ขู่ล้มคดีฆ่าเสือดำเจอม็อบ


เพิ่มเพื่อน    

   "ศรีวราห์" ลั่นจะไหว้ใครสำนวนก็ไม่เปลี่ยน ขู่ถ้าเสียหายฟ้องกลับ คดีทารุณสัตว์ยังไม่จบ เด้งร้อยเวรไม่พอสั่งสอบคนร้องทุกข์ด้วย มูลนิธิสืบนาคะเสถียรประกาศหากในสำนวนคดีที่จะส่งฟ้องศาลไม่มีข้อหาเจตนาฆ่า ล่าสัตว์ป่า ได้เห็นปรากฏการณ์เป่านกหวีดประชาชนลงมาเดินกลางถนนอีกครั้ง
    พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงประเด็นที่ผู้บังคับบัญชาสั่งภาคทัณฑ์ร้อยเวรเจ้าของคดีที่รับคำร้องทุกข์คดีทารุณสัตว์ว่า กฎหมายตำรวจ ม.78  (1) ตำรวจต้องทำตามกฎหมาย (9) ตำรวจต้องไม่ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ ผู้บังคับบัญชาเบื้องต้นได้พิจารณาแล้ว การที่ร้อยเวรไปรับคำร้องทุกข์ซึ่งมันไม่มีบทบัญญัติเป็นความผิดในกฎหมาย มันทำไม่ได้ ตามมาตรา 2 คุณจะร้องทุกข์ได้ก็ต่อเมื่อมีการกระทำความผิดเกิดขึ้น กฎหมายต้องบัญญัติเป็นความผิดถึงจะสามารถรับคำร้องทุกข์ได้ 
    "เจตนาของผู้ร้องทุกข์จะมีเจตนาอะไรได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเขาสอบไป สำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกเรื่องไม่ได้ละเว้น ปฏิบัติตามกฎหมาย"
    เมื่อถามว่าต้องเรียกนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรมาให้ปากคำเพิ่มเติมหรือไม่เกี่ยวกับประเด็นการติดสินบน รอง ผบ.ตร.ตอบว่าต้องเชิญมาสอบปากคำเพิ่มเติม เพราะเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวหาดำเนินคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผู้ต้องหาคดีล่าสัตว์ป่า ทราบมาว่าจากการสอบปากคำล่าสุดของ บก.ปปป.ได้รายละเอียดไม่สมบูรณ์ เพราะวันนั้นคุณวิเชียรมีเวลาน้อย เมื่อเชิญมาให้ปากคำเพิ่มเติมคุณวิเชียร ได้ผัดผ่อน ไม่ได้เรียกมาซ้ำซาก จึงได้แจ้งให้พนักงานสอบสวนไปสอบที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเชนว่าการติดสินบนมีพยานหลักฐานอะไร ส่งมาให้หมด พนักงานสอบสวนจะได้พิจารณาว่าจะแจ้งข้อหาหรือไม่อย่างไร 
    "พยานมี 3 อย่าง เอกสาร วัตถุ บุคคล ไม่มีเอกสารต้องมีพยานวัถตุ ไม่มีวัตถุต้องมีพยานบุคคล ก็ขอให้พยานบุคคลยืนยันให้ชัดเจน ขณะนี้พยานบุคคลของกรมอุทยานฯ ยังไม่ได้มาให้การที่ชัดเจน ไม่ได้เรียกมาซ้ำซาก ไม่ได้เรียกเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ มาเป็นผู้ต้องหา ไม่ใช่"
    ถามว่ารู้สึกหวั่นไหวหรือเสียกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ตอบว่าไม่หวั่นไหว  จะไปหวั่นไหวเรื่องอะไร ยืนยันว่าทำตามกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำไปตามกฎระเบียบที่มีอยู่ 
    ซักถึงกรณีกรมอุทยานฯ ตรวจพบว่างาช้างที่ยึดมาจากบ้านนายเปรมชัยเป็นงาช้างนำเข้าจากแอฟริกา รอง ผบ.ตร.ตอบว่า เรื่องของเรื่องคือกรมอุทยานฯ รับแจ้งจดทะเบียนการครอบครองงาช้างบ้านนายเปรมชัยไว้ อยู่ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ไซเตทรับรองอีกครั้ง ทั้งที่กฎหมายก็บอกแล้วว่ารับแจ้งไว้ต้องเป็นงาช้างไทยถึงจะสามารถครอบครองได้ ถ้าไม่ใช่งาไทยแล้วไปรับแจ้งครอบครองได้อย่างไร ไปพิจารณากันเอา คนที่เสียหายคือกรมอุทยานฯ กรมอุทยานฯ ต้องมาร้องทุกข์ 
    เขาบอกว่าตามหลักฐานเบื้องต้น นางคณิตา วิทยานันท์ ภรรยานายเปรมชัยเป็นคนจดแจ้งครอบครองงาช้าง ถ้าผลกรมอุทยานฯ รายงานมาอย่างเป็นทางการก็สามารถดำเนินคดีได้เลย แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ตอบหนังสือเป็นทางการมา ถ้ามีหนังสือเป็นทางการมากรมอุทยานฯ ต้องมาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีใคร เพราะกรมอุทยานฯ เป็นเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ตำรวจจะไปรู้ข้อเท็จจริงกว่ากรมอุทยานฯ ได้อย่างไร กฎหมายคุณก็รับผิดชอบเพราะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย
    ส่วนคดีของนายเปรมชัยเบื้องต้นแจ้งข้อหาทั้งหมด 9 ข้อหา อีก 1 ข้อหาคือติดสินบนที่นายวิเชียร ร้องทุกข์ไว้อยู่ระหว่างรอสอบเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ว่าหลักฐานแน่นหนาพอที่จะแจ้งข้อหาไหม แต่ตำรวจก็รับคำร้องทุกข์ไว้แล้ว
    เมื่อถามถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาฯ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจี้ ก.ตร.สอบ ประเด็นที่ก้มหัวต่ำรับไหว้นายเปรมชัย โดยชี้เป็นการเลือกปฏิบัติ พล.ต.อ.ศรีวราห์ตอบว่า "ยินดี คุณจะพูดอะไรจะทำอะไรก็อย่าให้ผิดกฎหมายแล้วกัน คุณรู้ได้ไงผมไม่สั่งหรือไม่อะไร ถ้าผมเสียหายก็ว่าไปตามกฎหมาย ไม่ได้ท้าทาย แต่พนักงานสอบสวนไม่ใช่กระทำตามสื่อได้หมด"  
    "ยืนยันว่าจะไหว้ใครไม่ไหว้ใครสำนวนไม่ได้เปลี่ยน ผมจะไหว้ใคร นาย ก. นาย ข. ถามว่าสำนวนเปลี่ยนไหม ไม่ได้เปลี่ยน คุณจะยกประเด็นอะไรเพื่ออะไรผมไม่ทราบ ถ้าผมเสียหายก็ว่าตามกฎหมาย" รอง ผบ.ตร.กล่าว
    ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์มีหลักฐานทุกอย่างอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเชื่อมั่นได้ อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าประชาชนจะเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม 
    พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีติดสินบนว่า ต้องรอสอบปากคำนายวิเชียรว่าจะให้ปากคำเช่นเดิมหรือไม่ ก่อนจะเรียกนายเปรมชัยมาแจ้งข้อกล่าวหา
      "ยืนยันว่ากรณีคลิปเสียงหลักฐานที่หายไป ไม่มีผลกระทบต่อการแจ้งความเอาผิดนายเปรมชัย เพราะคดีนี้หากมีเพียงนายวิเชียรยืนยันคนเดียวก็สามารถเอาผิดได้ แต่ต้องสอบปากคำให้เห็นชัดเจนก่อนว่ามีเหตุผลเพียงพอหรือไม่" 
       พล.ต.ต.กมลกล่าวว่า ที่มีการลบคลิปเสียงนั้นตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่หากมีคลิปเสียงจริงก็ต้องสอบปากคำผู้เป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือ ซึ่งขอให้กองปราบปรามดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ควบคู่ไปแล้ว ทั้งนี้ในวันที่ 7 มีนาคมนี้จะลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ทำแผนและทำการสอบปากคำผู้กล่าวหาให้ครบถ้วนก่อน จากนั้นจะพิจารณาออกหมายเรียกนายเปรมชัยเข้าให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
    "ในการเข้าสอบสวนที่เขตรักษาพันธุ์ฯ นั้น จะต้องมีการจำลองเหตุการณ์ในขณะที่มีการเสนอให้สินบนว่าบรรยากาศเป็นอย่างไร และขอยืนยันว่าสำนวนครบถ้วนเรียบร้อย ไม่มีอะไรน่าหนักใจ และยืนยันพนักงานสอบสวนทำตามรูปเเบบกฎหมาย ให้เข้าองค์ประกอบของกฎหมาย เพราะหากนอกเหนือหรือไม่เข้าหลักกฎหมายอัยการก็สั่งไม่ฟ้องอยู่ดี จึงไม่จำเป็นต้องแจ้งข้อหานั้นๆ" 
      ส่วนข้อสงสัยเรื่องไฟฉายที่ได้มาจะเข้าข่ายเป็นสินบนหรือไม่นั้น พล.ต.ต.กมลกล่าวว่า โดยหลักการทั่วไปหากสิ่งของที่มอบให้ราคาไม่เกิน 3,000 บาท ซึ่งไม่ใช่สินบนก็สามารถรับได้หากรับมาทำในหน้าที่ แต่หากราคาเกินก็สามารถรายงานผู้บังคับบัญชาได้เพื่อความบริสุทธิ์ใจ ส่วนจะเข้าข่ายความผิดหรือไม่ต้องรอสอบสวนก่อน ซึ่งหากเข้าองค์ประกอบก็ต้องดำเนินคดี หากไม่เข้าองค์ประกอบก็ต้องสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งเชื่อว่าตำรวจทุกคนที่ทำคดีทำงานเต็มที่ไม่ได้ละเว้น   
    ที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียร นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิฯ พร้อมด้วยนายภานุเดช เกิดมะลิ  เลขาธิการมูลนิธิฯ ได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์ทวงความคืบหน้าคดีล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก โดยแถลงการณ์ระบุว่า นับตั้งแต่จับกุมจนถึงวันนี้เวลาได้ผ่านไปจนครบ 1 เดือนแล้ว แต่การสอบสวนเพื่อดำเนินการกลับเป็นไปอย่างล่าช้าในสายตาของสาธารณชน ดังนั้นมูลนิธิฯ จึงเห็นว่า
      1.เมื่อพิจารณาจากพฤติการณ์แห่งคดี พบข้อเท็จจริงว่านายเปรมชัยกับพวกลักลอบนำอาวุธปืนซุกซ่อนไว้ในรถ ก่อนขออนุญาตเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งมีการเข้าไปตั้งแคมป์ในเส้นทางและบริเวณพื้นที่ที่ไม่อนุญาตให้เข้าไป ซึ่งเป็นบริเวณที่สงวนไว้สำหรับการอยู่อาศัยและหากินของสัตว์ป่าตามธรรมชาติอีก แสดงให้เห็นว่านายเปรมชัยกับพวกอาจมีเจตนาเข้าไปภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเพื่อล่าสัตว์ป่าตั้งแต่แรกหรือไม่ ประกอบกับเสียงปืนที่ดังมาจากบริเวณที่ไม่อนุญาตให้เข้าไป จึงมีเพียงกลุ่มของนายเปรมชัยกับพวกเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่เข้ามาพร้อมกับอาวุธปืน เครื่องกระสุน และปลอกกระสุน รวมถึงซากสัตว์ป่าและร่องรอยกระสุนบนซากสัตว์ป่า เศษซากกระดูกสัตว์ป่าที่พบในลำห้วย รวมทั้งการประกอบอาหารที่ทำมาจากเนื้อสัตว์ป่าที่ตรวจพบ ล้วนเป็นพยานวัตถุสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ที่ชัดเจนยิ่ง ว่านายเปรมชัยกับพวกได้ร่วมกันกระทำความผิดสำเร็จฐานล่าสัตว์ป่าคุ้มครองภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
     2.จากพฤติการณ์แห่งคดีและพยานหลักฐานที่ปรากฏ ทำให้เห็นได้ชัดว่าคดีนี้ไม่ใช่คดีที่ซับซ้อน จึงขอเร่งรัดให้ฝ่ายที่ดูแลและรับผิดชอบการดำเนินคดีโดยเฉพาะตำรวจ เร่งรัดดำเนินการเพื่อสรุปสำนวนพร้อมความเห็นไปยังอัยการและส่งฟ้องศาลอย่างรวดเร็ว และอย่าพยายามเบี่ยงเบนประเด็นการสอบสวนโดยการมุ่งไปสู่การเสาะหาพยานวัตถุที่อาจเปลี่ยนแปลงได้
    3.ขอให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  และรัฐบาลเร่งรัดติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด และขอให้กรมอุทยานฯ ตรวจสอบสำนวนคดีในชั้นอัยการอย่างรอบคอบก่อนส่งฟ้องศาล เพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อนไปจากพฤติการณ์แห่งคดีที่ปรากฏชัดแจ้งนี้
      4.ขอให้รัฐบาลหน่วยงานของภาครัฐออกมายืนเคียงข้างประชาชน เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และร่วมกันประณามผู้ที่มีเจตนาในการทำร้ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดตัวอย่างที่ดีแก่สังคมต่อไปในอนาคต
       ขณะที่ในตอนท้ายนายศศินได้ย้ำว่า มูลนิธิฯ จะส่งแถลงการณ์ฉบับนี้ไปยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ และจะร่วมกับเครือข่ายองค์กรอนุรักษ์อื่นๆ เดินทางไปพบ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เพื่อขอให้เร่งรัดการดำเนินการในคดี
       "ขอประกาศว่า หากในสำนวนคดีที่ตำรวจจะส่งฟ้องศาลไม่มีข้อหาเจตนาฆ่า ล่าสัตว์ป่า เราคิดว่า เราไม่จำเป็นต้องนัดกับใครเพื่อจะออกมาเรียกร้องเรื่องนี้ เพราะพวกเราไม่ยอม นั่นหมายความว่าจะเกิดปรากฏการณ์เป่านกหวีด ประชาชนจะออกมาเดินกลางถนนอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน" นายศศินกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"