ให้จดตั้งพรรค 'แก้เด็กกวน'


เพิ่มเพื่อน    

 

  ฮื่อ....น่าปลื้ม

          ประชาธิปไตย "ขัดลำกล้อง" ไปแค่ ๔ ปี

            พอเปิดให้จองชื่อตั้ง "พรรคการเมือง" แค่วันแรกเท่านั้น ทะลัก ๔๒ พรรค

            ถึงวันสุดท้าย ไม่เป็นร้อยรึนั่น!?

            เป็นสัญญาณที่ดีของประเทศอย่างหนึ่ง เพราะนั่นแสดงว่า

            ๑.คนไทยเข้าใจถึงความเป็น "หุ้นส่วน" ประเทศดีขึ้น

            ๒.รูปแบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ตอบโจทย์

            ๓.ในตลาดเลือกตั้งจะมี "ตัวเลือก" หลากหลายมากขึ้น

            ๔.ประเทศมีโอกาสได้พรรคและคนใหม่ๆ เข้ามาบริหาร

            ได้ยินบางคน ยี้..........

            ว่ามีแต่พวกโนเนม พวกแก่เกินแกง "คนรุ่นใหม่" มีแค่ราย-สองราย

            แสดงว่าคนพูดอย่างนี้ ยังหลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี ในขณะประชาสังคมไทยปัจจุบัน พัฒนาก้าวไปไกลแล้ว

            ไปโรงพยาบาล........

            ไม่ต้องยืนเข้าคิวขาแข็งทีละ ๔-๕ ชั่วโมงแล้ว ไทยพัฒนาใช้ "คิวรองเท้า" แทนตั้งนานแล้ว

            และนี่ แค่ยื่นขอตั้งพรรค สะเหล่อจัง ที่จะให้ "พระเอก" ออกฉากเองแต่หัววัน?

            เรื่อง "แก่-หนุ่ม" นั้น......

            ใครบอกว่า "วัย" คือ นิยาม "คนรุ่นเก่า-รุ่นใหม่"?

            กึ๋น คือ intelligence นั่นตะหาก ที่บ่ง "รุ่นเก่า-รุ่นใหม่"

            ถ้านิยาม "รุ่นเก่า-รุ่นใหม่" จาก "แก่-หนุ่ม"

            แบบนี้ ขอให้ประเทศไทย มีแต่คน "รุ่นเก่า" เหอะ

            เพราะคนรุ่นเก่า "ไม่เผาเมือง"

            ขืนมี "รุ่นใหม่" มากๆ อย่าง จ่านิวโร พลโรมรัน หญ้าสนามธรรมศาสตร์ เหี้ยนก่อนเพื่อน!

            ใครใคร่ค้า-ค้า ฉันใด ใครใคร่ตั้ง-ตั้ง ฉันนั้น

            เมื่อมั่นใจว่า มีเงินประเดิม ๑ ล้าน และจะหาสมาชิกได้ครบตามรัฐธรรมนูญกำหนด ก็เอาเลย

            ไปจองชื่อตั้งพรรคกันซะ มัวช้า ชื่อดีๆ จะไม่มีเหลือให้เลือก

            เพราะดูรายชื่อพรรคทั้ง ๔๒ แล้ว

            นัวเนียอยู่กับคำว่า "ไทย-ปฏิรูป-ประชาธิปไตย" ที่โดดไปเลยก็มี แต่น้อย เช่น

            พรรคทางเลือกใหม่, พรรคกรีน, พรรคเห็นแก่ตัว

            จะเป็นเถ้าแก่พรรคกันเอง หรือตั้งด้วยเจตนาเป็นนอมินีให้ใคร ผมว่า ยังกลางวันแสกๆ

            อย่าเพิ่งไปฝัน แล้วละเมอเอะอะหนวกหู!

            ทำไมจึงตื่นตัวตั้งพรรคกันมากมาย คำตอบเดียว คือ

            ก็กติกามันเอื้อ.............

            ด้วยระบบสัดส่วน ทุกพรรค ขี้หมู-ขี้หมา มีโอกาสได้ ส.ส.เข้าสภาอย่างน้อย ๑ คน

            เพียงพรรคตัวเอง "คะแนนรวม" ทั้งประเทศ ได้ซัก ๗ หมื่นขึ้นไป

            ไม่ต้องไปคิดมากว่า "รัฐบาลหน้า" จะเป็นรัฐบาลพรรคเดียว

            มันต้องผสมกันอีนุงตุงนังเชียวแหละ

            และนั่น "รัฐบาลผสม" จะคนในหรือคนนอกเป็นนายกฯ ก็ช่าง มันมีโอกาสเหมือน รัฐบาลจอมพล  ป. พิบูลสงคราม และรัฐบาลพลถนอม กิตติขจร

            คือต้อง "ปฏิวัติตัวเอง" แก้ปัญหาพรรคร่วม!

            พรรคที่รอแล้ว แต่ไม่มาเมื่อวาน...........

            คือพรรค กปปส.ของ "นายสุเทพ เทือกสุบรรณ" ผู้นำมวลมหาประชาชนเข้าสู่ยุคปฏิรูปประเทศ

            หนัง-ละคร-ยี่เก ยังไงก็ต้องมีพระเอก พรรคสู่สนามเลือกตั้งก็เหมือนกัน ต้องมีพระเอก

            พระเอก กปปส.มาแน่..........

            เพียงแต่ "ออกฉาก" ช้าหน่อยตามสไตล์พระเอก และชื่อพรรคตามท้องเรื่องมีว่าอย่างไร ผมก็ไม่ทราบ

            ทราบแต่ว่า พระเอกพรรคนี้ ไม่ได้ชื่อ "สุเทพ" แน่

            แต่ที่แน่ๆ "สนับสนุนบิ๊กตู่" เป็นนายกฯ!

            ผมว่า "ทุกพรรค" ที่ประกาศเจตนาสนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ คนนอก

            ก็เฉพาะ "หน้าข้าว-หน้าเหล้า" นี้เท่านั้น

            อีกเป็นปี กว่าจะได้เลือกตั้ง ซึ่งการเมืองไทยนั้น ใครเขาทึกทักล่วงหน้ายาวนานเป็นปีกันบ้างล่ะ?

            แค่ ๗ วัน สำหรับการเมืองไทย ก็ไกลและยาวแล้ว

            ยิ่งนายกฯ ประยุทธ์ มีบิ๊กป้อมเป็น "เหล้าพ่วงเบียร์" ซึ่งตลาดเมืองไทยไม่ยอมรับ

            วันนี้พูดได้ "หนุนนายกฯ ประยุทธ์"

            แต่ถึงตอนเลือกตั้ง เกิด "เหล้าเสีย-เบียร์บูด" ก็อยากรู้เหมือนกัน ยังมีพรรคไหนประกาศ.........

            "เลือกพรรคผม ได้ประยุทธ์เป็นนายกฯ" อยู่อีกมั้ย?

            ความจริง ที่พูดๆ กัน "ประยุทธ์จะเป็นนายกฯ ต่อ" ผมว่า นั่นเป็น "จินตนาการนอกรัฐธรรมนูญ" ชัดๆ

            ประการแรก ประยุทธ์ไม่มีสิทธิ์ลงเลือกตั้ง ประการที่สอง ประยุทธ์ไม่มีพรรคสังกัดและไม่สังกัดพรรคไหน

            ประการที่สาม ที่รัฐธรรมนูญเชื่อมโยงถึง "นายกฯ คนนอก" นั้น เชื่อมโยงในเจตนา "ปิดทางตัน"

            เผื่อ ส.ส.คือสภาเลือกตัวนายกฯ จากระบบเลือกตั้งไม่ได้จนแล้ว-จนรอด ก็จะได้มี "ทางออก"

            เสนอชื่อ "คนนอก" ซึ่งเป็นใครก็ได้ ที่ไม่ใช่พลเอกประยุทธ์ เป็นพลเอกประวิตรก็ได้ นายพานทองแท้ก็ได้ ขึ้นเป็นนายกฯ

            แล้วให้ ส.ส.ร่วม ส.ว.โหวต!

            ฉะนั้น อย่าไปเพ่งเล็งพลเอกประยุทธ์จนระแวง ขนาดผายลมก็ว่าเป็นแผน "สืบต่ออำนาจ"

            สมมุติตัวเราเอง อยู่ในวงจรเลือกตั้งซิ..............

            มีพรรคสังกัด มีหัวหน้าพรรคที่ต้องหนุน มี ส.ส.ถึงต่างพรรคแต่เลือด "นักเลือกตั้ง" กรุ๊ปเดียวกันร่วมสภา

            แล้วทำไมไม่หนุนคนตัวเอง-ในระบบตัวเองเป็นนายกฯ ล่ะ?

            จะต้องไปอ้อนวอนช้อนไข่คนจากข้างนอกมาเป็นนายกฯ ขึ้นขี่หัวตัวเองเพื่ออะไรกัน

            ถ้าเป็นแบบนี้.........

            ต้องด่าพวก ส.ส.ด้วยกันจึงจะถูก เพราะไม่ใช่ "ตีนคนนอกมาเหยียบหัวคนใน"

            หากแต่ "คนในไปยกตีนคนนอกมาเทินไว้บนหัวตัวเอง" ตะหาก!

            นี่ว่ากันแฟร์ๆ เลยนะ

            นายกฯ ประยุทธ์ถูก "ด่าฟรี" ด้วยเรื่องนี้มาตลอด ๔ ปี ทั้งที่โอกาสเป็นนายกฯ คนนอก มีแค่เส้นด้ายในอากาศปลิวมาลอดรูเข็มที่พื้น!

            ฟังเสียงพวกนักเลือกตั้งยุคสังคโลกเขาวิจารณ์..........

            เป็นไปทางเดียวกัน หมิ่น-แคลน-ไม่ให้ราคา "พรรค กปปส." ของสุเทพ

            อันที่จริง ผมก็ไม่ให้ราคาถึงขั้นจะเปรี้ยงปร้าง มวลมหาประชาชนจะลากคนเข้าสภาได้เป็นร้อย

            แต่พอได้ยิน พวก นปช.บ้าง พวกเพื่อไทยบ้าง กระทั่งประชาธิปัตย์ "คน (เคย) กันเอง"  

            ถุย..ถุย..ถุย...ไม่พอ แถมยังเยี่ยวรด!

            ผมเริ่มเปลี่ยนใจ ไม่ได้เปลี่ยนเพราะเห็นใจ หรือเชียร์มวยรอง คือคิดไปอีกมุมว่า

            พรรคมีเป็นร้อย แค่สมัครวันเดียวเมื่อวาน ยังตั้ง ๔๒ พรรค กระทั้งพรรค กปปส.เอง ก็ยังไม่ได้มาสมัคร

            ถามว่า....ทั้ง ๔๒ พรรค ซึ่งแน่นอนแล้ว ทำไมไม่พูดถึง ไม่วิจารณ์อะไรเลย?

            เพราะไม่มีราคาในสายตาใช่มั้ย?

            แต่กับพรรค กปปส.ซึ่งจริงๆ แล้ว ชื่ออะไรก็ยังไม่รู้ ทั้งนายสุเทพเองไม่ลงสมัคร ไม่มีตำแหน่งในพรรค เรียกว่า โนเนมถอดด้าม

            แต่ทำไมล่ะ ทั้งเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ นปช. นักวิชาการ กระทั่งโหราจารย์การเมือง

            ออกมาประสานเสียง....กปปส.บ่มิไก๊!

            มันเข้าตำรา.........

            "เพราะเธอสวยเกินหน้า ใจฉันจึงผวา...ไม่นิ่ง" หรือเปล่า?

            โยนกรวดลงน้ำ ทะเลไม่สะเทือน แต่ที่ทะเลเพื่อไทย ทะเลประชาธิปัตย์ สะท้านปั่นป่วน

            เพราะ กปปส.เป็น "ภูเขาน้ำแข็ง" แทงยอดทะลุผิวน้ำขึ้นมา อย่างนั้นใช่มั้ย?    

            ปากไม่ให้ราคา แต่ใจพวกก้นเปรี้ยวไหวหวั่น ด้วยกิริยาอาการอย่างนี้ ผมจึงต้องประเมินน้ำหนัก "พรรค กปปส." ใหม่ ในตลาดเลือกตั้ง

            เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ เป็นพรรค "มีฐานเสียง-ฐานคะแนน"

            ฉะนั้น ทุกเคลื่อนไหวในตลาดเลือกตั้ง สองพรรคใหญ่นี้ มีปรอทวัด

            ถ้าไข้ไม่ขึ้น ไม่ครางหรอก........

            แต่ที่คราง ก็หมายความว่า ความร้อนจาก "พรรค กปปส." ทำให้สองพรรคใหญ่ "ไข้ขึ้น"!

            ก็อย่างว่า การเมืองไทย ๗ วัน สถานการณ์เปลี่ยนได้ร้อยตลบ เพราะอย่างนั้น มองวันนี้แล้ว อย่ารีบสรุปวันหน้า

            ทั้งหมดที่เห็นตอนนี้..........

            "ของจริง" ยังไม่มา หรือ "ของจริง" มันไม่มี เป็นได้ทั้งนั้น

            ผมจึงบอก อย่ารีบทึกทัก-ปักใจกับอะไรทั้งสิ้น ไม่เฉพาะการเมือง กับทั้งบ้าน-ทั้งเมือง ก็เหมือนกัน

            เรื่องทักษิณนั่นน่ะ ไม่ใช่เศษเนื้อข้างเขียง ขณะนี้ มันเป็นเศษเนื้อเน่าที่ถูกปาดลงรูท่อ-รูขยะไปแล้ว

            จำไม่ได้เรอะ ที่แม่หมอ "ฟองสนาน" บอกบ่อยๆ ว่า.........

            ทุกอย่างมันจะไม่เหมือนเดิม

            "ใครที่ไม่ปรับตัวเอง ยึดติดกับสิ่งเก่า จะถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างเจ็บปวด" นั่นน่ะ! 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"