ชงอัศวินฟันขรก. อนุมัติตลาดเถื่อน


เพิ่มเพื่อน    


    ป้าทุบรถเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว เตรียมแจ้งความกลับเจ้าของรถที่จอดขวางหน้าบ้าน "ก่อความเดือดร้อนรำคาญ" ด้านคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้ข้อสรุป ทั้ง 5 ตลาดจัดตั้งไม่ถูกต้องตามกฎหมาย พบอดีต 2 ผอ.สำนักการโยธา และ 4 ผอ.เขตประเวศเกี่ยวข้อง "อัศวิน" ขอเวลาหารือฝ่ายกฎหมายก่อนตั้งกรรมการสอบวินัยและส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ฟันอาญา
    บ่ายวันที่ 5 มีนาคมนี้ น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ อายุ 61 ปี และ น.ส.มณีรัตน์ แสงภัทรโชติ อายุ 57 ปี ผู้ใช้ขวานและเสียมทุบรถคู่กรณีที่จอดขวางประตูรั้วหน้าบ้านเลขที่ 37/208 ซอยศรีนครินทร์ 55 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. พร้อมนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.ประเวศ ตามหมายเรียกครั้งที่ 2 หลังถูก น.ส.รชนิกร เลิศวาสนา เจ้าของรถ แจ้งความเอาผิด 3 ข้อหาคือ ทำให้เสียทรัพย์, พกพาอาวุธ และข่มขู่ 
    นายอนันต์ชัยกล่าวว่า ทั้ง 2 ยอมรับเพียงข้อหาทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากมีคลิปและเป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง แต่ขอให้เข้าใจทั้ง 2 ต้องต่อสู้เรื่องนี้มาเป็น 10 ปี เพราะตลาดไม่ถูกต้อง และมีคำสั่งศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราวให้เจ้าของตลาดหรือผู้เกี่ยวข้องดูแลไม่ให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ลูกความทั้งสอง รวมทั้งไม่ให้รถจอดขวางหน้าบ้าน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเจ้าของตลาดละเมิดอำนาจศาล และผู้จอดรถขวางหน้าบ้านมีความผิดด้วย ส่วนข้อหาพกพาอาวุธและข่มขู่ ทั้ง 2 ให้การปฏิเสธ เพราะไม่เข้าข้อกฎหมาย เนื่องจากขวานและเสียมไม่ใช่อาวุธ และลูกความทำทุกทาง ทั้งแจ้ง 191 บีบแตรเสียงดังนานกว่า 30 นาที แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง  
    นายอนันต์ชัยกล่าวว่า ลูกความทั้งสองจะแจ้งความกลับคู่กรณีข้อหาก่อความเดือดร้อนรำคาญ ตามมาตรา 397 ส่วนข้อหาแจ้งความให้ผู้อื่นรับโทษเกินกว่าเหตุ ลูกความขอเวลา 7 วันตัดสินใจ และว่าตอนนี้เขตประเวศกำลังเชิญชวนพ่อค้าแม่ค้าลงชื่อจัดตั้งตลาด ซึ่งทำไม่ได้เนื่องจากผิดกฎหมาย เพราะผังเดิมกำหนดให้ก่อสร้างบ้านเดี่ยว 2 ชั้น หากจะแก้ผังเป็นขอตั้งตลาดต้องดำเนินการโดยผู้ขออนุญาต ไม่ใช่เขตหรือ กทม.
    ด้าน น.ส.รัตนฉัตร และ น.ส.มณีรัตน์ ที่สังคมตั้งฉายาให้ว่าป้าทุบรถ กล่าวว่า วันนี้ยังไม่ถือว่าชนะ และชีวิตจะดีขึ้นก็ต่อเมื่อสิ่งปลูกสร้างและตลาดถูกรื้อถอนออกไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้นตอมาจาก กทม.และเขตประเวศ ซึ่งจะต้องจัดหาที่ทำกินให้ผู้ค้า ยอมรับว่าทุกข์ใจที่ผู้ค้าไม่มีที่ค้าขาย หลังความจริงเปิดเผยมีคนให้กำลังใจมากมาย  
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังแจ้งข้อหา พิมพ์ลายนิ้วมือและสอบปากคำ ตำรวจได้ปล่อยตัวทั้งสองโดยไม่ต้องยื่นประกัน เพราะเข้ามอบตัวเอง อีกทั้งคดีมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และไม่มีพฤติกรรมหลบหนี
    อีกด้านหนึ่ง ที่ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นายนิรันดร์ ประดิษฐกุล รองประธานสภา กทม. ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเจ้าของบ้านเลขที่ 37/208 ซอยศรีนครินทร์ 55 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. อ้างเหตุเดือดร้อนจากการประกอบกิจการตลาดดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการฯ ในช่วงเช้าว่า ทางคณะกรรมการฯ ได้ข้อสรุปเมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยได้ลงมติเห็นชอบลงบันทึกรายงานที่ 010/2561 จำนวน 10 หน้า พร้อมแนบเอกสารประกอบ ก่อนส่งรายงานไปยังผู้ว่าฯ กทม.พิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย
    สำหรับข้อสรุปในเบื้องต้น ทางคณะกรรมการฯ มีความเห็นร่วมกันว่า ตลาดทั้ง 5 แห่งจัดตั้งอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ในการขออนุญาตจัดตั้งตลาดตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 ทั้งประเภทที่ 1 ตลาดที่มีโครงสร้างอาคาร และประเภทที่ 2 ตลาดที่ไม่มีโครงสร้างอาคาร โดยทั้งหมดไม่ได้ขออนุญาตจัดตั้งตลาดมาตั้งแต่ช่วงก่อนปี 2551 ซึ่งเดิมบริเวณดังกล่าวมีการตั้งแผงขายของยาวตลอดแนว ลักษณะนี้ไม่ถือเป็นตลาด ต่อมาตลาดสวนหลวงเริ่มก่อตั้งตลาดที่ไม่มีโครงสร้างอาคาร ในปี 2551 ตามด้วยตลาดเปิ้ลมาร์เก็ต ตลาดยิ่งนรา ตลาดรุ่งวาณิชย์ และตลาดร่มเหลือง ในปี 2553-2554 ตามลำดับ ปัจจุบันคณะกรรมการฯ มีมติเห็นว่าตลาดทั้ง 5 แห่งไม่มีสภาพเป็นตลาด
    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ที่อนุญาตให้มีการเปิดตลาด จากการตรวจสอบรายชื่อข้าราชการที่เกี่ยวข้องมี 2 ส่วน ได้แก่ 1.สำนักการโยธา ผู้ควบคุมกำกับดูแลในการขออนุญาตก่อสร้างอาคาร ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 พบดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฎหมายขณะนั้น ปรากฏรายชื่อของนายจุมพล สำเภาพล (ดำรงตำแหน่ง 1 ตุลาคม 2552-2554) และนายวินัย ลิ่มสกุล (ดำรงตำแหน่ง 1 ตุลาคม 2554-ตุลาคม 2556) อดีตผู้อำนวยการสำนักการโยธา 2.สำนักงานเขตประเวศ ซึ่งเป็นอนุญาตจัดตั้งตลาดตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุขฯ พบดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฎหมายเช่นกัน ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องที่เป็นระดับ ผอ.เขต ปรากฏตามเอกสารตั้งแต่ปี 2551 ถึงปัจจุบัน 4 ราย คือ 1.นายสมชาย ฉัตรสกุลเพ็ญ 2.นางอัจฉรา ห่อสมบัติ 3.นายณรงค์ จงแจ่ม และนายธนะสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผู้อำนวยการเขตประเวศปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อม ฝ่ายโยธาและฝ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมประมาณ 20 ราย โดยปรากฏในเอกสารชัดเจนว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง
    นายนิรันดร์กล่าวว่า ในส่วนการดำเนินการตามกฎหมายของผู้อำนวยการเขตประเวศในแต่ละช่วงปี พบว่าได้มีการดำเนินการตามกฎหมายทุกปี แต่ต้องไปพิจารณารายละเอียดความหนักเบาของการดำเนินการอีกครั้ง เนื่องจากบางปีพบว่ามีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด อาทิ ระหว่างปี 2555-2559 ตลาดยิ่งนราถูกดำเนินคดี ตาม พ.ร.บ.อาคาร กรณีเปิดตลาดก่อนการใช้อาคาร ถูกพิจารณาปรับ 4.7 แสนบาท มีโทษจำคุก 1 เดือน และรอลงอาญา ขณะที่เมื่อปี 2555 ตลาดรุ่งวาณิชย์ถูกปรับ 157,500 บาท ตามคำพิพากษาศาลจังหวัดพระโขนง ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงทั้งหมดจะส่งเอกสารให้ผู้ว่าฯ กทม.ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยเพื่อพิจารณาดำเนินการตามข้อกฎหมาย 
     ผู้สื่อข่าวถามว่า หากตรวจสอบพบผู้กระทำความผิดได้เกษียณอายุราชการไปแล้ว จะดำเนินการตามกฎหมายได้อย่างไรบ้าง นายนิรันดร์กล่าวว่า แม้จะพ้นตำแหน่งไปแล้ว ตามระเบียบข้าราชการสามารถดำเนินการกับผู้นั้นได้ในส่วนที่เกี่ยวข้อง แบ่งเป็น 1.โทษทางอาญา หากมีผู้ร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนกรณีดังกล่าว ชี้มูลและส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด เพื่อยื่นฟ้องต่อศาล 2.โทษทางวินัย หากผู้บังคับบัญชาเห็นว่ามีหลักฐานสมควรตั้งคณะกรรมการสอบวินัยได้ ซึ่งมีผลต่อเจ้าหน้าที่ที่เกษียณอายุราชการหรือไม่ก็ตาม โดยโทษทางวินัยประกอบด้วย ความผิดร้ายแรง เช่น ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ฯลฯ ลงโทษไล่ออก ปลดออก ส่วนความผิดไม่ร้ายแรง ลงโทษตัดเงินเดือน ภาคทัณฑ์ ซึ่งมีกำหนดไว้ตามระเบียบราชการ 
    ขณะที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ถึงประเด็นดังกล่าวว่า ทางคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่มีนายนิรันดร์ ประดิษฐกุล เป็นประธาน นำข้อมูลทั้งหมดมามอบให้ตนแล้ว โดยทาง กทม.ต้องนำข้อมูลดังกล่าวรายงานไปยังศาลปกครองกลาง รวมทั้งตรวจสอบว่ามีความเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ของ กทม.คนใดที่มีการละเลยหรือบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ซึ่งหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่คนใดเกี่ยวข้อง ทางฝ่ายบริหารจะหารือร่วมกับฝ่ายกฎหมาย ก่อนตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อตรวจสอบรายชื่อผู้เกี่ยวข้อง ว่ารับผิดชอบต่อเรื่องดังกล่าวมากน้อยเพียงใด คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งหากพบว่ามีความผิด ต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป
    “ต้องมีการตรวจสอบกระบวนการการดำเนินการทั้งหมดในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของสำนักการโยธาและสำนักงานเขตประเวศ รวมทั้งพฤติการณ์ต่างๆ ทั้งการแจ้งความดำเนินคดี มีการเปรียบเทียบปรับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่ ซึ่งผมยืนยันได้เลยว่าทาง กทม.ไม่ได้ดำเนินการล่าช้าเพื่อให้เกิดความยืดเยื้อ เพราะผมเป็นคนใจร้อน ทำอะไรต้องทำเร็ว”
    ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินคดีของศาลปกครองนั้น ขณะนี้ศาลปกครองเหลือเพียงเรียกตัวแทนเจ้าหน้าที่ของกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ที่รับผิดชอบพื้นที่ดังกล่าวอีก 1 ปาก มาชี้แจงข้อมูลว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวสามารถสร้างตลาดได้หรือไม่ หรือสามารถก่อสร้างได้เพียงที่อยู่อาศัยเท่านั้น นอกจากนี้ ทาง 50 เขตอยู่ระหว่างการส่งข้อมูลการสำรวจตลาดที่ไม่ได้มีการขออนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"