(แสดงความคิดเห็นจากการมองภาพที่จัดแสดง)

        เจาะลึกสอนแบบฟินแลนด์ “สอนฟิน เรียนสนุก” สสส.ร่วมกับสำนักพิมพ์ bookscape ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เจาะลึก Nina Nordman วิทยากรครูชาวฟินแลนด์กับประสบการณ์ 20 ปี งานสอนครอบครัวโพ้นทะเลในสิงคโปร์ 11 ปี เรื่องราวประเทศมหาอำนาจทางการศึกษา ผลจัดอันดับการศึกษาโดย PISA ล่าสุด ประเทศไทยมีค่าเฉลี่ยความสามารถทางด้านการอ่าน คณิตศาสตร์เป็นลำดับ 56 ของโลก ในขณะที่ประเทศฟินแลนด์เรียนแบบสบายๆ ครองแชมป์เป็นอันดับ 8 ของโลก

      งานนี้จัดขึ้นภายใต้โครงการขับเคลื่อนความรู้ด้านการสร้างเสริมสุขภาวะเด็กและครอบครัว และการพัฒนาศักยภาพเยาวชน เจาะลึกสอนแบบฟินแลนด์ “Teach Like Finland สอนฟิน เรียนสนุก สไตล์ฟินแลนด์” เจาะลึกแนวทางการสอนและห้องเรียนสไตล์ฟินแลนด์ เพื่อสร้างการเรียนรู้ที่สนุกและมีคุณภาพ และเชื่อว่านักการศึกษาของไทยจะนำไปปรับใช้ในระบบการศึกษาทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้เป็นอย่างดี

(Nina Nordman วิทยากรครูชาวฟินแลนด์สอนครอบครัวโพ้นทะเลในประเทศสิงคโปร์ เป็นวิทยากรของ สสส. สำนักพิมพ์ bookscape และคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)

        Nina Nordman วิทยากรครูชาวฟินแลนด์ ที่จบด้านครุศาสตร์จากฟินแลนด์ จบการศึกษาเป็นกรณีพิเศษเฉพาะทาง ม.เฮลซิงกิ เริ่มสอนชั้นประถมศึกษาในห้องเรียนที่ฟินแลนด์เป็นเวลา 7 ปี กลับมาศึกษาต่อเพิ่มเติมด้านการศึกษาพิเศษเฉพาะทางเพิ่มเติมอีก และกลับมาสอนนักเรียนที่เฮลซิงกิ มีประสบการณ์การสอน 20 ปี ในปี 2551 สอนอยู่ใน รร.นานาชาติในประเทศสิงคโปร์ OFS (Oversea Family School) ซึ่งเป็น รร.ที่เน้นรับนักเรียนที่เป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยในสิงคโปร์นาน 11 ปี ด้วยความร่วมมืออย่างมืออาชีพกับผู้ปกครอง นโยบายการสอบแบบเปิด นักเรียนทุกคนจะได้รับการส่งเสริมและช่วยเหลือ เพื่อเตรียมความพร้อมในการสอบภายในและระหว่างประเทศ

      Nina Nordman จัดทำคู่มือ Workshopเ พื่อให้ทุกกลุ่มปรึกษาหารือและเขียนสิ่งที่ตนเองอยากรู้ ตนเองมีความรู้เดิมอย่างไร สิ่งที่ต้องการเรียนมากที่สุด พร้อมกับสะท้อนบุคลิกของตัวเองด้วยการตั้งคำถามเพื่อให้ทุกคนยกมือขึ้น เป็นคนที่ชอบส่งเสริมคนอื่น มีมิตรภาพ มีอารมณ์ขัน เป็นธรรมกับคนอื่น มองโลกในแง่ดี มีอารมณ์อ่อนไหว มีความกระตือรือร้น เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ เป็นคนน่าเชื่อถือ มีเครดิต ขณะเดียวกันก็ยังมีภาพการ์ตูนที่สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่าง มีการเล่นเกม Human Bingo เขียนข้อความสั้นๆ สะท้อนเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเอง

      การศึกษาในประเทศฟินแลนด์เป็นระบบการศึกษาที่มีอาหารอุดหนุนครึ่งหนึ่งแก่นักเรียนเต็มเวลา มีโปรแกรมรับเลี้ยงเด็กและก่อนวัยเรียน 1 ปี ส่วน รร.สำหรับเด็กที่มีความสามารถทุกระดับขั้นพื้นฐานบังคับ 9 ปี แบ่งเป็นสายวิชาการและอาชีวศึกษา อุดมศึกษา โปรแกรมการเรียนรู้แบบอิงตามสภาพแวดล้อมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนอายุ 2-19 ปี ก่อนอนุบาลและอนุบาล (Pre-K1 ถึง K2) อายุ 2-5 ขวบ รร.ประถมศึกษา (เกรด 1 ถึง 5) อายุ 6-10 ปี มัธยม (เกรด 6 ถึง 8) อายุ 11-13 ปี มัธยมศึกษาตอนต้น (เกรด 9 และ 10) อายุ 14-15 ปี มัธยมปลาย (เกรด 11-12) อายุ 16-18 ปี

(Nina Nordman นำ workshop ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีส่วนร่วม)

      ผู้เข้าร่วมงาน 60 คนเป็นบุคลากรที่เป็นอาจารย์โรงเรียนในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ผู้บริหารรวมทั้งผู้ที่ประสงค์จะเปิดโรงเรียน นิสิตนักศึกษาด้านครุศาสตร์ เป็นพ่อและแม่ที่มีลูกอยู่ในวัยเรียน “ครูและนักเรียนที่นี่ยึดหลักไม่มีการบ้าน” Nina Nordman ตั้งคำถามว่ามีความเป็นไปได้ไหมที่ครูจะทำให้ห้องเรียนมีความสนุกสนาน เพื่อเด็กจะได้มีความสุขที่จะเรียนรู้ ขณะเดียวกันทำอย่างไรให้เด็กมีความตั้งใจพัฒนาตัวเอง การจัดช่วงเวลาเบรกระหว่างการสอนทำให้เด็กและครูได้พัก เมื่อเริ่มต้นสอนใหม่ก็จะมีสมาธิที่จะเรียนรู้ได้ดีขึ้นกว่าเดิม ในโรงเรียนครอบครัวต่างประเทศ เด็กที่มีความสุขคือนักเรียนที่ประสบความสำเร็จ

      หลักสูตรเตรียมการศึกษา (SPP) ระดับประถมและมัธยม เพื่อให้นักเรียนเข้าร่วมชั้นเรียนกระแสหลักโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับเกรดเดียวกับเพื่อนที่ไม่ใช่ SPP เพื่อให้พวกเขาไม่เสียปีการศึกษา ไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง โปรแกรมภาษาแม่ ภาษาที่โดดเด่น ที่การคิดระดับสูงจะเกิดขึ้นโดยเฉพาะในเด็กเล็ก และยังเป็นประโยชน์ต่อเด็กๆ ในด้านการศึกษาในประเทศบ้านเกิด หากเขาเดินทางกลับ เมื่อมีความสามารถในด้านทักษะการพูดการเขียนและไวยากรณ์ การเก็บรักษาและพัฒนาภาษาแม่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเรียนที่เรียนภาษาอังกฤษ ไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง

      การจัดโปรแกรมหมากรุกเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นของหลักสูตรระดับประถมศึกษา และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาทางปัญญาโดยรวมที่ OFS ที่ รร.มีห้องหมากรุกขนาดใหญ่ มีอุปกรณ์ครบครัน พร้อมกระดานสาธิตชุดหมากรุก นาฬิกาหมากรุกสำหรับนักเรียน นักเรียน K/2 และ รร.ประถมศึกษาได้รับการสอนอย่างมืออาชีพในชั้นเรียนจากครูฝึกสอนหมากรุก หมากรุกเป็นเกมกระดานกลยุทธ์ที่มีผู้เล่น 2 คน ย้อนหลังไปกว่า 1,500 ปีมาแล้ว เล่นบนกระดานหมากรุกซึ่งมี 64 สี่เหลี่ยมเรียงอยู่ในตาราง 8 คูณ 8   

      หมากรุกฝึกให้เด็กรู้จักการสังเกต วิเคราะห์สถานการณ์อย่างรอบคอบ เสริมสร้างทักษะความสนใจ จินตนาการภาพ ฝึกฝนให้เคลื่อนไหวหมากในใจก่อนที่จะลงมือปฏิบัติ เรียนรู้วิธีการดูสถานการณ์ผ่านสายตาของผู้อื่นเพื่อเข้าใจเป้าหมาย พัฒนาความอดทนและความเป็นนักคิด การเรียนรู้การเล่นหมากรุกช่วยพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและความกล้าหาญทางจิต สัมพันธ์โดยตรงระหว่างผลการเรียนและการคิดในเชิงกลยุทธ์ในระดับที่สูงขึ้น

      นักเรียนมีส่วนร่วมในกีฬามากขึ้น โปรแกรมที่ออกแบบเพื่อกระตุ้นให้นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมในกีฬาผ่านโอกาสที่หลากหลายตลอดทั้งสัปดาห์ของ รร. มีโอกาสให้นักเรียนแข่งขันในระดับ รร.และระหว่าง รร. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกีฬา ผ่านการมีส่วนร่วมในกีฬานักเรียน พัฒนาทักษะที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อชีวิตทางสังคมและวิชาการ นักเรียนสามารถเข้าร่วมกีฬาหลายรายการได้ตลอดทั้งสัปดาห์ เมื่อลงทะเบียนแล้วนักเรียนจะต้องลงมือทำกิจกรรมกีฬาประจำฤดูกาล นักเรียนระดับมัธยมปลายได้รับการสนับสนุนให้มีส่วนร่วมกับกีฬาจูเนียร์ในมหาวิทยาลัยผ่านโครงการชุมชนและบริการ (CAS)

      แด่คุณครูด้วยหัวใจ Nina Nordman เล่าว่า การที่เด็กรังแกเพื่อนที่มีความแตกต่างจากคนอื่น และเรียนรู้ช้ากว่า เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลก ครูต้องมีความเฮี้ยบและมีความกล้าพอที่จะจัดการกับเด็ก Bully ที่รังแกเพื่อน โดยการเรียกผู้ปกครองเด็กเกเรมาตักเตือน ขีดเส้นตายในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมลูกหลานของตัวเอง ครูและนักเรียนจะต้องมีส่วนร่วมในการสร้างกฎกติกาในการอยู่ร่วมกัน

      70 ประเทศทั่วโลกสหประชาชาติ ใน รร.ครอบครัวต่างประเทศ (MUNOFS) ชุดทักษะศตวรรษที่ผ่านโปรแกรม MUN การคิดเชิงวิพากษ์และความคิดสร้างสรรค์ การสื่อสารและการพูดโน้มน้าวใจ การทำงานร่วมกันและการสร้างทีม การรู้หนังสือ : สารสนเทศ เทคโนโลยี สื่อผสมผสานใน รร.ช่วยเด็กพัฒนาทักษะชีวิตนำไปสู่ความเป็นสากลและรับรู้ระหว่างวัฒนธรรม การรับรู้ทั่วโลกผ่านการสำรวจปัญหาระดับโลก โอกาสที่เด็กจะมีความเป็นผู้นำ อภิปราย จูงใจผู้อื่น การทูต มีความมั่นใจ ฯลฯ

      ณัฏฐพรรณ เรืองศิรินุสรณ์ บรรณาธิการบริหาร บ.บุ๊คสเคป จำกัด กล่าวว่า การจัดกิจกรรมจากฐานหนังสือ Teach Like Finland เขียนโดย Timothy D. Walker คุณครูชาวอเมริกัน แบ่งปันเรื่องเล่าจากการเป็นครูที่ฟินแลนด์ แปลโดย ทิพย์นภา หวนสุริยา อาจารย์สาขาจิตวิทยาสังคม คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การส่งเสริมสุขภาวะของครูและนักเรียนไม่เพียงทำให้ครูและนักเรียนมีความสุขมากขึ้น แต่ยังทำให้ผลการเรียนรู้ของนักเรียนดีขึ้นด้วย หนังสือเล่มนี้จะทำให้ครูมืออาชีพรักในการพัฒนาผู้เรียน ค้นพบหนทางนำหลักการมาปรับใช้เพื่อสร้างความเบิกบาน และการเรียนรู้ที่ดียิ่งขึ้นในห้องเรียนของครู เป็นการจุดประกายที่นำมาปฏิบัติได้จริง

      “ครูฟินแลนด์ในเมืองไทยมีน้อยมาก ทางสถานทูตฟินแลนด์ในประเทศไทยแนะนำให้ติดต่อครู Nina Nordman เป็นวิทยากรเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในสังคมไทยด้วย ขณะเดียวกันก็เปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมกิจกรรม Workshop เน้นคนที่มีอาชีพเป็นแม่พิมพ์ของชาติ พ่อแม่ที่มีเรื่องราวของตัวเอง มีลูกหลานรักการเรียนรู้ เพื่อจะได้มีผู้หลากหลายอาชีพเข้าร่วม workshop ทำอย่างไรให้ห้องเรียนสนุกกับการเรียนรู้ เรียนรู้ผ่านการเล่น มีเวลาพัก นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ยังได้นำมาเขียนสรุปให้เข้าใจง่าย เป็นการต่อยอดที่พ่อแม่นำไปอ่านและปฏิบัติได้”.

 

 

     

 

ข้อมูลจำเพาะประเทศฟินแลนด์

      ประธานาธิบดีฟินแลนด์ Sauli Ninisto มีเฮลซิงกิเป็นเมืองหลวง ประชากร 5,500,000 คน ชายแดนติดกับประเทศสวีเดน นอร์เวย์ ภาษาราชการ ฟินนิช สวิดิช ได้รับอิสรภาพจากประเทศรัสเซียเมื่อปี ค.ศ.1917 เป็นเวลา 100 ปี ขณะนี้อยู่ในกลุ่มสหภาพยุโรป มีคน 19 สัญชาติอยู่ในประเทศ มีทะเลสาบในฟินแลนด์ มีเกาะทั้งหมด 168,000 เกาะ มีหมีสีน้ำตาลเป็นสัตว์ประจำชาติ.

 

 

ฟินแลนด์รร.ดีที่สุดในโลก

      ทำไมประเทศฟินแลนด์จึงติดอันดับ รร.ดีที่สุดในโลก ที่ฟินแลนด์ไม่มีการจัดอันดับ รร. ทำให้ รร.ไม่ถูกแบ่งงบประมาณตามความเก่งของแต่ละ รร. แต่ครูมีหน้าที่ประเมินเด็ก ทั้งส่งเสริมให้เด็กกล้าคิด กล้าฝันและทำให้เป็นจริงได้ ที่สำคัญก็คือครูฟินแลนด์มีอิสระในการออกแบบหลักสูตรการเรียนการสอนด้วยตัวเอง และยังเป็นผู้ประเมินเด็ก ที่นี่เด็กพิเศษเรียนรวมกับเด็กทั่วไป แต่ถ้าเด็กพิเศษที่เป็นมากจะแยกไปเรียน รร.เฉพาะ

      เด็กกว่า 97% ในประเทศฟินแลนด์ได้รับการดูแลภายใต้ รร.ที่บริหารงานโดยรัฐบาล ไม่ใช่กลุ่มนักการเมือง หรือกลุ่มทุนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ มีการจัดนักเรียนที่มีฐานะแตกต่างกันให้เรียนหนังสือด้วยกันและเติบโตมาด้วยกัน เป็นเพื่อนกัน ทำให้เข้าใจในความหลากหลาย และยังช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมได้เป็นอย่างดี

      1.ด้วยระบบการศึกษาก่อนวัยเรียน 6 ปี (Early Childhood) ของชีวิต เป็นการเรียนรู้ผ่านการเล่น ส่งเสริมให้เด็กพัฒนาทางด้านสังคม สุขภาพ ผ่านกิจกรรมต่างๆ 2.Basic Education เป็นภาคบังคับสำหรับเด็กวัย 7-16 ปี 3.Upper Education เด็กเลือกเรียนภาคทั่วไปหรืออาชีวศึกษา 4.Higher Education เรียนในระดับมหาวิทยาลัย

      ประเทศฟินแลนด์อยู่ในคาบสมุทรบอลติก ท่ามกลางธรรมชาติป่าสนไทกาที่อยู่ใกล้และเหนือเส้น Arctic Circle หรือเส้นวงกลมละติจูดที่อยู่เหนือสุดของแผนที่โลก ไม่ไกลจากขั้วโลกเหนือ ที่นี่มีการล่องเรือตกปลาในทะเลสาบฤดูร้อน เดินป่าเที่ยวอุทยานแห่งชาติ ทำเซานา เล่นสกี ล่าแสงเหนือในบรรยากาศป่าสนที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน อากาศเหน็บหนาวในช่วงฤดูหนาวอันยาวนาน ที่นี่มีแสงเหนือตระการตาทั่วแผ่นฟ้า

      ใครๆ ชอบพูดกันเรื่องสุขภาวะ เราจะเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ หรือมนุษย์ไถนาบนโลกออนไลน์ ที่สวนสาธารณะทุกแห่งในเมืองเฮลซิงกิ จังหวะชีวิตเนิบช้าของประเทศนอร์ดิกเล็กจิ๋ว เห็นภาพคนท้องถิ่นหลายสิบคนไม่ทำอะไรเลย นอกจากนั่งๆ นอนๆ บนผืนผ้าอย่างที่เรียกว่าเอกเขนกกันเป็นชั่วโมงๆ ดื่มไวน์และพูดคุยกัน พวกเขาไม่เร่งรีบในการใช้ชีวิตหรือทำอะไรให้เสร็จเลยสักอย่าง หากแต่เพลิดเพลินกับยามเย็นอันแสนอบอุ่นและแจ่มใสกับเพื่อนสนิท

      ครูที่ดีที่สุดคือครูที่ทำงานหนักที่สุด ได้นอนไม่กี่ชั่วโมง ไม่พักกินข้าวเที่ยงแลกกับการมีเวลาเตรียมสอนเพิ่มขึ้น ไม่เคยหาเวลาพบปะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงาน ทำงานหนักจวนเจียนจะหมดไฟอยู่ตลอดเวลา แต่ครูในเฮลซิงกิ ครูไม่ทำงานตอนพักเที่ยงหรือหมกตัวอยู่ในห้องเรียนตลอดทั้งวัน และที่สำคัญที่สุดคือไร้ความเครียดกันแทบตลอดเวลา การไล่ล่าความสำเร็จคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต บั่นทอนสุขภาวะของเราอย่างใหญ่หลวง ส่งผลถึงสุขภาวะของเด็กๆ ในประเทศด้วย

      ในครอบครัวอเมริกัน เด็กๆ หลายคนถูกผลักดันให้ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังเล็ก พ่อแม่ซื้อบัตรคำและเกมเพื่อการศึกษาให้ลูก มีการสืบเสาะหาสถาบันเตรียมความพร้อมก่อนวัยเรียนที่ดีที่สุดสำหรับลูกวัยเตาะแตะ เป็นค่าใช้จ่ายสูงถึงปีละกว่า 30,000 เหรียญสหรัฐ เพื่อให้ลูกมีความก้าวหน้าทางวิชาการแต่เนิ่นๆ พ่อแม่ชาวอเมริกันหลายคนไม่ยอมส่งลูกไปโรงเรียนอนุบาลเมื่อถึงเกณฑ์ เพื่อรอให้ลูกเติบโตขึ้นอีกปีและมีพัฒนาการก้าวหน้ายิ่งขึ้น จะส่งผลดีต่อการเรียนที่ดีขึ้นด้วย

      ครูชาวอเมริกันพูดถึงงานสอนว่าเป็นงานที่โดดเดี่ยว ครูใช้เวลาร่วมกับนักเรียนมาก แต่ใช้เวลาร่วมกับผู้ใหญ่คนอื่นๆ น้อย แต่ในขณะที่ครูชาวฟินแลนด์ใช้เวลามากมายร่วมกันที่โรงเรียน แลกเปลี่ยนวิธีสอนที่ดีที่สุด แก้ปัญหาและพัฒนาความสัมพันธ์ฉันเพื่อน

      ลักษณะพิเศษของความสงบใน รร.ฟินแลนด์นี้เป็นเหตุผลหลักให้นักเรียนของฟินแลนด์เรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำผลงานได้ดีมากในการทดสอบระดับนานาชาติอย่าง PISA โครงร่างหลักสูตรใหม่ล่าสุดของฟินแลนด์ประกาศว่า “การเรียนรู้จะได้รับการส่งเสริมจากบรรยากาศที่สงบและเป็นมิตร อารมณ์ผ่อนคลายและสงบ” ในงานวิจัยพบว่า ยิ่งสภาพแวดล้อมภายในบ้านมีเสียงดังมากเพียงใด เด็กยิ่งจับคู่คำสองคำที่เหมือนกันและอ่านให้คล่องได้ยากขึ้น เช่นเดียวกับนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซินพบว่า รอบข้างมีเสียงรบกวน เด็กเล็กมากๆ จะเรียนรู้คำใหม่ได้ลำบาก การเบรกระหว่างช่วงด้วยการออกกำลังกาย หรือใช้มุมสงบ อีกทั้งการออกไปนอกห้องอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ หรือ Gallery Walk เพื่อศึกษาดูภาพต่างๆ และนำเสนอเรื่องราวของการเปลี่ยนแปลง

      “Keep Calm and Take a Brain Break” “Learning is supported by a peaceful and friendly working atmosphere”-Finnish National Curreculum 2016.

     

 

ข้อคิดดีๆ จากหนังสือ Teach like Finland:Timothy D.Walker ทิพย์นภา หวนสุริยา แปล....

      “การเรียน” กับ “ความสุข” มักเป็นสิ่งที่สวนทางกัน แต่ไม่ใช่สำหรับฟินแลนด์ ประเทศที่ได้รับการยกย่องว่ามีระบบการศึกษาดีที่สุดประเทศหนึ่งในโลก เหตุใดการศึกษาของฟินแลนด์ที่มีชั่วโมงเรียนไม่ยาวนาน การบ้านไม่อัดแน่นและมีการสอบวัดระดับไม่มากนัก กลับสร้างนักเรียนที่ทำคะแนน PISA โดดเด่น เอาชนะนักเรียนเอเชียที่ทุ่มเทพลังให้กับการเรียนอย่างบ้าคลั่ง

      Teach Like Finland : สอนฟิน เรียนสนุก สไตล์ฟินแลนด์ ถ่ายทอดประสบการณ์ตรงของครูชาวอเมริกันที่เคยอยู่ในระบบการเรียนการสอนอันเคร่งครัด ก่อนจะย้ายไปสอนในโรงเรียนฟินแลนด์ และค้นพบว่าความลับเบื้องหลังความสำเร็จของนักเรียนฟินแลนด์คือ “ความสนุก” ในการเรียนรู้ของเด็ก ซึ่งแทรกอยู่ในหลักสูตรการสอนที่ผสมผสานกับการศึกษามาตรฐานได้อย่างกลมกลืน

      หนังสือเล่มนี้จะเผยให้เห็นเคล็ด (ไม่) ลับของห้องเรียนแสนสนุก ตั้งแต่การตั้งคำถามที่เร้าความสนใจ การจัดตารางเรียนเพื่อเสริมสมาธิและความคิดสร้างสรรค์ ออกแบบพื้นที่เรียนรู้แบบ “น้อยแต่มาก” ไปจนถึงแนวทางการ “รับฟัง” และ “รับมือ” กับการกลั่นแกล้งในโรงเรียน นี่คือหนังสือที่เหมาะสำหรับพ่อแม่ ครูอาจารย์และผู้คนในแวดวงการศึกษา เพื่อร่วมกันสร้างแนวทางการศึกษารูปแบบใหม่ และทำให้การเรียนกลายเป็นเรื่องสนุกสำหรับเด็กทุกคน.