โพลยกภท.ทำตามสัญญา อึ้ง'ภัยแล้ง'จากยึดอำนาจ


เพิ่มเพื่อน    


    โพลเผย ปชช.หนุนรัฐบาลประยุทธ์อยู่ครบ 4 ปี เร่งแก้ปัญหาปากท้อง ชี้ภูมิใจไทยทำตามที่หาเสียง จี้ฝ่ายค้านตรวจสอบบริหารงาน รบ. พท.สิ้นหวัง ครม.ศก.ไม่เชื่อน้ำยา "บิ๊กตู่" โทษรัฐประหาร 2 หนทำอีสานแล้งซ้ำซาก!
    เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล นำเสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง "พรรคการเมืองใด ใครทำตามสัญญา" กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,074 ตัวอย่าง เก็บข้อมูลวันที่ 1-3 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยเมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่กำลังเริ่มทำตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้กับประชาชน พบว่า อันดับแรก หรือร้อยละ 40.7 ระบุ พรรคภูมิใจไทย เรื่องกัญชาทางการแพทย์ และยกระดับ อสม. รองลงมาคือ ร้อยละ 33.3 พรรคพลังประชารัฐ เรื่องลดค่าครองชีพ เพิ่มรายได้, ร้อยละ 24.1 พรรคประชาธิปัตย์ เรื่องลดค่าครองชีพ เพิ่มรายได้ เช่นกัน, ร้อยละ 7.4 พรรครวมพลังประชาชาติไทย เรื่องแรงงาน ในขณะที่ร้อยละ 11.0 ระบุพรรคอื่นๆ เช่น พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา และพรรคอนาคตใหม่ เป็นต้น
    ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวว่า ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของประชาชนเพิ่มขึ้นหรือลดลง หลังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.9 เชื่อมั่นเหมือนเดิม ถึงเพิ่มขึ้นมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 37.1 เชื่อมั่นลดลง ถึงไม่เชื่อมั่นเลย ที่น่าพิจารณาคือ เกินครึ่งหรือร้อยละ 51.9 ระบุให้ระยะเวลารัฐบาลทำงาน 4 ปี เพื่อแก้เศรษฐกิจและเพิ่มเงินในกระเป๋าของประชาชน ในขณะที่ร้อยละ 48.1 ระบุไม่ถึง 4 ปี 
    นอกจากนี้ เมื่อถามถึงองค์กรอิสระที่ประชาชนเชื่อมั่นทำประเทศชาติพ้นความขัดแย้ง พบว่า อันดับแรกหรือร้อยละ 26.4 ระบุคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รองลงมาคือ ร้อยละ 24.3 ศาลรัฐธรรมนูญ, ร้อยละ 14.3 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, ร้อยละ 9.2 ศาลปกติในกระบวนการยุติธรรม และร้อยละ 4.0 ศาลปกครอง และร้อยละ 21.8 ระบุอื่นๆ 
    “ผลสำรวจนี้ชี้ให้เห็นว่า พรรคการเมืองที่ประชาชนได้รับรู้ว่าเป็นพรรคการเมืองที่กำลังเริ่มทำตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้กับประชาชนอันดับแรกและรองๆ ลงไป ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์ โดยพบด้วยว่าความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เชื่อมั่นเหมือนเดิมถึงเพิ่มขึ้นมากที่สุด และเกินครึ่งที่ให้เวลาในการทำงานถึง 4 ปี ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและเพิ่มเงินในกระเป๋าของประชาชน” นายนพดลระบุ
     สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 1,902 คน ระหว่างวันที่ 30 ก.ค.-3 ส.ค.2562 หัวข้อ "ฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน เดินหน้าอย่างไร จึงจะถูกใจประชาชน" ภายหลังนายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จสิ้นแล้ว สรุปได้ดังนี้ 1.สิ่งที่ประชาชนเห็นว่า ฝ่ายรัฐบาลต้องทำอย่างเร่งด่วน อันดับแรก ร้อยละ 76.98 ระบุแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ ปากท้องของประชาชน เพราะเศรษฐกิจตกต่ำค่าครองชีพสูง รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ค้าขายลำบาก ฯลฯ, อันดับ 2 ร้อยละ 30.25 ระบุราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ เพราะเกษตรกรได้รับความเดือดร้อน มีหนี้สิน ขายไม่ได้กำไร ถูกเอารัดเอาเปรียบ ฯลฯ, อันดับ 3 ร้อยละ 27.43 ระบุการทุจริตคอร์รัปชันประพฤติมิชอบ, อันดับ 4 ร้อยละ 26.64 ระบุการบริหารประเทศ การใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า เพราะต้องการเห็นผลงานที่เป็นรูปธรรม, อันดับ 5 ร้อยละ 16.14 ปฏิรูปการศึกษา เพราะอยากให้ประเทศเจริญก้าวหน้า พัฒนาการศึกษาให้ทันสมัยได้มาตรฐานแข่งขันกับต่างชาติได้
    2.สิ่งที่ประชาชนเห็นว่าฝ่ายค้านต้องทำอย่างเร่งด่วน อันดับ 1 ร้อยละ 51.88 ตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาล เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะเป็นคานอำนาจไม่ให้รัฐบาลมีอำนาจมากเกินไป เพื่อความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ ลดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน, อันดับ 2 ร้อยละ 49.57 ให้ความร่วมมือในการดำเนินงานของรัฐบาลที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม, อันดับ 3 ร้อยละ 21.10 ตรวจสอบการใช้งบประมาณ การทุจริตในโครงการต่างๆ,  อันดับ 4 ร้อยละ 15.46 ผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และข้อกฎหมายต่างๆ เพราะอยากให้กฎหมายเป็นธรรม ไม่สองมาตรฐาน, อันดับ 5 ร้อยละ 10.55 การสร้างความสามัคคี ปรองดอง เพราะต้องการให้สถานการณ์บ้านเมืองสงบสุข 
    3.สิ่งที่ประชาชนเห็นว่า ฝ่ายรัฐบาลไม่ควรทำอย่างยิ่ง อันดับ 1 ร้อยละ 50.79 เอื้อประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง ขาดความซื่อสัตย์ในการปฏิบัติหน้าที่, อันดับ 2 ร้อยละ 24.21 ใช้งบประมาณอย่างสิ้นเปลือง ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เกินความจำเป็น,  อันดับ 3 ร้อยละ 15.41 การวางตนในสภาที่ไม่เหมาะสม ไม่เป็นแบบอย่างที่ดี, อันดับ 4 ร้อยละ 14.78 ออกนโยบายที่กระทบต่อประชาชน เช่น การขึ้นภาษีการขึ้นราคาสินค้าและบริการ, อันดับ 5 ร้อยละ 7.23 ไม่ดำเนินงานตามนโยบาย ไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ เช่น การขึ้นค่าแรง 
    4.สิ่งที่ประชาชนเห็นว่าฝ่ายค้านไม่ควรทำอย่างยิ่ง อันดับ 1 การทุจริต ร้อยละ 34.68 ทำให้ประเทศชาติเสียหาย, อันดับ 2 ร้อยละ 33.62 การอภิปรายที่ไม่สร้างสรรค์ ไม่เคารพกฎระเบียบของรัฐสภา, อันดับ 3 ร้อยละ 27.02 การค้านทุกเรื่องโดยไม่ฟังเหตุผล มีอคติ, อันดับ 4 ร้อยละ 14.47 สร้างความแตกแยกในสังคม ปลุกระดมทางความคิด, อันดับ 5 ร้อยละ 11.28 นำเสนอข้อมูลที่บิดเบือนจากความเป็นจริง ปล่อยข่าวเท็จ 
    5.สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ที่ประชาชนเป็นห่วงมากที่สุด อันดับ 1 ร้อยละ 79.64 ปัญหาปากท้อง ของแพง คนตกงาน ว่างงาน เงินไม่พอใช้, อันดับ 2 ร้อยละ 35.07 ความขัดแย้งทางการเมือง แตกแยก ขาดความสามัคคี, อันดับ 3 ร้อยละ 22.06 การก่อเหตุร้าย วางระเบิด, อันดับ 4 ร้อยละ 16.52 กฎหมายไม่มีความยุติธรรม เหลื่อมล้ำ, อันดับ 5 ร้อยละ 14.25 เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน ราคาผลผลิตตกต่ำ
    วันเดียวกัน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการเผยแพร่ในสื่อต่างๆ เกี่ยวกับการจัดรายการทีวี “นายกฯ พบประชาชน” ซึ่งเดิมรัฐบาลที่ผ่านมาในอดีตจะมีรายการดังกล่าวในเวลาช่วงเช้าวันเสาร์ ขอเรียนให้ทราบข้อเท็จจริงว่า ยังมิได้มีการเสนอเรื่องดังกล่าวต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายกฯ จึงยังไม่ได้มีการพิจารณาแต่อย่างใด
    ทางด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าตนเองรู้สึกสิ้นหวังกับการแก้ไขปัญหาของทีมเศรษฐกิจรัฐบาลที่แล้ว และแอบมีความหวังเล็กๆ ว่าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่อาจจะมีความสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่หมักหมมมานานสำเร็จก็เป็นได้ แต่เมื่อความจริงปรากฏว่าทีมเศรษฐกิจชุดใหม่เป็นแค่เพียงเหล้าเก่าในขวดใหม่ มีแต่คนหน้าเดิม ต่อให้มีหัวหน้าทีมคนใหม่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์มานำทีม ก็เชื่อได้ยากว่าจะแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้สำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีอำนาจพิเศษนอกกฎหมายให้บังคับใช้ได้อีกต่อไป 
    เลขาธิการพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า ในวันที่ 5 ส.ค. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย จะนำคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรค เดินทางไป จ.ร้อยเอ็ด เพื่อประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยสัญจรครั้งที่ 1 เพื่อเยี่ยมเยียนพี่น้องชาวอีสาน โดยเฉพาะเกษตรกรแห่งทุ่งกุลาร้องไห้ รับฟังปัญหาความเดือดร้อน และร่วมปรึกษาหารือเรื่องการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ด้วยการบริหารจัดการน้ำภาคอีสานอย่างยั่งยืน  ทั้งนี้ รู้สึกเสียดายที่การรัฐประหารทั้ง 2 ครั้งทำให้ชาวอีสานยังคงประสบกับปัญหาภัยแล้งซ้ำซาก เพราะไม่มีแผนการจัดการน้ำเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งทั่วประเทศอย่างยั่งยืน ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ยังคงทุกข์ยากอยู่จนถึงทุกวันนี้.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"