‘บิ๊กตู่’รอด!ได้ไปต่อ หัวหน้าคสช.ไม่ใช่จนท.รัฐศาลชี้ใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์


เพิ่มเพื่อน    

 “ประยุทธ์” รอดอีกสันดอน ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย “หัวหน้า คสช.” ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ เพราะใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ กฎหมายไม่กำหนดที่มาและการเข้าสู่ตำแหน่ง จึงไม่หลุดเก้าอี้รัฐมนตรี พร้อมรับคดี “สิระ-พ.ร.ก.” ไว้พิจารณา

เมื่อวันพุธที่ 18 ก.ย. เวลา 14.15 น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยกรณีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (6) และมาตรา 98 (15) หรือไม่ จากเหตุดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่ โดยมีนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภา และ พล.ต.วิรัช โรจนวาช  คณะทำงานนายกฯ เป็นตัวแทนฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้อง เข้ารับฟังการวินิจฉัยของศาล 
     โดยนายวรวิทย์ กังศศิเทียม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยว่า คดีนี้ ส.ส. 110 คน เข้าชื่อยื่นคำร้องต่อประธานสภาฯ โดยระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ผู้ถูกร้องมีคุณสมบัติต้องห้าม เพราะเหตุเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ซึ่งศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าตำแหน่งหัวหน้า คสช.มาจากการยึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 ต่อมามีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้า คสช.เพื่อบริหารราชการแผ่นดิน เห็นได้ว่าการแต่งตั้งหัวหน้า คสช.เป็นผลสืบเนื่องมาจากการยึดอำนาจ และเป็นตำแหน่งที่ใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ โดยเห็นได้จากการออกประกาศและคำสั่งหลายฉบับ หัวหน้า คสช.ไม่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาหรือการกำกับดูแลของรัฐ หรือหน่วยงานของรัฐใด 
     สำหรับประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงเฉพาะตัวเหตุเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (6) และมาตรา 98 (15) หรือไม่นั้น ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยมีคำวินิจฉัยกรณีความเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐไว้แล้วในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2543 ซึ่งใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 โดยมีมาตรา 109 (11) หลักการเดียวกันกับรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 98 (15) สรุปได้ว่า การพิจารณาความหมายของคำว่าเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐตาม 109 (11) เป็นการตีความจำกัดสิทธิของบุคคลในการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. เป็นการจำกัดสิทธิของบุคคล จึงต้องตีความอย่างแคบ การตีความถ้อยคำที่มีลักษณะนี้ ควรถือว่าเป็นคำทั่วไป ที่ต่อมาจากคำเฉพาะหลายคำที่มีมาก่อนหน้านั้น ย่อมมีความหมายในแนวทางเดียวกันกับคำเฉพาะที่นำมาข้างหน้า โดยคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 5/2543 ได้สรุปลักษณะเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐไว้ว่า 1.ได้รับแต่งตั้งหรือเลือกตั้งตามกฎหมาย 2.มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการหรือหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายและปฏิบัติงานประจำ 3.อยู่ในบังคับบัญชา หรือในกำกับดูแลของรัฐ และ 4.มีเงินเดือน ค่าจ้าง หรือค่าตอบแทนตามกฎหมาย
     “ตำแหน่งหัวหน้า คสช.เป็นตำแหน่งที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งโดยกฎหมาย อีกทั้งไม่มีกฎหมายกำหนดกระบวนวิธีการได้มา หรือการเข้าสู่การดำรงตำแหน่ง โดยมีอำนาจหน้าที่เป็นการเฉพาะชั่วคราว ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้มีอำนาจในการรักษาความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงปลอดภัยของประเทศและประชาชน ดังนั้นตำแหน่งหัวหน้า คสช.จึงไม่มีสถานะตำแหน่งหน้าที่ หรือลักษณะงานทำนองเดียวกับ พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ และไม่ใช่เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ตามมาตรา 98 (15) ผู้ถูกร้องจึงไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (6) ประกอบมาตรา 98 (15) อาศัยเหตุผลดังกล่าวจึงวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัว เพราะเหตุเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4)  ประกอบมาตรา 160 (6) และมาตรา 98 (15)”  
     ทั้งนี้ กรณีที่นางอุบลกาญจน์ อมรสิน ประธานองค์กรตรวจสอบการธำรงไว้ซึ่งหลักนิติธรรม ยื่นคัดค้าน 7 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้วินิจฉัยคดีนี้ ศาลมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง เนื่องจากไม่ได้เป็นคู่กรณีโดยตรง  
    ด้าน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงมติศาล โดยย้อนถามพร้อมชี้ไปที่สื่อว่า “ยังไม่รู้เลย แล้วเชื่อศาลไหม เคารพศาลหรือไม่ ก็เป็นไปอย่างนั้นแหละ”
    วันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญยังมีคำสั่งรับคำร้องที่นายชวนส่งความเห็นของ ส.ส. 57 คน ขอให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่าสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (7) ประกอบมาตรา 185 (1) หรือไม่ เนื่องจากใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็น ส.ส.กระทำการก้าวก่าย แทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเองในการปฏิบัติราชการหรือการดำเนินงานในหน้าที่ประจำของข้าราชการไว้พิจารณาวินิจฉัย และแจ้งให้นายสิระยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหากลับมายังศาลภายใน 15 วันนับแต่วันได้รับสำเนาคำร้อง แต่ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากเห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องไม่ได้ขอให้ศาลมีคำสั่งดังกล่าว ประกอบกับศาลพิจารณาแล้วเห็นว่ายังไม่ปรากฏว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่านายสิระมีกรณีตามที่ถูกร้อง
        นอกจากนั้น ที่ประชุมศาลรัฐธรรมนูญยังมีมติรับคำร้องที่ประธานสภาฯ ส่งความเห็นของ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน 142 คน ที่ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 173 ว่า การตราพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ.2562 เพื่อชะลอการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 172 วรรคหนึ่งหรือไม่ ไว้พิจารณาวินิจฉัย และแจ้งให้ผู้ร้องทราบ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"