไปใช้หนี้ ซึ่งญาติบอกว่าให้รอถึงวันจันทร์ธนาคารเปิดจึงจะไปเบิกเงินมาให้
    เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่านายวิชัยคงเครียดจนรอไม่ได้ ตัดสินใจจบชีวิตด้วยการขี่รถจักรยานยนต์ขึ้นไปบนสะพานข้ามแยกท่าพระ จอดรถและถอดรองเท้า ก่อนปีนขึ้นไปนั่งห้อยขาอยู่บนราวสะพาน จากนั้นใช้อาวุธปืนยิงตัวตาย และร่างร่วงตกลงมาเสียชีวิตด้านล่าง ส่วนประเด็นเรื่องเงินกู้นอกระบบ ต้องรอสอบปากคำญาติผู้ตายอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อนำมาเป็นข้อมูลและหลักฐานว่ามีการกู้ยืมกันจริงหรือไม่ และคิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ หากพบว่ามีเก็บดอกเบี้ยโหด ก็ต้องดำเนินคดีกับเจ้าหนี้นอกระบบต่อไป.