สมการลงตัว 'ชวน-ประยุทธ์'


เพิ่มเพื่อน    

              ครับ..........

                ศึกรัฐสภานัดแถลง "นโยบายรัฐบาล" จะจบเมื่อคืน หรือจะเรื้อรังมาถึงวันนี้ นั่นก็ช่างเถอะ

                สิ่งสำคัญที่อยากบอก ก็คือ

                ทุกคนจงตั้งจิตนิ่งไปยัง "พระที่นั่งไพศาลทักษิณ" ในพระบรมมหาราชวัง

                แล้วกราบ.......

                "องค์พระสยามเทวาธิราช" ซึ่งประดิษฐานอยู่ ณ ที่นั้น

                เพราะด้วยเทวาภิบาลโดยแท้ ทำให้บ้านเมืองวันนี้

                มีประธานรัฐสภาชื่อ "ชวน หลีกภัย"

                มีนายกรัฐมนตรีชื่อ "ประยุทธ์ จันทร์โอชา"

                ผมเคยอ่านหนังสือศิษย์เขียนถึงอาจารย์ "ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี" ประติมากรอิตาลีหัวใจไทยผู้ให้กำเนิดศิลปากร

                ท่านเขียนถึงคำที่อาจารย์ศิลป์สอนไว้ ผมประทับใจจำคำนั้นจนถึงทุกวันนี้ ว่า

                "ของจะมีค่า ต้องอยู่ในที่ที่ควรต้องอยู่"

                เช่น พระพุทธรูป ที่เคารพ กราบไหว้ บูชา ต้องอยู่บนหิ้ง ไม่ควรไปอยู่ในห้องน้ำ หรือที่พื้น

                คนก็เช่นกัน...........

                อยู่ในสถานะใด ก็ควรอยู่และวางตนให้เหมาะสมกับสถานะนั้น

                ไม่เช่นนั้น.....เสื่อม!

                เมื่อนำคำอาจารย์ศิลป์มาใคร่ครวญผ่านการทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร คือรัฐบาล และฝ่ายนิติบัญญัติ ในระบบรัฐสภา ๒ วันมานี้

                ก็ดีใจ ว่า "ดั่งพระสยามฯ จัดวาง"

                เพราะ "ของมีค่า" ได้อยู่ในที่ที่ควรต้องอยู่ "ถูกคน-ถูกตำแหน่ง" สอดคล้องต้องสถานการณ์โดยแท้!

                ถ้าวันนี้ ประธานรัฐสภา ไม่ใช่อดีตนายกฯ ชวน

                ผู้นำฝ่ายบริหาร ไม่ใช่พลเอกประยุทธ์

                คงเกิด "เทวาสุรสงคราม" จากในรัฐสภาลามออกถนนไปแล้ว

                การประชุมรัฐสภาวาระนี้ เป็นวาระ "แถลงนโยบาย"

                แต่ดูเหมือนฝ่ายค้าน แยกแยะการทำหน้าที่ตามวาระงานไม่ออก

                ระหว่างอภิปรายตรวจสอบนโยบายก่อนที่รัฐบาลจะนำไปปฏิบัติ

                กับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังรัฐบาลนำนโยบายไปปฏิบัติแล้วล้มเหลว หรือมีปัญหา

                ฝ่ายค้าน ไม่สนใจจะรู้ด้วยซ้ำว่า นโยบายหลัก ๑๒ ด้าน อันเป็นทิศทางบริหารของรัฐบาล

                กับนโยบายเร่งด่วน ๑๒ เรื่อง ที่รัฐบาลต้องลงมือทำทันที เพื่อแก้ผลกระทบจาก "สงครามเศรษฐกิจ"

                ว่าที่รัฐบาลแถลงไป......

                "แต่ละด้าน-แต่ละเรื่อง" มีประเด็นสำคัญตรงไหนบ้าง ที่ "ฝ่ายตรวจสอบ" ต้องช่วยกันมอง ช่วยกันติ ช่วยกันเสริม

                แต่ที่เห็นบทบาทฝ่ายค้าน กลายเป็นว่า ใช้วาระแถลงนโยบายเป็นตาลปัตรบังหน้า แต่ไม่สวดตามบท

                ขึ้นต้นลุย "เสียบ" ตัวนายกฯ ประยุทธ์ แทนการตรวจสอบนโยบายทันที

                มันเป็นบทบาท "แค้น" มากกว่า "ค้าน" ตามหลักการถ่วงดุลในระบบรัฐสภา

                ผมเชื่อทุกคนมีวุฒิศึกษา เพราะเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของคนเป็น ส.ส.

                ที่เห็นบทบาทเถื่อน-ถ่อย-สถุล "บางคน-บาง ส.ส." ทำให้ผมเข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้นว่า

                การศึกษาสูง "ไม่ใช่คำตอบของคุณภาพคน"!

                คนด้อยศึกษา ประกอบอาชญากรรม อย่างเก่ง แค่ปล้น-จี้-ฆ่า

                แต่คนสูงศึกษา อาชญากรรมที่เขาก่อ กลับละเมียดเล่ห์ จนคนหลงเคลิ้มไปว่า

                "ชักน้ำเข้าลึก-ชักศึกเข้าบ้าน" คือการอภิวัฒน์!?

                การอภิปรายในรัฐสภา ก็เห็นแล้ว หลายท่านผู้ทรงเกียรติ ไม่สนใจว่านโยบายที่เขาแถลงมีอะไร

                หากแต่กู "เตรียมเรื่อง-เตรียมคำ-เตรียมแค้น" บางคนเสริมด้วยอิจฉา-ริษยา แล้วลุกขึ้นมาสร้างบทดาวสภา

                ใช้สัญชาตญาณ แค่นึกเอา-คิดเอา "ตามแค้น" แทนเหตุผล ด่ารัฐบาล ด่านายกฯ

                ภูมิปัญญาในเรื่องนั้นๆ ไม่มี ก็ใช้ลีลา-วาทะกลบ เพราะรู้ ตลาดและสื่อชอบแนว "ละครน้ำเน่า"

                อภิปรายด้วยสาระ "ไม่เป็นข่าว".........

                สามหาว ก้าวร้าว บิดเบือนเรื่องราว ให้ถึงขั้นวิวาทะออกจอ-ออกกล้องด้วยแล้ว

                สื่อชอบ โซเชียลเชียร์ เพราะตรงรสนิยม "สังคมไทย"!        

                รู้สึกผิดหวัง เพราะคาดหวังว่า ประเทศเว้นวรรคเลือกตั้งไป ๕ ปี

                เห็น "อยากเลือกตั้ง..อยากเลือกตั้ง" ขนาดจานมหา'ลัย เป็นหัวหอกนำออกมาเร้าลงถนน

                นึกว่า ๕ ปี ถึงยุคใหม่....

                ด้วยคนใหม่ๆ เลือกตั้งแล้ว น่าจะได้ "คนคุณภาพ" ทางจิตสำนึก อย่างน้อยก็มีเยื่อทางศีลธรรมและจรรยาเข้ามาเป็นน้ำดี ถ่ายน้ำเน่าทิ้งไปบ้าง

                เอาเข้าจริง รัฐสภา "สู่ศตวรรษใหม่" กลับมากมายไปด้วย "ใหม่หย่อนสลึง" กับเก่า "โมหะตัณหากรัง"

                จ้องแต่ว่า "กูจะล้มรัฐบาล....กูจะล้างแค้นทหาร..กูจะจิกกระบาลนายกฯ"

                เพื่อสู่เป้าหมายประชาธิปไตย "แดงทักษิณ" พวกกูไม่เกี่ยงวิธีการและรูปแบบที่จะทำ!

                เมื่อฝ่ายค้าน ไปทำหน้าที่ฝ่ายแค้น เท่ากับ "ไม่ทำหน้าที่ในที่ควรทำ"

                ภาพที่ออกมา ๒-๓ วันนี้ จึงเป็นภาพ "เสื่อม" เป็นค้านด้วย "ปริมาณแค้น"

                รัฐบาลทั้งที่ "ปริ่มน้ำ" เลยเหมือนเรือเร็ว "เหินน้ำ" เกิดภาพเปรียบเทียบ

                ช่วงฝ่ายค้านเป็นรัฐบาล มียิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ

                กับตอนนี้ ที่มีพลเอกประยุทธ์เป็นรัฐบาล-เป็นนายกฯ

                ตอนยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ ฝ่ายตัวเองได้ทำหน้าที่ ส.ส.อย่างไรในสภาตอนนั้น

                แล้วนึกย้อนซิ........

                ในสถานะนายกฯ เหมือนกัน แต่เป็นคนละคน แล้ววันนี้ ตัวเองซึ่งเป็นฝ่ายค้าน ได้ทำหน้าที่ ส.ส.เหมือนตอนนั้นมั้ย?

                ส.ส. "วิญญูชน" ของพรรควันนั้น อาจอดสู-ละอายใจ 

                แต่หลายๆ คนคงไม่ เหมือนหนอน ยังไงๆ ขี้ย่อมเป็นที่พึงพอใจตลอดกาล!

                ๒-๓ ปี ยิ่งลักษณ์ เข้าสภากี่หน.........

                เคยให้เกียรติสมาชิกรัฐสภา ร่วมประชุม รับฟังปัญหา และคอยชี้แจงกับฝ่ายค้าน ให้สมภาวะผู้นำบริหาร อย่างที่นายกฯ ประยุทธ์ทำ ด้วยให้เกียรติสมาชิกรัฐสภามั้ย?

                เห็นแต่แย่งกันแห่ห้อมล้อมชายกระโปรง อย่าว่าแต่ใครจะไปแตะ-ไปต้องเลย

                แค่เอ่ยถึงไกลๆ มีสิทธิ์ตายได้ด้วยซ้ำ!

                คนเป็นผู้นำที่มีความรับผิดชอบ ต้องอย่าง "นายกฯ ประยุทธ์"

                ให้เกียรติรัฐสภา ให้เกียรติสมาชิก ร่วมประชุม ร่วมรับฟังปัญหา เรื่องไหนอยู่ในรับผิดชอบ ท่านตอบ ชี้แจงทันที ไม่ต้องให้ใครมาคอยอุ้มไข่ ประคองแคม

                การพูดจาเสียงดัง โผงผาง อารมณ์ร้อน ยั่วเป็นหลุด นั้น นั่นเป็นเพราะพื้นฐาน "ทหาร" ซึ่งท่านก็รู้ตัวเอง และบอกกับ ส.ส.-ส.ว.ในห้องอาหารรัฐสภา ว่า

                “ขอบคุณทุกๆ คนช่วยกันนะ ผมเองก็กำลังปรับตัว​ ไม่ได้ติดใจ สบายดี อารมณ์ดี สนุก​ดี

                ขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันทำงาน วันนี้อารมณ์ดีแล้ว เดี๋ยวก็ต้องปรับตัวกันหน่อย กำลังปรับตัว”

                "คนรู้ตัวเอง" บอกกับคนอื่นว่า "กำลังปรับตัวเอง" คนที่เตือนตัวเองได้ จะมีซักกี่คนกัน?

                และตลอดประชุม ๒-๓ วัน จะมีคำหนึ่ง ที่ไม่เคยได้ยิน-ได้เห็นใครในสภาแสดงออกมาก่อน

                คือคำว่า "ผมขอโทษ"

                โดยไม่ต้องรอให้ใครท้วง ใครบังคับ!

                เพิ่งมี-เพิ่งเห็นนายกฯ ประยุทธ์เป็นคนแรกในรัฐสภา

                แค่การรู้จักเตือนตัวเองในสิ่งบกพร่อง และการเอ่ยคำ "ขอโทษ" จากสำนึกตัวเอง

                เพียง ๒ อย่างนี้ อย่างอื่น ก็ไม่จำเป็นต้องเอ่ยแล้ว

                เพราะเท่ากับ......

                ฝังกลบ "ศพฝ่ายค้าน" ไปเรียบร้อยแล้ว!

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"