26จำเลยคดีโกงข้าวจีทูจี ลุ้นศาลเมตตาสั่งลดโทษ


เพิ่มเพื่อน    

 ลุ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอ่านคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ คดีโกงระบายข้าวจีทูจี 6 กันยา.นี้ ทนายเผยจำเลยที่ถูกจองจำอยู่ในเรือนจำต่างมีความหวังจะได้รับความเมตตาจากศาล

    นายนรินทร์ สมนึก ทนายความของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จำเลยคดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เปิดเผยเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ถึงการนัดฟังคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์คดีดังกล่าว ว่าในฐานะทนายความ ได้รับหมายแจ้งจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อม.) แล้ว นัดฟังคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์คดีนี้ในวันศุกร์ที่ 6 ก.ย. เวลา 11.00 น. โดยในส่วนของนายบุญทรงที่อยู่ในเรือนจำได้ทราบนัดแล้ว 
    "ผมได้พูดคุยกับนายบุญทรง ก็เตรียมพร้อมที่จะฟังผลคำพิพากษาในวันดังกล่าว โดยเมื่อมีหมายศาลแจ้งถึงฝ่ายจำเลยแล้ว ก็คาดว่าจะได้มีการอ่านคำพิพากษาตามวันเวลาดังกล่าวอย่างแน่นอน ขณะที่จำเลยทุกคนก็หวังที่จะได้รับความเมตตาจากศาล" นายนรินทร์กล่าว
    ขณะที่นายธนกร แหวกวารี ทนายความกลุ่มข้าราชการกรมการค้าต่างประเทศ และสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ จำเลยร่วมคดีดังกล่าว กล่าวว่า ได้รับหมายศาลแจ้งกำหนดฟังคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์แล้วเช่นกัน ซึ่งในการยื่นอุทธรณ์คดีของจำเลยที่ 4-6 ที่ตนรับผิดชอบดูแล ก็ได้ยื่นอุทธรณ์ทั้งประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งจำเลยก็ยืนยันว่าการปฏิบัติหน้าที่เป็นไปตามกฎหมาย ขอให้คณะผู้พิพากษาวินิจฉัยอุทธรณ์ (ผู้พิพากษา 9 คนซึ่งเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา) พิพากษายกฟ้อง หรือลงโทษสถานเบา หรือพิจารณารอการลงโทษ ตามขั้นตอนแนวทางการพิจารณาคดีอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม 
    "โดยคดีนี้อัยการสูงสุดยื่นฟ้องขอลงโทษจำเลยในหลายกรรม เราก็โต้แย้งประเด็นด้วยว่าพฤติการณ์ตามฟ้องนั้นเป็นการกระทำกรรมเดียวหรือไม่ ซึ่งในส่วนของจำเลยที่ยังคงอยู่ในเรือนจำมาตลอด สภาพจิตใจก็ยังคงดีอยู่ ก็หวังว่าจะได้รับความเมตตาและความเป็นธรรมจากศาล" นายธนกรระบุ
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้กล่าวหากลุ่มนักการเมืองที่เป็นรัฐมนตรีและกลุ่มข้าราชการ รวมทั้งเอกชนประกอบกิจการโรงสีข้าว รวม 28 ราย ร่วมกันทุจริตโครงการระบายข้าวจีทูจีนั้น อัยการสูงสุดได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 15 มี.ค.2558 ในคดีหมายเลขดำ อม.25/2558 มีนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว เป็นจำเลยที่ 1, นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานอนุ กก.พิจารณาระบายข้าว จำเลยที่ 2 
    พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 3, นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จำเลยที่ 4, นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จำเลยที่ 5, นายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยงหรือทีปวัชระ อดีต ผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ จำเลยที่ 6, นายสมคิด เอื้อนสุภา จำเลยที่ 7, นายรัฐนิธ โสจิระกุล จำเลยที่ 8 
    นายลิตร พอใจ จำเลยที่ 9, บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด จำเลยที่ 10, น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง จำเลยที่ 11, น.ส.เรืองวัน เลิศศลารักษ์ จำเลยที่ 12, น.ส.สุทธิดาหรือสุธิดา ผลดีหรือจันทะเอ จำเลยที่ 13, นายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร นักธุรกิจค้าข้าวคนสำคัญ จำเลยที่ 14, นายนิมล หรือโจ รักดี จำเลยที่ 15, นายสุธี เชื่อมไธสง คนสนิทของนายอภิชาติหรือเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 16  
    นางสุนีย์ จันทร์สกุลพร ญาติเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 17, นายกฤษณะ สุระมนต์ จำเลยที่ 18, นายสมยศ คุณจักร จำเลยที่ 19, บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัดหรือบริษัท สิราลัย จำกัด จำเลยที่ 20, น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร บุตรสาวเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 21, ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงสีกิจทวียโสธร จำเลยที่ 22, นายทวี อาจสมรรถ หุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ 23 
    บริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด โดยนายทวี อาจสมรรถ กรรมการ จำเลยที่ 24, บริษัท เค.เอ็ม.ซี. อินเตอร์ไรซ์ (2002) จำกัด จำเลยที่ 25, นายปกรณ์ ลีศิริกุล กรรมการบริษัท จำเลยที่ 26, บริษัท เจียเม้ง จำกัด จำเลยที่ 27 และนางประพิศ มานะธัญญา กรรมการบริษัท จำเลยที่ 28 
    ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ จัดการหรือรักษาทรัพย์ ใช้อำนาจโดยทุจริตสร้างความเสียหายแก่รัฐ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.151, ม.157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตสร้างความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4, 123, 123/1 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ.2542 มาตรา 4, 9, 10,12 
    พร้อมขอให้ศาลสั่งปรับจำเลย รวม 35,274,611,007 บาทด้วย ซึ่งคิดคำนวณจากมูลค่าครึ่งหนึ่งในสัญญาระบายข้าวกว่า 5 ล้านตันที่พบว่ามีการกระทำผิดสัญญา 4 ใน 8 ฉบับ โดยกฎหมายฮั้วประมูล ม.4 กำหนดให้ขอปรับได้ร้อยละ 50 จากมูลค่าตามสัญญา และให้กลุ่มเอกชนและบริษัทนิติบุคคล 15 ราย (จำเลยที่ 14-28) ร่วมกันชดใช้ความเสียหายทางแพ่งด้วยประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยด้วย 
    ขณะที่ระหว่างพิจารณา พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 3 และนายสุธี เชื่อมไธสง จำเลยที่ 16 คนสนิทของนายอภิชาติหรือเสี่ยเปี๋ยง นักค้าข้าวรายสำคัญได้หลบหนีคดีไป ศาลจึงให้จำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว (ออกหมายจับรอติดตัวกลับมาดำเนินคดี) 
    สุดท้ายชั้นพิจารณาจึงเหลือจำเลยทั้งสิ้น 26 รายโดยทั้งหมดให้การปฏิเสธขอต่อสู้คดี ซึ่งศาลให้ประกันจำเลยทั้งหมด โดยในส่วนของนายภูมิ อดีต รมช.พาณิชย์ จำเลยที่ 1, นายบุญทรง อดีต รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 2, นายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง นักค้าข้าวคนสำคัญ จำเลยที่ 14 ประกันตัวหลักทรัพย์คนละ 20 ล้านบาท 
    ส่วนจำเลยอื่นศาลตีราคาประกันคนละ 5-8 ล้านบาท ซึ่งคดีศาลไต่สวนพยานเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2560 และอ่านคำพิพากษาขององค์คณะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 25 ส.ค.2560 เห็นว่าข้อตกลงตามสัญญาให้ขายข้าวแก่บริษัท กว่างตง จำกัด และบริษัท ไห่หนาน จำกัด ที่อ้างว่าเป็นผู้แทนจากประเทศจีน 4 ฉบับ มีข้อพิรุธหลายประการ โดยบริษัทเอกชนที่อ้างว่าเป็นผู้แทนจากประเทศจีนนั้น ก็ไม่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีน เป็นรัฐวิสาหกิจจีนจริงเท่านั้น พฤติการณ์จึงเป็นการจงใจปล่อยปละละเลย ซ่อนเร้นอำพรางปิดบังความจริงเกี่ยวกับสัญญาการซื้อขายข้าว เพื่อเอื้อประโยชน์เปิดช่องทางให้มีข้าวกลับมาหมุนเวียนขายในประเทศ ไม่ได้เป็นการทำการซื้อขายรัฐต่อรัฐ
    จึงพิพากษาให้จำคุกนายภูมิ อดีต รมช.พาณิชย์ จำเลยที่ 1 รวม 2 กระทง 36 ปี ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา (ฮั้วประมูล) มาตรา 12 ซึ่งเป็นบทหนักสุด, นายบุญทรง รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 2 ให้จำคุกรวม 3 กระทง 42 ปี ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา (ฮั้วประมูล) มาตรา 12 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 
    จำคุกคนละ 4 กระทง นายมนัส อดีต อธ.กรมการค้าต่างประเทศ จำเลยที่ 4 เป็นเวลา 40 ปี, นายทิฆัมพร อดีตรอง อธ.กรมการค้าต่างประเทศ จำเลยที่ 5 เป็นเวลา 32 ปี, นายอัครพงศ์ อดีต ผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ จำเลยที่ 6 เป็นเวลา 24 ปี
    นายอภิชาติหรือเสี่ยเปี๋ยง นักค้าข้าวคนสำคัญ จำเลยที่ 14 จำคุก 48 ปี, นายนิมลหรือโจ คนสนิทเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 15 จำคุก 32 ปี ฐานร่วมกันสนับสนุนเจ้าหน้าที่กระทำผิด พ.ร.บ.ฮั้วประมูลฯ ให้ปรับ บจก.สยามอินดิก้า จำเลยที่ 10 รวม 4 กระทง เป็นเงิน 1 ล้านบาท และให้ บจก.สยามอินดิก้า, เสี่ยเปี๋ยงและ นายนิมลร่วมกันชดใช้กระทรวงการคลัง 16,912,128,273.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับแต่วันที่รับมอบข้าวตามสัญญาแต่ละฉบับ
    ส่วนจำเลยที่ 7, 8, 9, 11, 12 ให้จำคุกคนละ 8-16 ปี ฐานสนับสนุนทำผิด พ.ร.บ.ฮั้วประมูลฯ กับให้จำคุกจำเลยที่ 13, 17, 18 เป็นเวลา 4 ปี ฐานสนับสนุนทำผิดตาม ป.อาญา มาตรา 151 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 123/1 ปรับ บจก.กีธา พร็อพเพอร์ตี้ จำเลยที่ 20 จำนวน 25,000 บาท และ น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร บุตรสาวเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 21 (ไม่มาศาลวันอ่านคำพิพากษา) จำนวน 40,000 บาท ฐานสนับสนุนทำผิดตาม ป.อาญา มาตรา 151 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 123/1 รวมทั้งให้ทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายด้วยจำนวน 1,294,109,764.80 บาท
    โดยให้ยกฟ้อง จำเลยที่ 19 ซึ่งเป็นสามีของญาตินายอภิชาติ และกลุ่มโรงสีกับผู้บริหารโรงสี จำเลยที่ 22, 23, 24, 25, 26, 27, 28 เนื่องจากพยานหลักฐานที่ไต่สวนมา ยังไม่เพียงพอให้รับฟังว่าจำเลยทั้งแปดเกี่ยวข้องกับการกระทำ
    ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า อย่างไรก็ดี สำหรับ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 3 และนายสุธี คนสนิทของนายอภิชาติหรือเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 16 หลังจากที่ศาลสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวไป เพราะจำเลยหนีคดี ก็ปรากฏว่าต่อมามี พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (วิ อม.) พ.ศ.2560 ออกมาบังคับใช้ ให้อำนาจศาลฎีกาฯ พิจารณาคดีที่ฟ้องและออกหมายจับจำเลยแล้วได้ใหม่โดยไม่มีตัวจำเลย อัยการสูงสุดจึงได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลนำคดีของทั้งสองพิจารณาใหม่ 
    โดยเมื่อวันที่ 28 พ.ค.2562 องค์คณะศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาว่าทั้งสองได้ร่วมกระทำผิดด้วย ให้จำคุก พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 3 รวม 4 กระทง เป็นเวลา 72 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดแล้วให้จำคุกทั้งสิ้น 50 ปี และนายสุธี คนสนิทของนายอภิชาติหรือเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 16 จำคุก 4 กระทง เป็นเวลารวม 32 ปี และให้จำเลยที่ 16 ชดใช้ค่าเสียหายให้กับกระทรวงการคลังด้วยจำนวน 16,912,128,273.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันทำสัญญา. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"