นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ว่าเทคโนโลยีจะเข้ามาทำให้ธุรกิจมีผลกระทบบ้าง แต่ในฐานะที่บริษัทอยู่ในวงการเพลงมานาน ก็ปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยมาตลอด มีการทำออนไลน์ ออนกราวด์ และออนแอร์ควบคู่มาอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าเทรนด์ของการฟังเพลงผ่านอุปกรณ์สมาร์ทโฟนมีมากกว่า 80% ในส่วนนี้บริษัทก็มีตอบโจทย์ และยังคงพัฒนาคอนเทนต์คุณภาพยิ่งขึ้น

        ล่าสุดได้มีการร่วมมือกับดิจิทัลแพลตฟอร์มรายใหญ่อย่างไลน์ทีวี (LINE TV) เพื่อผลิตคอนเทนต์เอ็กซ์คลูซฟีด้วยกัน 2 รูปแบบ ได้แก่ 1. Artist Content โดยมีรายการทั้งเกมโชว์ วาไรตี้ และเรียลลิตี้โชว์ อาทิ รายการนู๋เปาวลีมี 300 , รายการเที่ยวบ้านพี่ไมค์ และรายการ SONG แปลง เป็นต้น และ 2. Premium Music Content ไม่ว่าจะเป็นเอ็กซ์คลูซีฟมิวสิควีดีโอที่จะได้รับชมก่อนใคร รวมถึงกิจกรรมแฟนมีท และสคูลทัวร์

        สำหรับในช่วงที่ผ่านมารายได้หลักของธุรกิจเพลงมาจากรูปแบบดิจิทัลประมาณ 40% สปอนเซอร์ชิป 40% และอื่นๆรวมกันอีก 20% แนวโน้มของดิจิทัลอีก 3 ปีน่าจะมีสัดส่วนเป็น 50% เป็นไปตามตลาดโลกที่ธุรกิจเพลงส่วนมาก 50% มาจากรูปแบบดิจิทัล บริษัทเชื่อว่าหลังจากร่วมมือกันแล้วปีนี้จะทำให้รายได้เติบโตขึ้น 20% โดยหากเป็นดิจิทัลอย่างเดียวน่าจะเพิ่มขึ้น 20-30%.