คาดปีนี้ร้อนจัด อุณหภูมิอาจสูงถึง 42 องศา สาธารณสุขเตือนระวังโรคลมแดดหรือฮีตสโตรก พบมีผู้เสียชีวิตปีละกว่า 30 คน แนะ 6 กลุ่มเสี่ยงดูแลตัวเอง หรือหากพบผู้ป่วยให้ปฏิบัติ 5 ขั้นตอนในการช่วยเหลือเบื้องต้น 
    นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในปี 2561 กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศว่า ตั้งแต่เดือนมีนาคม ประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูร้อน สภาพอากาศร้อนอบอ้าวและร้อนจัดในบางพื้นที่ โดยอุณหภูมิสูงสุดอาจจะสูงถึง 40-42 องศาเซลเซียส ซึ่งในช่วงอากาศร้อนจัด ประชาชนเสี่ยงมีภาวะเจ็บป่วยจากสภาวะอากาศร้อน ทั้งโรคลมแดด ลมร้อน หรือฮีตสโตรก (Heat Stroke) มีอันตรายอย่างรุนแรง อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากการทำงานผิดปกติของระบบสมอง 
    ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา มีผู้เสียชีวิตจากโรคลมแดดเฉลี่ยปีละ 32 คน ล่าสุดในปี 2559 พบผู้เสียชีวิต 21 ราย สาเหตุเกิดจากการที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส และไม่สามารถปรับตัวได้ ผู้ป่วยจะมีอาการเมื่อยล้า อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน วิตกกังวล สับสน ปวดศีรษะ ความดันโลหิตต่ำ หน้ามืด อาจมีอาการเพิ่มเติม เช่น ภาวะขาดเหงื่อ เพ้อ ชัก ไม่รู้สึกตัว หายใจเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ ช็อก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจเสียชีวิตได้  
    ปลัด สธ.กล่าวว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) สื่อสารความรู้คำแนะนำในการดูแลและป้องกันโรคที่มาจากอากาศร้อนให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะ 6 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1.ผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดด เช่น เล่นกีฬา การฝึกทหาร ที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ผู้ทำงานกลางแดด เช่น กรรมกร ก่อสร้าง เกษตรกร 2.เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุ 3.ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง 4.คนอ้วน 5.ผู้ที่นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ และ 6.ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัด 
    ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค  กล่าวว่า การช่วยเหลือผู้ป่วยโรคลมแดด ลมร้อน มี 5 ขั้นตอน ได้แก่ 1.นำผู้ป่วยเข้าร่ม นอนราบ ยกเท้าสูงทั้งสองข้าง ถอดเสื้อผ้าชั้นนอกออก ถ้าผู้ป่วยหมดสติให้เปิดทางเดินหายใจให้โล่ง จัดให้นอนท่าตะแคงเพื่อป้องกันลิ้นตกและป้องกันการสำลัก 2.เช็ดตัวด้วยผ้าชุบน้ำเย็น หรือสเปรย์ร่างกายด้วยน้ำแล้วเป่าลม 3.ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามซอกคอ รักแร้ ขาหนีบ 4.หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าเปียกคลุมตัวผู้ป่วย เพราะจะขัดขวางการระเหยของน้ำออกจากร่างกาย 5.รีบนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดหรือโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือสายด่วน 1669  
    สำหรับวิธีการป้องกันตัวไม่ให้เป็นโรคลมแดดลมร้อน ควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดที่ร้อนจัด โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวด้านหลอดเลือดหรือหัวใจ หากจำเป็นให้กางร่มหรือสวมหมวก ดื่มน้ำเปล่ามากๆ ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องรอหิวน้ำ ไม่ทิ้งเด็กเล็กหรือผู้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ไว้ในรถที่จอดกลางแดด เพราะอาจเสียชีวิตจากความร้อนได้ ในกลุ่มผู้ต้องทำงานในสภาพอากาศร้อน แนะนำให้มีการปรับตัวให้คุ้นชินกับสภาพอากาศร้อนก่อน หากรู้สึกหิวน้ำมาก ตัวร้อน แต่เหงื่อไม่ออก หายใจถี่ ปากคอแห้ง อาจวิงเวียนศีรษะ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที 
    ด้านนายเสริมสกุล คล้ายแก้ว ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กล่าวว่า ขอเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเกิดพายุฤดูร้อน ซึ่งจะทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมแรงหลายพื้นที่ทั่วประเทศ อาจทำให้ป้ายโฆษณาล้มทับบ้านเรือนหรือล้มทับสายไฟฟ้า ต้นไม้หรือกิ่งไม้ใหญ่ล้มทับสายไฟฟ้าแรงสูงและบ้านเรือนที่พักอาศัย ทำให้กระแสไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง และเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ ดังนั้น กฟภ.จึงเตรียมความพร้อมเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายจากภายุฤดูร้อน ได้เตรียมเครื่องมืออุปกรณ์พร้อมจัดชุดทำงานเฉพาะกิจ 24 ชั่วโมง แก้ไขระบบไฟฟ้าให้บริการประชาชนหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
    นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนหมั่นตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพปกติ ซึ่งมีข้อแนะนำเพื่อความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าคือ อาคารสูงควรติดตั้งสายล่อฟ้าป้องกันฟ้าฝ่า เมื่อเกิดฝนฟ้าคะนองไม่ควรใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด ควรจัดเตรียมอุปกรณ์ เช่น ไฟฉาย ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน อย่าติดตั้งเสาอากาศวิทยุ หรือเสาอากาศโทรทัศน์ใกล้สายไฟฟ้า ตรวจสอบความมั่นคงเสาโทรทัศน์วิทยุและป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้อยู่ในสภาพแข็งแรงเพื่อป้องกันการโค่นล้ม ไม่ควรใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าชั่วคราวในขณะที่มีพายุ-ฝน เช่น โทรทัศน์และโทรศัพท์ นอกจากมีกรณีฉุกเฉิน ติดตั้งสายดินที่อุปกรณ์ป้องกัน แผงเมนสวิตช์และอุปกรณ์ไฟฟ้า และเมื่อตัวเปียก พื้นแฉะ ไม่ควรใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า ควรเช็ดตัวให้แห้งก่อน และยืนบนพื้นที่แห้ง
    อย่างไรก็ตาม หากพบเห็นระบบจำหน่ายของ กฟภ.ชำรุดเสียหาย เช่น กิ่งไม้ ต้นไม้ ล้มทับสายไฟฟ้า เสาล้ม สายไฟฟ้าขาด อย่าเข้าใกล้ กรุณาแจ้ง กฟภ.พื้นที่ หรือโทร.1129 PEA Call Center ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง.