อภิปรายทั่วไป 'แล้วใครตาย?'


เพิ่มเพื่อน    

                 กันยายน.....

                เป็นฤดูกาล "แต่งตั้ง-โยกย้าย" ข้าราชการ

                เมื่อวาน (๓ ก.ย.๖๒)

                ครม.ประกาศออกมาหลายตำแหน่ง ในหลายกระทรวง ผมก็ตรวจๆ ดูว่า

                มีการแต่งตั้งใครเป็น "ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ" แทน "พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์" ที่จะเกษียณปีนี้หรือยัง?

                ปรากฏว่ายัง!

                โล่งใจไปงวดหนึ่ง บอกตรงๆ ผมลุ้น อยากให้ ครม. "ต่ออายุราชการ" พ.ต.ท.พงศ์พร ในตำแหน่งผอ.สำนักพุทธไปซักอีกปี

                เพราะการจัดระเบียบวงการสงฆ์กำลังเข้ารูป-เข้ารอย ถ้าอยู่สานต่อให้จบ........

                ประโยชน์ต่อพระพุทธศาสน์และสังคมจะมีมากกว่าให้ท่านเกษียณไปปีนี้

                ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจนายกฯ นั่นแหละ ส่วนนายเทวัญ ลิปตพัลลภ "เจ้าสังกัด" ในฐานะรัฐมนตรีสำนักนายกฯ ชงหวาน-ชงขม เสนอ ครม.แบบไหน

                "มองตา-มองใจ" ชาวบ้านบ้าง ก็ดีเน้อ!

                วันนี้ หลีกทางเรื่องน้ำท่วมให้ "ผีอีเม่ย" เขาวัน คุยเรื่องอภิปรายทั่วไป ประเด็นนายกฯ กล่าวคำถวายสัตย์ไม่ครบบ้างดีกว่า

                เคาะวันอภิปรายทั่วไปลงตัวแล้ว..........

                พุธที่ ๑๘ กันยา นายกฯ ก็รับปากแล้ว ตัวเป็นๆ จะไปโปรดสัตว์ ให้ ๗ พรรคฝ่ายค้านได้ปิดทองถึงในสภาเลยทีเดียว

                เรียกว่าฉลองศรัทธาฝ่ายค้านส่งท้ายสมัยประชุม พอ ๒ ยามเป๋ง คืนวันที่ ๑๘ ต่อ ๑๙ กันยาก็ "ปิดสมัยประชุม" เลย!

                เปิดอภิปรายก็ดี........

                อย่างน้อยก็ได้สนองความใคร่ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะ "ธนาธร-พรรณิการ์-ปิยบุตร" เขาจะได้บรรเทาอาการ งุ่น-ง่าน ลงบ้าง

                แต่ขอถาม ๑ หญิง ๒ ชาย นี้หน่อยเถอะ ที่กระสันจะอภิปรายประเด็นถวายสัตย์น่ะ

                ๑.เพราะพรรคอนาคตใหม่ มุ่งมั่นพิทักษ์-เทิดทูนพระมหากษัตริย์?

                ๒.เพราะพรรคอนาคตใหม่ มุ่งมั่นพิทักษ์กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับนี้?

                หรือ..........

                ๓.เพราะอนาคตใหม่ มุ่งมั่นใช้สองข้อนั้นบังหน้า เป็นใบเบิกทางสู่จุดมุ่งหมายโค่นล้มนายกฯ ประยุทธ์ในทางฉวยโอกาส?

                แค่ถามเจ๋ยๆ ไม่ได้ว่าอะไรหรอก!

                เพราะ "สิ่งที่ทำ" กับ "สิ่งที่เป็น" ของอนาคตใหม่ ของธนาธร-พรรณิการ์-ปิยบุตร

                กรณีนี้ เหมือนรับประทานอาหารทางตูด และขับถ่ายทางปาก

                อย่างในข้อ ๑ นั้น สร้างความฉงนให้คนทั้งในและนอกขบวนการ "ชังชาติ-ชังสถาบัน" มาก

                เพราะเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า.....

                อย่างปิยบุตร ใช้คราบนักวิชาการ วิพากษ์-วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งที่ลับและที่แจ้งด้วยลีลา-เล่ห์รู้กฎหมายตลอดมา

                อ้างคำพูดนักปฏิวัติฝรั่งเศส "หลุยส์ อ็องตวน เดอ แซ็ง-ฌุสต์" ผู้โค่นล้มและประหารพระเจ้าหลุยส์ที่  ๑๖      

                กระเทียบเปรียบเปรยถึงสถาบันกษัตริย์ไทย ในการรณรงค์ให้เลิกใช้กฎหมายมาตรา ๑๑๒ อะร้าอร่ามตลอด

                เช่น ประโยคที่ว่า "ในสภาพการณ์ของสถาบันกษัตริย์เอง มันไปไม่ได้กับความยุติธรรมโดยธรรมชาติ

                โดยสภาพการณ์ของสถาบันกษัตริย์มันเป็น....ในตัวมันเอง" เป็นต้น

                และนางสาวพรรณิการ์นั่นก็เช่นกัน

                คงทราบ-คงเห็นจากเรื่องราว ถ้อยคำ ที่เธอโพสต์ถึงพระมหากษัตริย์ต่างกรรม-ต่างวาระกันแล้ว

                เป็นที่ชัดเจนในตัวเธอ ว่ามีทัศนคติแบบไหนกับสถาบันกษัตริย์?

                ในข้อที่ ๒ นั่นก็เช่นกัน....

                ตั้งแต่ตอนร่าง, ร่างเสร็จ, ทำประชามติ กระทั่งประกาศใช้ ถึงให้กำเนิดการเมือง "อภิชาตบุตร" อนาคตใหม่  

                ไม่เคยมีสักครั้งเดียว........

                ที่อนาคตใหม่ ทั้งธนาธร-พรรณิการ์-ปิยบุตร จะแสดงการยอมรับด้วยศรัทธาในรัฐธรรมนูญฉบับนี้

                มีแต่เหยียบย่ำ-ยุยงให้คนต่อต้านตลอด ถึง ณ วินาทีนี้ กิจกรรมการเมืองหลักของอนาคตใหม่ คือ

                "แก้รัฐธรรมนูญ" ไปสู่การ "เขียนใหม่" ทั้งฉบับ อย่างที่แซ็ง-ฌุสต์เคยทำ!

                เนี่ย......

                เมื่อตีโจทย์ทั้ง ๒ ข้อนี้ออกมาแล้ว จึงเห็นความย้อนแย้งกับสิ่งที่อนาคตใหม่กระเหี้ยนกระหือรือ

                จับผิด-จับถูกนายกฯ ประเด็นถวายสัตย์ เปิดอภิปรายด้วยความน่าจะเป็นตามข้อ ๓ มากกว่า

                คือ.......

                เพราะอนาคตใหม่ ใช้การพิทักษ์สถาบันและพิทักษ์รัฐธรรมนูญบังหน้า และยืมสิ่งนั้นเป็นใบเบิกทางสะง่อมนายกฯ ในสภา

                และหวังฉวยจังหวะ "ตีวัวกระทบคราด" ไปถึงสถาบัน ชนิดปลอดกฎหมาย โดยใช้สิทธิทางสภาคุมหัว!

                มันก็มีเท่านี้.......

                ฝ่ายค้านก็รู้ ยังไงๆ เกมนี้ ก็ล้มรัฐบาลไม่ได้อยู่แล้ว แต่ได้อาศัยถล่มนายกฯ ได้อาศัยเฉียดเฉี่ยวถึงสถาบัน ดีกว่าอยู่เปล่าๆ

                ฝ่ายค้านคงคิดว่า เรื่องนี้...นายกฯ จนตรอก!

                จึงรุกไล่เป็นการใหญ่

                แต่ระวังเหอะ จะเป็นเหมือนทัพโจโฉ โดยแฮหัวตุ้น

                ถูกขงเบ้งวางกลศึกให้เล่าปี่กับจูล่งรบล่อหลอก ทำถอยร่นเข้าช่องเขาทุ่งพกบ๋อง

                แฮหัวตุ้นกระหยิ่มยิ้มย่อง...มันหนีหางจุกตูดเลยนิ เสร็จกูล่ะวะ

                ก็ไล่ตาม เข้าช่องเขาไม่รีรอ.........

                เลยถูกกวนอูกับเตียวหุยที่ซ่อนทัพอยู่ข้างๆ จัดการเป็นเมนู "ปิ้ง-ย่าง-ทะเลเผา" ซะเรียบ!

                นี่เหมือนกัน ปิยบุตร ทำตัวเป็น "ไอ้เหิม หาญกระโทก" โดยไม่แยแสว่า เรื่องถวายสัตย์นั้น

                ทางผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้วินิจฉัยแล้ว ว่า.........

                "การที่นายกรัฐมนตรีกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๖๑

                เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญและละเมิดสิทธิเสรีภาพของนายภาณุพงศ์ ชูรักษ์ นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่เป็นผู้ยื่นคำร้องหรือไม่"

                นั่นคือ ขณะนี้ เรื่องอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว

                โดยทั่วไป ผู้มีสำนึก จะชักม้าริมผา รอวินิจฉัยศาลก่อน

                แต่อนาคตใหม่ นางสาวพรรณิการ์ นายปิยบุตร รวมทั้งเพื่อไทย ไม่สน ถือดีในกระดองรัฐสภา พวกกูจะอภิปราย

                 ปิยบุตรเคยกร่างไว้ว่า......

                "ศาลเป็นองค์กรตุลาการ เป็นองค์กรผู้ใช้อำนาจอธิปไตยเคียงคู่ไปกับรัฐสภาและรัฐมนตรี ทั้ง ๓  องค์กรนี้ อยู่ในระนาบเดียวกัน ไม่มีใครใหญ่กว่าใคร"

                งั้นก็เชิญในระนาบของท่านตามสบายเถอะ!

                คงกระเหี้ยนกระหือรือ ด้วยกระดองสภาคุ้ม กะโชว์สำรากศิลป์ใส่นายกฯ กันเต็มภิกขา

                สับให้เละคาสภา จนนายกฯ นั่งกลอกตา พูดไม่ออก ประจานคาจอโทรทัศน์อวดแฟนๆ ทางบ้านกันไปเลย

                นั่นแหละ ที่ผมบอก ระวัง...จะเข้าไปติดซอกเขาทุ่งพกบ๋อง

                ก่อน ๑๘ กันยา ถ้าศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยอย่างใด-อย่างหนึ่งออกมา ทุกอย่างจะจบอยู่ในตัวก่อนแล้ว

                แต่ถ้ายังไม่มีคำวินิจฉัย ฝ่ายค้านหลงร่องน้ำลายเกินเลย ก็ตัวใคร-ตัวมัน

                ส่วนนายกฯ ท่านไม่ยากในการตอบ ในการชี้แจง

                แค่ท่านทนฟัง ใช้หลักพิจารณาว่า เสียงชม-เสียงด่า เป็นเวทนาอย่างหนึ่ง คือแค่ "เสียงกระทบหู"

                แต่ที่รู้สึกว่าเขาด่า หรือเขาชม แล้วพอใจ ไม่พอใจ นั่นคือ สังขาร หมายถึงจิตเราปรุงแต่งในเสียงนั้น

                เป็นด่า-เป็นชม แล้วเกิดอารมณ์ ชอบ-ชัง ไปเอง

                ถ้าเข้าใจหลักผัสสะ "ความถึงพร้อม" คือการทำงานร่วมกันระหว่างกายกับจิตอย่างนี้แล้ว

                นายกฯ ก็ฟังปิยบุตร-นกขุนทอง, พรรณิการ์-นกแก้ว ร้องสรรเสริญเจริญพร ให้สบายใจ

                ลุกขึ้นขอบคุณบทเจริญพรนั้น แล้วบอก......

                ด้วยความเคารพในศาล และท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงอย่างใดไป ก็จะเป็นการละเมิดอำนาจศาล

                ฉะนั้น ขอรับฟัง-รับทราบคำอภิปราย ส่วนจะเป็นเช่นใดนั้น ให้ฟังคำพิจารณาวินิจฉัยจากศาลฯ เป็นที่สุด และพร้อมปฏิบัติให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยนั้น

                เนี่ย...

                สมมุติเป็นอย่างนี้ ฝ่ายค้านยังจะมีปัญหาเกี่ยงงอนใดอีก นอกจากบทตะแบง-ดันทุรัง?

                ฉะนั้น ที่ "ซินแสภาณุวัฒน์" บอก รัฐบาลประยุทธ์ ๘ ปี ยาวไปเลยนั้น

                ฝ่ายค้านรู้สึก "สั้นจู๋" ไปเลยนิ!

               


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"