7 ส.ค.62 - นางธิดา ถาวรเศรษฐ ที่ปรึกษาแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) โพสต์ข้อความ "ว่าด้วยเรื่อง “ไข่พะโล้บูด”โดยมีรายละเอียดดังนี้  "ขอคุยเรื่องเบา ๆ แต่เหมาะกับครู, แม่บ้าน และผู้ดูแลอาหารสำหรับครอบครัว, โรงเรียน และการค้าขายทั้งหลาย อันเนื่องมาจาก “ไข่พะโล้บูด” ที่พูดวันนี้ในฐานะอดีตอาจารย์จุลชีววิทยาค่ะ

ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่ารอบตัวเรามีสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่เรียกว่า “จุลินทรีย์” อยู่ทั่วไป จุลินทรีย์เหล่านี้มีแบคทีเรีย, รา, ไวรัส และครึ่งแบคทีเรีย ครึ่งไวรัส เรามองไม่เห็นเพราะขนาดเล็กมาก แต่ถ้ามันอยู่ในอาหารทั้งปรุงสำเร็จหรืออาหารดิบที่เหมาะกับการเจริญเติบโตและอุณหภูมิห้องจนถึง 40 องศาเซลเซียส ก็จะเจริญได้ดี จนเกิดปฏิกิริยาให้เรารู้ได้คือ อาหารบูดและมีกลิ่นเน่าเสีย

อาหารที่ปรุงแล้วหรือยังไม่ได้ปรุงจึงต้องดูแล-จัดเก็บให้ดีก่อนปรุง จึงมีการล้างก่อนแล้วเก็บในตู้เย็นหรือตู้แช่แข็งตามลักษณะอาหารแตกต่างกัน แต่อาหารปรุงสำเร็จนั้นถ้าเตรียมไว้มาก ๆ ภาชนะใหญ่ ไม่สามารถเข้าตู้เย็นได้ จะเก็บอย่างไร? อย่างหมู-ไข่พะโล้หม้อใหญ่หรือแกงจืด, แกงกะทิ อาหารพวกนี้จะเป็นที่เลี้ยงเชื้อเจริญเติบโตได้ดีหลังปรุงสำเร็จแล้ววางทิ้งไว้

กฎที่ต้องปฏิบัติคือ

1) อาหารเหล่านี้ต้องต้มหรือผ่านความร้อนจนเดือดมาแล้วไม่น้อยกว่า 10-20 นาที แล้วจึงเก็บอุณหภูมิห้องได้ข้ามคืน (6-8 ช.ม.)
2) เมื่อยกขึ้นจากเตา ห้ามเอาช้อน, ทัพพี หรือสิ่งใดใส่เข้าไปในหม้อ เช่น การชิม, ตักแบ่งไปยังภาชนะอื่น ต่อให้ใช้ช้อนสะอาดหรือลวกน้ำร้อน ถ้าจะชิมหรือตักแบ่งต้องทำตอนกำลังเดือดไม่ต่ำกว่า 10 นาที
3) ถ้ามีการละเมิดเอาอะไรไปตักหรือแหย่ไปในอาหาร ต้องเอามาต้มใหม่จนเดือดอีก 5 นาทีเป็นอย่างน้อย
4) ภาชนะต้องปิดสนิท สามารถทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องได้ ไม่บูด 1 คืนค่ะ แต่รุ่งขึ้นต้องต้มให้เดือดใหม่ทันที และระวังเหมือนเดิม คือห้ามใส่หรือแหย่อะไรในหม้อหลังเดือดทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องแล้ว

ถ้าทำตามนี้แม่บ้านจะเตรียมอาหารไว้ล่วงหน้า หรือเมื่อมีอาหารเหลือก็ต้องต้มให้เดือดเช่นเดิม จะเอามารับประทานได้ไม่เน่าเสีย

การเอาหมูและไข่พะโล้บูดมาล้างแล้วปรุงใหม่ มันแก้ไม่ได้ค่ะ เพราะมันบูดเน่าเสียไปแล้ว ต่อให้แบคทีเรียใหม่ตายไป เพราะต้มเดือดใหม่ แต่ขบวนการเน่าเสียยังอยู่เหมือนเดิม

อย่างไรก็ตามขอเตือนว่า การปรุงอาหารให้เด็กและคนหมู่มากควรทำใหม่ ๆ ในเวลาไม่เกิน 6 ช.ม. น่าจะปลอดภัยค่ะ แต่ถ้าเป็นแม่บ้านเราจะดูแลอาหารเหลืออย่างไรให้เอามารับประทานอีก ต้องทำตามนี้นะคะ"