ส่องความเคลื่อนไหว (พรรค) เพื่อนบ้าน ผ่านนักวิเคราะห์ข้างบ้าน


เพิ่มเพื่อน    

      กลายเป็นเรื่องเป็นราวของ 2 พรรคพันธมิตรฝ่ายค้าน เพื่อไทย-อนาคตใหม่ จากกิจกรรมจับมือ 4 ดาวสภา ที่หน้าฉากเชิญ ส.ส.เพื่อไทยที่ทำหน้าที่ได้อย่างโดดเด่นในสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน, สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม, จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม., จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด มาพูดคุยแลกเปลี่ยน บอกเล่าเรื่องราวในสภา ไปจนถึงปูมหลังของแต่ละคน ก่อนมาทำงานการเมืองทำอะไรมาบ้าง ไลฟ์สไตล์ เรื่องส่วนตัว มาให้เหล่าแฟนคลับได้รับรู้อีกมุม

      แต่มุมมองเนื้อหาดาวสภาถูกบดบังด้วยเนื้อหาที่มีการ คาดการณ์ วิเคราะห์ถึงสถานการณ์การเมืองวันข้างหน้า ไปถึงความกังวลที่อาจจะมีการ "ยุบ” พรรคอนาคตใหม่  โดยที่ นพ.ชลน่านกับสุทิน คลังแสง เป็นผู้สวมบทนักวิเคราะห์ทางการเมือง 

      นพ.ชลน่านระบุว่า ‘กรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนปฏิรูป ที่กำลังเป็นเรื่องที่พูดกันอย่างกว้างขวางในสังคม นายไพบูลย์ หากเกิดการยุบพรรคจริง ทำให้กรรมการบริหารพรรคสิ้นสภาพไปด้วย จะทำให้เรื่องคะแนนที่มีจะถือเป็นศูนย์ จะต้องนำคะแนนมาคำนวณหารกันใหม่ แล้วเมื่อคำนวณแล้ว ตัวเลขจะไปตกอยู่พรรคไหน รู้สึกเป็นห่วงพรรคข้างบ้านเรา (พรรคอนาคตใหม่) ที่มี ส.ส. 81 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 50 คน ส.ส.เขต 31 คน หากมีการยุบพรรค คะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่ออาจจะถูกนำมาคำนวณใหม่ ที่อาจจะทำให้บางพรรค ได้ ส.ส.เพิ่มขึ้นอีก 40 คน แม้พรรคเพื่อไทยจะไม่เกี่ยว เพราะถึงนำมาคำนวณอย่างไร ก็ไม่มีผลต่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หากเป็นเช่นนั้นจริง เราจะยอมหรือ’

      นายสุทินกล่าวเสริมในทันทีว่า ‘สิ่งที่ นพ.ชลน่านอธิบาย คือเป็นการดักทาง กรณีนายไพบูลย์เป็นการนำร่อง เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีคนนำประเด็นดังกล่าวไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ผลที่ออกมามี 2 ทาง 1.สามารถยุบพรรคประชาชนปฏิรูปได้ ทำได้อย่างถูกต้อง พรรคพลังประชารัฐเอาไพบูลย์ไปอยู่ด้วยได้ จากนี้ไปก็อาจจะถืออันนี้เป็นโมเดลสำหรับพรรคเล็กอื่นๆ นำไปใช้ 2.ถ้าศาลบอกยุบไม่ได้ ผลจากการเป็น ส.ส.ของนายไพบูลย์หลุดไปเลย และเมื่อหลุดเลย ก็เป็นไปได้ว่าที่อาจจะมีการยุบพรรคข้างบ้านเรา ที่เมื่อเป็นเช่นนั้น ย่อมจะส่งผลต่อสถานภาพ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ 50 คน ที่อาจจะหายหมด เหลือเพียง ส.ส.เขต 31 คน แต่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 50 คนนี้ จะไปสังกัดที่ไหนไม่ได้เลย เรื่องนี้เราต้องตามดูกันต่อไป เหมือนเป็นการเอากรณีไพบูลย์ 1 คน ไปแลกกับอีก 50 คนหรือไม่ จึงได้บอกว่า ในวันนี้สิ่งที่เราเห็นอาจไม่ใช่ สิ่งที่ใช่เราอาจยังไม่เห็น’

      ไม่เพียงเท่านี้ ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก คณะทำงานที่ใกล้ชิดกับแกนนำพรรคบางคนได้วิเคราะห์และชี้ให้เห็นถึงความน่ากังวลต่อพรรคอนาคตใหม่เอาไว้เช่นกัน

      “พรรคอนาคตใหม่และธนาธรมีคดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ การถือครองหุ้นสื่อวี-ลัค มีเดีย คดีที่มีคนไปร้องมีแนวคิดและเจตนาล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ยังมีเรื่องธนาธรให้พรรคกู้ยืมเงิน ตอนนี้ก็อยู่ในชั้นสอบสวน กกต. ที่ผลร้ายแรงหากมีการเล่นงานตามมา อาจนำไปสู่การยุบพรรคได้'

      โดยเฉพาะคดีวี-ลัค มีเดีย ในพรรคเขามี ส.ส.บัญชีรายชื่อ 50 คน ระบบเขตเลือกตั้ง 31 คน รวม 81 คน ผลแห่งคดีที่อาจจะส่งผลต่อทั้งตัวนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ออกมาไว้ 2 แนวทาง 1.เป็นความผิดเฉพาะตัวของนายธนาธร โดยไม่มีผลผูกพันมาถึงกรรมการบริหารพรรคและพรรค 2.เป็นความผิดนายธนาธร ในฐานะหัวหน้าพรรค ที่ถือครองหุ้นอยู่จนถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง ถือว่าขาดคุณสมบัติ เมื่อขาดคุณสมบัติตั้งแต่ต้น ยังถือครองหุ้นสื่อจนถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง ในฐานะผู้ลงนามให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งลงสมัครรับเลือกตั้ง ย่อมส่งผลถึงกรรมการบริหารพรรค ทำให้ผู้สมัคร ส.ส.รายอื่นขาดคุณสมบัติด้วย และอาจร้ายแรงถึงขั้นยุบพรรค

      ถ้าเป็นไปตามกรณีนี้ น่ากังว่าจะทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง ส.ส.เขต 31 คน จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ตามเงื่อนไขทางกฎหมายลูก หากมีการเลือกตั้งภายใน 1 ปีนับแต่วันประกาศผล จะส่งผลต่อการนำคะแนนที่ได้ไปคำนวณหา ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วย เดิมที่นำคะแนนบัตรดีประมาณ 35 ล้านคะแนนเสียง

      หากพบความผิดของธนาธรที่ส่งผลมาถึงพรรค ทำให้พรรคถูกยุบ คะแนนเสียงของพรรคอนาคตใหม่กว่า 6 ล้านคะแนนเสียง จะต้องถูกหักออก เหลือประมาณ 29 ล้านเสียง แต่อย่างไรก็ดี เมื่อนำมาคำนวณกันใหม่ สูตรเดิมที่ 7.1 หมื่นคะแนน ได้ ส.ส.หนึ่งคน ไม่ได้แล้ว

      นักวิเคราะห์รายเดิมยังคาดการณ์อีกว่า หากผู้มีอำนาจเลือกใช้ช่องทางนี้คือ ให้เป็นทั้งความผิดของนายธนาธร ที่ส่งผลมาถึงพรรคและ ส.ส.ทั้งหมด เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ จะทำให้คะแนนเสียงเทไปยังฝ่ายผู้มีอำนาจ จากเดิมที่เคยเป็นเสียงปริ่มน้ำ ฝ่ายรัฐบาล 254 ฝ่ายค้าน 246 เมื่อมีการเลือกตั้งและนำมาคำนวณใหม่ อาจทำให้ช่องว่างระหว่างคะแนนเสียงทิ้งห่างกันมากขึ้น เพิ่มเสถียรภาพให้รัฐบาล เป็นอีกช่องทางที่จะทำให้รัฐบาลอยู่ในอำนาจได้นาน ไม่เป็นรัฐบาลอายุสั้นอย่างที่เคยคาดการณ์กันไว้

      นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์ต่อไปถึงสถานการณ์การเมืองในพรรคพลังประชารัฐอีกด้วยว่า จากกรณีการถือครองหุ้นสื่อที่ส่งผลถึง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ส.ส.ฝ่ายค้าน โดย ส.ส.ซีกรัฐบาลบางคนพยายามขอให้ผู้มีอำนาจในรัฐบาลช่วยเจรจาหาทางออก แต่สุดท้ายไม่เป็นผล ซึ่งไม่ว่าจะใช้ช่องทางใดจะส่งผลเสียต่อทั้งรัฐบาลและกระบวนการยุติธรรม และเพื่อให้เกิดความเท่าเทียม จำเป็นที่ ส.ส.ซีกรัฐบาลจะต้องโดนลงโทษ มีความผิดไปด้วย โดยเฉพาะ ส.ส.กทม.พลังประชารัฐ ที่มีความชัดเจน อาจทำให้มีการเลือกตั้งใหม่ถึง 2 เขตเลือกตั้ง

      มีการประเมินถึงแนวทางเลวร้ายสุด ช่วงที่ผ่านมานายธนาธรจึงเดินสายไปต่างประเทศ เพื่อบอกเล่าสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทย และอีกทางหนึ่งพรรคอนาคตใหม่ได้ไปเจรจากับบางพรรคการเมือง เตรียมเป็นพรรคสำรองเพื่อให้สมาชิกพรรคย้ายไปอยู่พรรคใหม่เอาไว้เรียบร้อยแล้ว” 

      จากบทวิเคราะห์ สิ่งที่คาดการณ์ล้วนเป็นสิ่งที่น่ากังวลต่อพรรคอนาคตใหม่ แม้บทวิเคราะห์จาก ส.ส.เพื่อไทย จะกลายเป็นวิวาทะเล็กๆ ของสองพรรคการเมือง เดอะป๊อก-‘ปิยบุตร แสงกนกกุล’ ช่อ-นส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคนสำคัญพรรคอนาคตใหม่ ออกมาโต้กลับ ส.ส.เพื่อไทย ในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกัน ที่ออกมาคาดการณ์ในทางร้ายเกินไป

      แต่บนฐานแห่งความเชื่อมโยง การพินิจพิเคราะห์ ข้อมูลที่มาที่ไป แม้มันจะยังไม่เกิด ใช่ว่าจะ ‘เลื่อนลอย’ เสียทีเดียว แต่แฝงด้วย ‘ความน่าจะเป็น’ อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"