กกร.ผวาเงินบาทแข็งโป๊ก คลังชงครม.ตรึงแวต7%


เพิ่มเพื่อน    

  กกร.ผวา “เงินบาท” แข็งหนักผสมเศรษฐกิจโลกปั่นป่วน หวั่นกระทบส่งออก-จีดีพีหด “สรรพากร”ชงอุตตมขยายเวลาแวต 7% ต่อไปอีก หากปรับขึ้นซ้ำเติมปัญหาปากท้อง “ขุนคลัง” บี้ รสก.เร่งลงทุนนำเอกชน

    เมื่อวันพุธ มีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) โดยนายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธาน กกร.แถลงว่า กกร.เป็นห่วงอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไทยปีนี้อาจต่ำกว่าที่ประเมินไว้ที่ 2.9-3.3% เพราะขาดปัจจัยหนุน และมีแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลก ทั้งสงครามการค้า, เบร็กซิต และค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง และยังมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นอีกหากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถทางการแข่งขันของการส่งออก ที่ขณะนี้คาดอยู่ในช่วงติดลบ 1% ถึงขยายตัว 1% รวมทั้งจะกระทบต่อการท่องเที่ยวและการดึงดูดการลงทุนของไทย 
“อยากให้ทางการออกมาตรการเพื่อดูแลการแข็งค่าของเงินบาทโดยเร็ว ส่วนการใช้จ่ายภายในประเทศก็ถูกกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง และเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัด ซึ่ง กกร.จะติดตามและทบทวนประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนตุลาคมนี้” นายปรีดากล่าว และว่า ต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชิม ช้อป ใช้ รวมถึงมาตรการประกันรายได้สินค้าเกษตรสำคัญๆ อาจมีแรงบวกที่จะสามารถชดเชยผลกระทบเพียงใด 
    ขณะที่นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้จะเข้าหารือกับนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อเสนอให้ขยายเวลาการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จาก 10% เป็น 7% ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.2562 ออกไปอีก ส่วนจะขยายไป 1 หรือ 2 ปี ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฝ่ายนโยบาย ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบภายในสัปดาห์หน้า
    "เศรษฐกิจไทยตอนนี้ชะลอตัวมาก ไม่เหมาะที่จะปรับขึ้นภาษีแวตเป็น 10% กรมจึงเสนอให้ขยายเวลาการลดภาษีแวตเหลือ 7% เหมือนเดิมไปก่อน" นายเอกนิติกล่าว และว่า การปฏิรูปภาษีสรรพากร และการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล 10% ตามนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลนั้น ขณะนี้ รมว.การคลังได้ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปภาษีทั้งระบบ ที่มีนายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ได้ประชุมนัดแรกไปแล้วเพื่อกำหนดแนวทางการศึกษาปฏิรูปภาษีว่าควรทำอย่างไรบ้าง
    ส่วนนายอุตตมกล่าวว่า เศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ เพราะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกผันผวน โดยยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ได้ถดถอย เพียงแค่เติบโตช้าลงเท่านั้น จึงต้องการความช่วยเหลือจากรัฐวิสาหกิจในการช่วยขยับแผนลงทุนให้เร็วขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ระบบว่าในภาวะเช่นนี้ การลงทุนของรัฐบาลยังเป็นไปตามแผน ซึ่งที่ผ่านมา นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ได้สั่งการให้รัฐวิสาหกิจทุกแห่งเร่งการลงทุน โดยกระทรวงการคลังได้ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ติดตาม และเชิญรัฐวิสาหกิจแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อหารือเรื่องการลงทุน แก้ปัญหาที่ติดขัด เพื่อให้การลงทุนเร็วขึ้น
    “รัฐวิสาหกิจจะมองเรื่องการลงทุนระยะยาวอย่างเดียวไม่ได้ ในภาวะเศรษฐกิจชะลอก็ต้องช่วยลงทุนให้เร็วขึ้น เพื่อเป็นกลไกให้การเติบโตเศรษฐกิจไทยมีความสมดุล การเร่งลงทุนของรัฐวิสาหกิจจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในขณะนี้ ดังนั้นรัฐวิสาหกิจจะชะลอการลงทุนเหมือนภาคเอกชนไม่ได้”นายอุตตมระบุ
    รมว.การคลังย้ำว่า เป็นหน้าที่ของรัฐวิสาหกิจต้องเดินหน้าลงทุนตามแผน เพื่อคลายความกังวลให้ภาคเอกชนว่ารัฐยังเดินหน้าลงทุนอยู่ เพราะเศรษฐกิจไทยไม่ได้ถดถอย แต่โตช้าลง รัฐวิสาหกิจต้องช่วยประคองไว้ โดยรัฐวิสาหกิจต้องประชาสัมพันธ์ให้นักลงทุนรู้ว่ามีแผนลงทุนอะไรที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อดำเนินการได้เร็วขึ้น ส่วนการบริหารงานของรัฐวิสาหกิจนั้น กระทรวงการคลังมีผู้แทนกรรมการในรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง ซึ่งได้ขอให้ทำงานอย่างเข้มข้น ให้ใช้บทบาทนี้ให้เต็มที่ในการช่วยขับเคลื่อนการลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้เร็วขึ้น ให้มีการลงทุนตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่จะเป็นกระดูกสันหลังของโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในอนาคต
    นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการ สคร. กล่าวว่า จะเรียกกลุ่มรัฐวิสาหกิจที่มีศักยภาพต่อการลงทุน เช่น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน),   บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัทลูกของ ปตท. รวมถึงกลุ่มการไฟฟ้าเข้ามาพูดคุยถึงแผนงานการลงทุนในปีนี้ และปีหน้าเป็นรายบริษัท โดยเร่งการใช้งบให้เร็วขึ้น รวมถึงการเร่งลงทุนในประเทศเพิ่ม เพราะปีหน้ามีการลงทุนใหญ่ของรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง และมีงบลงทุนมากกว่าปีงบประมาณ 2562 
นายชาญวิทย์ นาคบุรี รองผู้อำนวยการ สคร. กล่าวว่า สคร.กำลังเร่งขับเคลื่อนแผนลงทุนรัฐวิสาหกิจปีนี้ทั้ง 45 แห่งให้ได้ตามเป้าหมาย 3.4 แสนล้านบาท และจะผลักดันแผนการลงทุนรัฐวิสาหกิจปีหน้าให้เพิ่มขึ้น ซึ่งเบื้องต้นรัฐวิสาหกิจได้ทำกรอบแผนการลงทุนไว้แล้วสูงกว่า 5 แสนล้านบาท แต่ยังต้องสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณาอนุมัติแผนอยู่ แต่มั่นใจว่าปีหน้าจะมีการลงทุนมากกว่าปีนี้แน่นอน เพราะต้องใช้รัฐวิสาหกิจในการขับเคลื่อนและลงทุนเพื่อดูแลเศรษฐกิจประเทศตามนโยบายรัฐ.


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"