เด้ง4จนท.ให้‘DSI’สางคดี ‘ชัยวัฒน์’ดุจวกตร.ป้ายสี


เพิ่มเพื่อน    

 เด้ง 4 เจ้าหน้าที่อุทยานฯ แก่งกระจานเปิดทางดีเอสไอทำคดีฆาตกรรมบิลลี่เต็มที่ "วราวุธ" ชี้ยังไม่จำเป็นย้าย "ชัยวัฒน์" เพราะอยู่นอกพื้นที่ แต่หากมีข้อมูลใหม่ก็พร้อมให้ความร่วมมือ ด้าน "ชัยวัฒน์" มอบฝ่ายกฎหมายแจ้งความเป็นหลักฐานพร้อมมอบซีดีระบุเสียงตำรวจภาค 7 ขู่ลูกน้องให้ปรักปรำว่าตนเองฆ่าบิลลี่ ไม่เช่นนั้นจะลากติดร่างแห เตรียมขอคุ้มครองพยาน อธิบดีดีเอสไอลั่นไม่ตอบโต้รายวัน เดินหน้าลุยคดี เผยมีหลักฐานมากพอ

    นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ ว่าเมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้ลงนามในคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน 4 คน ที่ปฏิบัติงานในช่วงปี 2557 และเป็นชุดที่อยู่ในช่วงเวลาจับกุมนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย ในคดีครอบครองของป่า เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2557 ก่อนที่นายบิลลี่จะหายตัวไป โดยการสั่งย้ายครั้งนี้เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย และเปิดทางให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เข้าสืบสวนสอบสวนคดีการหายตัวไปของนายบิลลี่ ซึ่งล่าสุดมีหลักฐานว่าเสียชีวิตแล้ว และกลายเป็นคดีฆาตกรรม
    สำหรับเจ้าหน้าที่ 4 คนที่ต้องคำสั่งย้าย ประกอบด้วย นายเกษม ลือฤทธิ์ หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่ 6 (กจ.6) ด่านเขามะเร็ว (ตำแหน่งขณะเกิดเหตุ), นายไพฑูรย์ แช่มเทศ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน (ตำแหน่งขณะเกิดเหตุ), นายกฤษณพงษ์ แช่มเทศ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน (ตำแหน่งขณะเกิดเหตุ), นายบุญแทน บุษราคัม เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน (ตำแหน่งขณะเกิดเหตุ) โดยถูกย้ายเข้ามาส่วนกลาง กรมอุทยานแห่งชาติฯ 1 คน ย้ายไป จ.สุราษฎร์ธานี 1 คน และนครสวรรค์ 1 คน ขณะที่นายกฤษณพงษ์ได้ยื่นหนังสือขอลาออก
     ส่วนนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ปัจจุบันเป็น ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) และอยู่ในชุดจับกุมด้วยนั้น นายธัญญากล่าวว่า เป็นอำนาจของปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ที่จะพิจารณา อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการร้องขอจากดีเอสไอว่าจะขอสอบสวนเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ คนใดหรือไม่
    ขณะที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า เห็นด้วยกับนายธัญญาที่ย้ายเจ้าหน้าที่อุทยานฯ แก่งกระจาน 4 คนออกจากพื้นที่ไปก่อน จนกว่าขั้นตอนทางคดีจะสิ้นสุด ส่วนนายชัยวัฒน์ที่ถูกเชื่อมโยงกับคดีนั้น วันนี้นายชัยวัฒน์อยู่ที่ จ.อุบลฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอุทยานฯ แก่งกระจานอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม หากดีเอสไอมีการประสานข้อมูลอะไรมา ก็พร้อมให้ความร่วมมือ
    วันเดียวกัน นายวินัย บัวศรี หัวหน้ากลุ่มงานกฎหมาย สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จ.อุบลราชธานี รับมอบอำนาจจากนายชัยวัฒน์ เข้าพบ พ.ต.ท.ปราโมทย์ ชื่นตา รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุบลราชธานี เพื่อขอแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน โดยนำแผ่นซีดีบันทึกเสียงการสนทนาความยาวประมาณ 11.30 นาที ซึ่งอ้างว่าเป็นเสียงการสนทนาระหว่างเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนายชัยวัฒน์ กับผู้ที่อ้างตัวเป็นตำรวจ สังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 
    นายวินัยระบุว่า ตำรวจนายนี้ขอให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานคนดังกล่าว ให้การปรักปรำนายชัยวัฒน์ ขณะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ว่าเป็นตัวการฆ่านายบิลลี่ หรือพอละจี รักจงเจริญ หากให้การดังกล่าว สัญญาว่าจะกันตัวเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไว้เป็นพยาน แต่ถ้าไม่ปฏิบัติตาม ก็จะดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ คนดังกล่าวด้วย ซึ่งนายชัยวัฒน์เห็นว่ากรณีดังกล่าวมีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานและขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ และเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยในชีวิต สิทธิ และเสรีภาพส่วนบุคคล และเป็นการให้ความคุ้มครองพยานบุคคล จึงมอบหมายให้นายวินัยมาแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ใช้เป็นหลักฐานประกอบการรายงานผู้บังคับบัญชาระดับสูง ในการขอความคุ้มครองพยานต่อไป โดยหากดีเอสไอขอตัวเจ้าหน้าที่ไปให้ปากคำ ต้องขอผ่านกรมอุทยานแห่งชาติฯ
    ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงถึงคดีฆาตกรรมนายพอละจี หรือบิลลี่ ว่าขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ลงพื้นที่เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยคดีนี้ดีเอสไอได้เก็บรวบรวบพยานหลักฐานมาตั้งแต่หลังเกิดเหตุใหม่ๆ แต่อาจไม่ได้เป็นข่าว รวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานที่มีอยู่ในคดีเดิมที่อยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจ เพื่อดูความเชื่อมโยงว่าส่วนใดบ้างที่ขาดหายไป ส่วนพยานหลักฐานบุคคลมีอยู่บางส่วนแล้ว และกำลังพยายามหาเพิ่มเติม หากใครมีข้อมูลเบาะแส สามารถแจ้งมาได้ที่สายด่วนดีเอสไอ 1202 โดยเจ้าหน้าที่จะปกปิดตัวพยานไว้เป็นความลับ 
    "ในส่วนของคดีมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นในทุกส่วน แต่ดีเอสไอไม่ได้แถลงให้สังคมรับทราบ เนื่องจากเป็นรายละเอียดในสำนวนคดี" พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าว
    ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายชัยวัฒน์ระบุว่า จุดที่พบถังน้ำมันและชิ้นส่วนกระดูกนายบิลลี่ ไม่ใช่พื้นที่ปิด แต่เป็นพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถเข้าไปได้ และการให้ข่าวของดีเอสไอกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กร พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า ไม่ขอตอบโต้ในเรื่องนี้ ดีเอสไอทำคดีไปตามพยานหลักฐาน และอยู่ในรูปแบบของคณะกรรมการ มีอัยการ ตำรวจ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าร่วมการสอบสวน จึงต้องพิสูจน์กันตามพยานหลักฐานและมีผลพิสูจน์ทางดีเอ็นเอที่ชัดเจน หากการทำงานในขั้นตอนใดไม่ถูกต้อง คงไม่สามารถเสนอขอความเห็นต่อคณะพนักงานสอบสวนที่มีหลายฝ่ายเข้าร่วมได้ ซึ่งทุกขั้นตอนการทำงานของดีเอสไอตรวจสอบได้
    “คดีนี้ดีเอสไอมีพยานหลักฐานมากพออยู่แล้ว แต่เรายังต้องการให้มีความรอบคอบเพิ่มขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็สั่งการให้ทำเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา รวดเร็ว และให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขณะที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ก็ขอเวลาอีก 1 เดือน ในการตรวจพิสูจน์ชิ้นส่วนกระดูกที่เหลืออยู่ คาดว่าจะสรุปสำนวนการสอบสวนได้ภายใน 2-3 เดือน ยืนยันได้ว่าในระหว่างที่พยานหลักฐานยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ดีเอสไอจะยังไม่มีการออกหมายจับผู้ต้องหาในคดี” อธิบดีดีเอสไอกล่าว 
    ในการแถลงดังกล่าว ยังมีการเปิดเผยผลสำรวจของนิด้าโพล เรื่องความเชื่อมั่นของสาธารณชนต่อดีเอสไอ ประจำปีงบประมาณ 2562 พบว่า กลุ่มผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง มีระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 78.90 ส่วนกลุ่มประชาชนทั่วไป มีระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 64.90 ประเด็นที่กลุ่มตัวอย่างให้ความเชื่อมั่นมากที่สุดคือ ความเชี่ยวชาญของบุคลากร รองลงมาคือ ความโปร่งใสและความเท่าเทียม ขณะเดียวกัน ประเด็นที่ทำให้ระดับความเชื่อมั่นลดลงจนถึงระดับไม่เชื่อมั่น สำคัญสุด เป็นหน่วยงานที่ยังถูกแทรกแซงทางการเมือง การดำเนินคดียังไม่มีความเป็นอิสระ การรับ-ส่งต่อคดียังคลุมเครือในการแบ่งแยกคดีพิเศษ การเปลี่ยนแปลงของนโยบายการทำงานตามฝ่ายการเมือง เป็นต้น
     พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า จากผลการสำรวจ ทำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รู้ทิศทางและนำมาทบทวนการทำงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และประชาชนได้รู้ว่าในแต่ละปีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษใช้งบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท ใช้ทำอะไรบ้าง และสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติอย่างไร ซึ่งมั่นใจว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษสามารถเรียกคืนผลประโยชน์ให้รัฐได้มากกว่า 500,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า. 
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"