“ถาวร”พอใจแผนงานการบินไทยเชื่อมีกำไรภายใน3ปี


เพิ่มเพื่อน    

2 ส.ค. 2562 นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมมอบนโยบายให้ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) และบริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด ว่าเชื่อมั่นว่าการบินไทยจะกลับมากำไรภายใน 3 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการแผนฟื้นฟูองค์กรเพื่อแก้หนี้สะสมเป็นระยะเวลา 10 ปี ซึ่งทางการบินไทยได้มีการเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแผนใหม่ ที่เบื้องต้นจะต้องมีการลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ พัฒนาการให้บริการ และการจัดหาเครื่องบินใหม่ รวมถึงในส่วนของการทำการตลาดในรูปแบบ E-Commerce และการนำระบบ Digital มาใช้ให้มากขึ้น และส่วนของธุรกิจครัวการบินไทย นอกจากนี้จะมีการเพิ่มในส่วนของสินค้า OTOP ด้วย

“การบินไทยได้มีการรายงานว่าช่วงที่ผ่านมาได้มีการใช้บัญชีกลางในกระบวนการหยุดขาดทุนไปแล้ว  รู้สึกพอใจกับแผนที่การบินไทยได้นำมารายงานให้ฟัง”นายถาวรกล่าว

นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ดีดีการบินไทย กล่าวว่า ปัญหาเรื่องกับดักรายได้ของการบินไทย เรื่องหลักคือเครื่องบินมาอายุมาก ส่งผลให้เครื่องบินไม่เพียงพอทำให้งานบริการคุณภาพต่ำ ผู้โดยสารหนีไปใช้การบินอื่นผลสุดท้ายจึงมียอดขาดทุนสะสมนับ 10 ปี ขณะนี้แผนจัดหาเครื่องบินใหม่ 38 ลำ วงเงิน 1.35 แสนล้านบาทอยู่ระหว่างัจดทำข้อมูลเพิ่มเติมก่อนเสนอมายังกระทรวงคมนาคม จากนั้นส่งไปยังสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช.และขอความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ต่อไป

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหลังจากนี้ขั้นตอนจะใช้เวลาไม่นาน เพราะได้ดำนเนการมาเยอะแล้ว เชื่อมั่นว่าการบินไทยจะกลับมามีกำไรภายใน 3-5 ปี หลังจากดำนเนการตามขั้นตอนแผนฟื้นฟู อาทิ การลดต้นทุน การเพิ่มรายได้ การทำตลาดแนวทางใหม่แบบดิจิทัล (Digital Marketing) การขายสินค้าผลิตภัณฑืผ่านอีคอมเมิร์ซรวมถึงกิจการครัวการบินไทยเป็นต้น เชื่อว่าเทคโนโลยีจะเป็นแกนหลักในการผลักดันรายได้นับจากน้ โดยจะนำไปใช้ให้ผู้โดยสารสะดวกสบายมากขึ้น เช่น การเปิดเช็คอินล่วงหน้าได้ 2 สัปดาห์หรือ 4-7 วันก่อนขึ้นเครื่องแบบสายการบินต่างชาติ จากปัจจุบันสามารถเช็คอินได้แค่ในวันเดินทาง ตลอดจนพัฒนางานบริการลูกค้าตั้งแต่พื้นดินถึงบนฟ้า (Ground to Sky Service)

นายสุเมธกล่าวต่อว่าส่วนประเด็นหลักที่อยากส่งเสริมคือการนำสินค้า OTOP ของดีของเด่นประจำตำบล นำขึ้นไปขายบนเครื่องบินหรือจะมีการเปิดหน้าร้านทั้งออฟไลน์และออนไลน์เพื่อเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติได้เห็นคุณค่าของผลิตภัณฑ์คุณภาพในไทย อีกทั้งยังสะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทยซึ่งเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ เพราะไม่ใช่เป็นเพียงการขายสินค้า แต่เป็นการเรื่องราวของวัฒนธรรมไทย เพิ่มมูลค่าสินค้าและแหล่งท่องเที่ยวต้นกำเนิดของสินค้าเหล่านี้ สำหรับผลิตภัณฑ์ที่สนใจเบื้องต้นคือเสื้อใยกัญชง ซึ่งถือว่าเป็นสินค้าหัตถกรรม(Handmade Product)ที่มีคุณภาพสูงมากเป็นสิ่งีท่ชาวต่างชาติรู้จักเป็นอย่างดี จึงามารถใส่คุณค่าความเป็นไทยในการขายได้

นอกจากนี้ยังสนใจ ผ้าบาติก ภูมิปัญญาผ้าไทยที่สะท้อนวัฒนธรรมของชาวไทยถิ่นใต้ได้อย่างมีเสน่ห์ เชื่อว่าจะเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะไปทำแผนการตลาด OTOP แบ่งหมวดหมู่ประเภทสินค้าให้ชัดเจน ควบคู่ไปกับการทำมาตรฐานการขายแบบสากล (International Standard) คือ สินค้าต้องเหมือนกันกับตัวอย่างที่โฆษณา หรือเรียกว่าสินค้าตรงปก เพราะช่องทางการขายแบบนี้ผู้บริโภคอาจไม่สามารถทดลองใช้ได้ก่อนซื้อสินค้า

ด้านนางชาริตา ลีลายุทธ การประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด (CEO) เปิดเผยว่า ปัจจุบันสายการบินไทยสมายล์มียอดขาดทุนรวมกันทั้งสิ้น 14,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการขาดทุนสะสม 8,000 ล้านบาท และการขาดทุนแบบเกินทุนอีก 6,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเร่งแผนลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ให้กับองค์กร โดยมีแผนจะขอการบินไทยเพิ่มทุนราว 5,000 ล้านบาทภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ เพื่อนำมาเป็นงบหมุนเวียนดำเนินธุรกิจ

อย่างไรก็ตามภายหลังจากเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็น CEO ไทยสมายล์ตนมีเป้าหมายผลักดันให้สายการบินมียอดกำไรภายในปี 2563 หลังจากนี้จะทำแผนดำเนินธุรกิจระยะเวลา 5 ปีระหว่างปี 2562-2566 อาทิ ด้านประสิทธิภาพการบริหารงานการบิน ทั้งการเพิ่มระยะเวลาการใช้งานเครื่องบิน ตลอดจนเพิ่มความถี่ในเส้นทางเดิมและเพิ่มเส้นทางใหม่ โดยยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารงานการเงินและการลงทุน ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการบริการ รวมทั้งบริหารจัดการด้านบุคลากร เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้โดยสาร

นางชาริตากล่าวต่อว่าสำหรับภาพรวมตัวเลขผลประกอบการในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้พบว่ามีกำไรด้วยตัวเลขไม่ถึง 100 ล้านบาท ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีประกอบกับตัวเลขผู้โดยสารที่เติบโตเพิ่มขึ้นในรอบ 6 เดือนมียอดผู้โดยสารประมาณ 2,160,000 คน หรือเฉลี่ยเดือนละ 360,000 คน จากยอดผู้โดยสารปีที่แล้วอยู่ที่เฉลี่ยเดือนละ 300,000 คน ดังนั้นจึงมองว่าภาพรวมตลอดปีนี้จะมีผู้โดยสารเติบโตที่ 10-15% สอดคล้องกับตัวเลขอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ที่เพิ่มขึ้นเป็น 80-85% จากเดิม 70% โดยในช่วงสองไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะเปิดเส้นทางบินใหม่ 2 เส้นทา งได้แก่ กรุงเทพ-ไฮเดอระบัด(อินเดีย) และ เชียงใหม่-เกาชุง(ไต้หวัน) ปัจจุบันพบว่าต้นทุนของสายการบินไทยสมายล์นั้นสามารถแข่งขันได้ ดังนั้นจึงมุ่งหน้าที่จะเพิ่มเที่ยวบินร่วม (Code Share Flight) ร่วมกับสายการบินอื่นเพื่อเพิ่มยอดผู้โดยสาร และภายในปีนี้จะเข้าเป็นสมาชิกของเครือข่าย สตาร์อัลไลแอนซ์ (Star Alliance) เพื่อเพิ่มคุณภาพงานบริการผู้โดยสาร   
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"