มีคลิปก็เอาออกมาดิ ‘ป้อม-สมศักดิ์’ท้าทายลั่น/เพื่อไทยส่อบ้อท่าพับแผนแฉซื้องูเห่า


เพิ่มเพื่อน    

 “บิ๊กป้อม-สมศักดิ์” ประสานเสียง ท้า “หญิงหน่อย” มีคลิปซื้องูเห่าจริงก็เปิดเลย ตอกย้ำถ้าย้ายมาก็เอา โทรโข่ง พปชร.ซัดอย่าเอาดีเข้าตัว ย้อนเกล็ดแสบ “ไทยรักไทย” ฮุบเหมาเข่งมาแล้ว เตือนกลับไปดูพรรคตัวเองดีกว่า “สุทิน” โว พท.มีเอกภาพรวมถึง 7 พรรคฝ่ายค้าน ลั่นโหวตวันนี้-พรุ่งนี้พิสูจน์ได้ “ลูกชายแม้ว” ประเมินแค่โยนหินถามทาง ฝ่ายแค้นตามขยี้ “ลุงตู่” เร่งส่งคำร้อง ป.ป.ช.ฝ่าฝืนจริยธรรม 

เมื่อวันอังคารที่ 24 กันยายน ยังคงมีความต่อเนื่องกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) ยืนยันว่ามีคลิปวิดีโอคนในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่พยายามดึง ส.ส. 14 คนของพรรคไปร่วมรัฐบาลแลกกับผลประโยชน์ตอบแทน โดยก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ก็ว่ากันไป แต่ไม่ทราบว่าคนของพรรค พปชร.ไปทำเช่นนั้น จะไปรู้ได้อย่างไร 
เมื่อถามย้ำว่า คุณหญิงสุดารัตน์มีหลักฐานเป็นคลิปเสียง โดยอ้างว่ามีการจ่ายอามิสสินจ้าง พล.อ.ประวิตรหัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ไม่รู้สิ ต้องไปถามคุณหญิงสุดารัตน์เอง” เมื่อถามย้ำว่า คนในพรรค พปชร.ไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหาใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ใครจะไปจ่าย แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปจ่าย ส่วนอาจแลกเปลี่ยนเรื่องผลประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่นั้น ไม่ทราบ ซึ่งในการวางยุทธศาสตร์ของพรรค พปชร. เราไม่ได้มีแนวทางที่จะดึงคนจากพรรคอื่นมาร่วม
ถามต่อว่า หาก ส.ส.พรรคอื่นจะมาร่วมกับพรรค พปชร.จะเอาหรือไม่ พล.อ.ประวิตรย้อนว่า ตอบไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 ก.ย.แล้ว ถ้าเขามาก็เอา
ต่อมาหลังประชุม ครม. พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์เรื่องนี้อีกครั้งว่า ถ้ามีคลิปก็เอาออกมาดิ ไม่มีหรอก หรือไม่ก็ไปถามเขาดู ถ้ามี
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงเรื่องนี้ในการทางกฎหมายว่า ไม่ทราบว่าในทางกฎหมายทำได้หรือไม่ และการกระทำดังกล่าวจะผิดหรือไม่นั้นก็ไม่ทราบ เนื่องจากไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร จึงไม่อยากตอบอะไรออกไป เพราะอยู่ในฐานะของรัฐบาล หากพูดอะไรไปจะเป็นข้อผูกมัดว่าพูดในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องไปถามเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง คือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมาถามรัฐบาลไม่ได้ ต้องไปถามคนกลาง หากเปรียบไปแล้วคือคุณหญิงสุดารัตน์กล่าวหาพรรค พปชร. จะไปถามพรรคก็ไม่ได้ หรือถามฝ่ายรัฐบาลยิ่งไม่ได้ใหญ่ ฉะนั้นการดำเนินคดีทั้งหมดเป็นเรื่องของ กกต.
เมื่อถามว่า ในทางกฎหมาย ส.ส.ย้ายจากพรรคหนึ่งไปอยู่อีกพรรคหนึ่งทำได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ส.ส.ลาออกจากพรรคก็ขาดสมาชิกภาพ แต่ถ้าถูกขับออกจากพรรค หรือถูกยุบพรรคก็ไปหาพรรคอื่นอยู่ได้ภายในช่วงเวลาที่แตกต่างกันอยู่
ถามต่อว่าหากเป็นเช่นนั้น ส.ส.ที่ย้ายพรรคก็เป็นเพียงแค่งูเห่าใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบทันทีว่า ไม่รู้จะเรียกอะไรก็ช่าง งูเห่า พญานาค หรือไส้เดือน
 ขณะที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวว่า ได้ยินจากข่าว แต่คิดว่าเรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจนอะไร และไม่มีการยืนยันใดๆ เป็นแค่ข่าว แต่เรื่องการย้ายขั้วคิดว่าคงมีการพูดคุยกันบ้าง เพราะ ส.ส.รัฐบาลและฝ่ายค้านทำงานร่วมกัน นักการเมืองเขาคุยกันอยู่แล้ว จะไปห้ามไม่ให้พบปะพูดคุยคงไม่ได้ ในสภาหรือในกรรมาธิการทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลก็พูดคุยกัน ซึ่งมองในเชิงประโยชน์ของประเทศชาติ ทุกคนคงคิดว่าจะทำอย่างไรให้มีประโยชน์ ส.ส.คงจะช่วยกันประคับประคองการทำงานของทุกฝ่ายให้เดินไปข้างหน้า
ผู้สื่อข่าวถามว่า การพูดคุยมีลักษณะทาบทามหรือไม่ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า การทำงานร่วมกันมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน แต่ไม่ทราบรายละเอียดที่เขาคุยกัน และพรรคก็ไม่ได้มอบหมายใครไปคุย ทุกคนมีเพื่อนฝูงก็คุยกันเอง เป็นเรื่องความสัมพันธ์ส่วนบุคคลมากกว่า ส่วนที่พรรคเพื่อไทยเตรียมเปิดเผยคลิปเสียงการพูดคุยนั้น มีอะไรก็เอามาคุยกัน แต่ไม่ทราบข้อมูลตรงนั้น
      เมื่อถามว่า การชนะโหวตในสภาผู้แทนราษฎรของรัฐบาลที่ผ่านมา เป็นเพราะเสียงของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ทุกพรรคมี ส.ส.ที่ติดภารกิจอยู่แล้ว ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล เสียงไม่เคยครบ 100% ดังนั้นการที่ ส.ส.หายไปอย่ามองว่าเป็นการดึงตัว
       ถามอีกว่า การดึงตัว ส.ส.คือหาหลักประกันเพื่อให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีผ่านสภาใช่หรือไม่ นายสนธิรัตน์ตอบว่า หน้าที่ของรัฐบาลคือประคับประคองการดำเนินงานตามแผนที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ ซึ่งร่างพระราชบัญญัติงบประมาณเป็นเรื่องที่จะพิจารณาในสมัยประชุมวิสามัญ 17 ต.ค.นี้ ตามกลไกรัฐสภา โดยหวังว่าเสียงรัฐบาลจะมากกว่าฝ่ายค้านทุกครั้งที่มีการโหวต แต่หากฝ่ายค้านเห็นดีด้วยโหวตให้ก็ถือว่าช่วยกัน
 “เร็วเกินกว่าที่จะประเมินว่าเป็นอย่างไร เพราะยังเป็นเพียงกระแสว่ามีการพูดจากัน ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องปกติ ส่วนความชัดเจนจะมีขึ้นหลังการเปิดประชุมสภาหรือไม่นั้น ผมมองว่ายาก ส.ส.ทุกคนมีความคิดเห็น จุดยืนและเอกสิทธิ์ของตนเอง ยากที่จะไปประเมินความคิดเห็นของแต่ละคน เร็วเกินไปที่จะพูดคุยเรื่องนี้” นายสนธิรัตน์ตอบถึงข้อถามการย้ายขั้วจะเป็นการย้ายเฉพาะกิจสำหรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเท่านั้นหรือไม่
“เรียงหิน”ท้าเปิดคลิป
     ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ถูกระบุว่าไปนั่งรับประทานอาหารร่วมกับ ส.ส.พรรค พท.และทาบทาบให้ย้ายขั้วกล่าวว่า ในวันที่ 18 ก.ย. ไม่ได้ไปรับประทานอาหารกับ ส.ส.พรรค พท. เป็นความเข้าใจผิด 100% รวมถึงกรณีการแจกซองให้ ส.ส.ก็ไม่เป็นจริง ในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่มีอุทกภัย ส.ส.หรือคนที่รู้จักกันจะช่วยกันหาสิ่งของไปมอบและดูแลประชาชน ซึ่งถ้าเป็นในลักษณะนี้อาจเป็นไปได้ แต่การไปนั่งรับประทานอาหารพูดคุยดึงเข้าพรรค พปชร.นั้นไม่จริง เป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก      
“เอามาเปิดสิครับ ไม่เป็นไร เพราะมันไม่มีผม และคงไม่เอาผิดคนที่พาดพิง เพราะเป็นเรื่องการเมือง และผมตอบตามข้อเท็จจริง ไม่ได้ท้าทายอะไร” นายสมศักดิ์กล่าวตอบข้อถามที่ว่าคุณหญิงสุดารัตน์ยืนยันว่ามีคลิป
        เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับพี่ๆ น้องๆ ในพรรคเพื่อไทยว่ามีใครสนใจจะมาพรรค พปชร.หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เวลาไปรัฐสภาจะคุยกับทุกคนที่รู้จักกัน และอยู่กันหลายพรรค ไม่ใช่เฉพาะพรรคใดพรรคหนึ่ง เพราะส่วนงานของกระทรวงยุติธรรม เป็นการให้ความยุติธรรมกับผู้คน เขาจะมาปรึกษาหารือกัน ซึ่งการจะดูดหรือย้ายพรรคกันในระหว่างเป็น ส.ส.แล้วมันทำยาก ไม่ใช่ง่าย มีเปอร์เซ็นต์ที่ทำได้คือต้องยุบพรรค เหมือนกรณีพรรคประชาชนปฏิรูปของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่พรรคใหญ่ๆ จะไปดูดข้ามพรรคมันเป็นไปไม่ได้ ที่พูดๆ กันไม่เป็นความจริงเลย เป็นเท็จทั้งนั้น
         ต่อข้อถามว่า มีการคุยไว้เพื่อจะเป็นพันธมิตรกับรัฐบาลหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เมื่อก่อนรู้จักกันทั้งนั้น ตนเป็น ส.ส.มาหลายสมัย มีเพื่อน มีคนรู้จัก ก็อดคุยกันไม่ได้ และในสภาก็เป็นพันธมิตรกันทั้งหมดอยู่แล้ว ในสมัยก่อนเวลาเข้าสภาแล้วเขาจะคุยกันทุกพรรค เพื่อช่วยเหลือประชาชน ส่วนพร้อมจะอ้าแขนรับหรือไม่นั้น ไม่ทราบ อยู่ที่คณะกรรมการบริหารพรรค ส่วนที่พรรค พปชร.ต้องการเสียงสนับสนุนเพิ่มหรือไม่นั้น ก็ทราบกันอยู่แล้วว่าเสียงมีจำกัด มันเป็นคณิตศาสตร์ เรื่องนี้คงไม่ต้องตอบ ทุกคนเข้าใจกันอยู่แล้วว่าเสียงปริ่มน้ำอยู่  
ส่วนนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และแกนนำกลุ่มสามมิตร ซึ่งเป็นอีกรายที่มีชื่อไปร่วมรับประทานอาหาร ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ โดยกล่าวว่า ขอๆๆ และหัวเราะก่อนขึ้นรถออกจากทำเนียบฯ ไปทันที
      ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ปฏิเสธว่า ไม่ทราบ เพราะไม่ใช่คนไปดีล และไม่ทราบถึงเหตุการณ์ที่เป็นข่าว และเรื่องนี้คงเป็นเรื่องของ พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. ที่รับผิดชอบโดยตรง 
      เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรเมื่อมีข่าวเช่นนี้มักถูกเพ่งเล็งตลอด ร.อ.ธรรมนัสกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า ไม่รู้สึกอะไร ด้านชาแล้ว 
ธนกรซัดอย่าเอาดีเข้าตัว
        นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค พปชร. กล่าวว่า พปชร.ไม่มีนโยบายไปดูดใคร เรื่องนี้คงปล่อยไปตามกระบวนการยุติธรรม ถ้าอยากฟ้องก็ว่ากันไป ซึ่งการกล่าวหาของคุณหญิงสุดารัตน์เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ใส่ร้าย โดยอยากเตือนความจำคุณหญิงสุดารัตน์ว่า ในอดีตพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ที่คุณหญิงสุดารัตน์เคยอยู่นั้น ไม่ใช่แค่ดูด ส.ส. แต่หนักถึงขนาดเหมาเข่งควบรวมยกพรรคมาแล้ว อย่าพูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น คุณหญิงสุดารัตน์อุตส่าห์เรียนจบปริญญาเอกทางด้านพุทธศาสนา แต่กลับคิดร้ายตลอด เหมือนไม่ซึมซับหลักธรรมเลยหรือ
“ส.ส.ทุกคนมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี คุณหญิงสุดารัตน์จะพูดอะไรก็ต้องให้เกียรติ ส.ส.บ้าง ทำเหมือน ส.ส.เป็นผักปลาซื้อขายในตลาดสด และอยากจะฝากถึงคุณหญิงสุดารัตน์ว่า เอาเวลาไปดูแลพรรคตัวเองให้ดีจะดีกว่า เพราะทราบว่ามีปัญหาภายในพอสมควร หัวหน้าพรรคไปทาง เลขาธิการพรรคไปทาง ระวังพรรคจะแตก”
    รายงานข่าวแจ้งว่า การย้ายขั้วของ ส.ส.ครั้งนี้จะไม่ใช่รูปแบบการย้ายข้างย้ายพรรคเหมือนที่ผ่านมา แต่จะเป็นลักษณะยกมือสนับสนุนรัฐบาลในเรื่องสำคัญเป็นกรณีๆ ไป โดยคาดว่าจะเห็นชัดเจนในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ช่วงกลางเดือน ต.ค.นี้ ที่อาจมี ส.ส.ฝ่ายค้านไม่โหวตคัดค้านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณกว่า 20 คน ซึ่งเห็นได้จากการพิจารณาตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบโครงการอีอีซี ก็เคยมี ส.ส.กลุ่มหนึ่งจากพรรคเพื่อไทย รวมถึงพรรคร่วมฝ่ายค้านบางส่วนไม่เข้าร่วมประชุมมาแล้ว จนทำให้การตั้ง กมธ.ล้มไป
สำหรับความเห็นของฝ่ายค้านนั้น น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค พท. กล่าวว่า เป็นความพยายามดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อสืบทอดอำนาจออกไปให้ยาวนานที่สุดของนายทหารกลุ่ม 3 ป. ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม แต่แทนที่แกนนำรัฐบาลจะพยายามดูด ส.ส.เข้าไปแก้เสียงปริ่มน้ำในสภา ควรเปลี่ยนเป็นดูดมืออาชีพทางด้านเศรษฐกิจเข้าไปแทนที่รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจจะดีกว่า 
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรค พท. ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบเช็กดู ฝ่ายรัฐบาลมาเจรจากับ ส.ส.พรรคเพื่อไทยจริง มีการเสนอเงื่อนไข มีหลายสาย บางสายอาจชักชวนแค่ให้ไปพูดคุยกินข้าวด้วยกัน แต่บางสายก็คิดดึงให้ไปอยู่ด้วยอย่างจริงจังก็มี แต่ทั้งหลายทั้งปวงการจะย้ายไปร่วมงานกับอีกฝ่ายได้ คงอีกนาน และห่างไกลความเป็นจริง เนื่องจากหาก ส.ส.ลาออกตอนนี้จะทำให้ขาดจากความเป็นสมาชิกพรรคด้วย การจะไปหาพรรคสังกัดใหม่ได้ต้องรอให้เกิดการยุบพรรคหรือยุบสภาเสียก่อน แต่ถ้าจะมาหารือเพื่อหวังให้ ส.ส.เพื่อไทยไปร่วมโหวตให้กับอีกฝ่ายนั้น ก็ไม่ง่าย ในวันนี้ประชาชนสนใจจับตาตรวจสอบรู้ว่าใครลงมติให้ใครอย่างไร ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ สิ่งที่ ส.ส.กลัวที่สุดคือประชาชน และกลัวไม่ได้เป็นผู้แทนฯ อีก คงทำให้ ส.ส.เหล่านั้นคิดหน้าคิดหลังอย่างหนัก
“ส.ส.ไปร่วมกินข้าวกับแกนนำต่างพรรค คงไปกันในแง่ความสัมพันธ์กันส่วนตัว ส่วนจะให้อะไรกันมาส่วนตัวหรือไม่นั้น ถ้าให้เขาก็คงเอา แต่สุดท้ายแล้ว เรื่องนี้ไม่รู้ใครจะต้มใคร ขอยืนยันว่าในวันนี้พรรคยังมีเอกภาพ และไม่เฉพาะพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วย หากโหวตวันนี้ พรุ่งนี้ ก็ไม่มีอะไรน่าหนักใจ”
นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในฐานะสมาชิกพรรค พท.กล่าวในเรื่องนี้ว่า ไม่ค่อยสนใจข่าวการเมือง เพราะต้องเอาเวลามาอ่านเอกสารคดีที่มีจำนวนมาก แต่จริงๆ แล้วด้วยสามัญสำนึกก็ไม่ควรทำอยู่แล้ว แต่ถ้าเขามีเหตุจำเป็นบางอย่างที่ต้องทำ ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง เพราะบางคนอาจโดนเรื่องอะไรมาหรือไม่ แต่ตามมรรยาทและกติกาการเมืองแล้วเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ 
ฝ่ายแค้นตามขยี้”ลุงตู่”
“ตั้งแต่พรรคเพื่อไทยปรับโครงสร้างองค์กร มีผู้นำพรรคคนใหม่ ก็มีภาพและข่าวของความขัดแย้งออกมา โดยเฉพาะข่าว ส.ส.ย้ายพรรค และทุกๆ ครั้งที่มีข่าวออกไป ผมอยากให้สื่อมวลชนสอบถามข้อเท็จจริงจากผมและคนในพรรคก่อน แล้วค่อยเสนอข่าว อยากให้กลั่นกรอง เพราะพวกนี้อาจโยนหินถามทางหรือเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจ”
ที่พรรค พท. มีการประชุมร่วมคณะทำงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยแกนนำแต่ละพรรคมาประชุมอย่างพร้อมเพรียง นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวว่า ที่ประชุม 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นร่วมกันจะส่งเรื่องนายกฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน และการแถลงนโยบายไม่แจ้งที่มาของงบประมาณ ไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะนอกจากการกระทำจะขัดรัฐธรรมนูญแล้ว ยังเข้าข่ายไม่ปฏิบัติไปตามมาตรฐานตามจริยธรรม ซึ่งหาก ป.ป.ช.เห็นว่าไม่เป็นการปฏิบัติตามจริยธรรม สามารถส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาให้วินิจฉัยได้ โดยจะเร่งร่างคำร้องไปยื่นกับ ป.ป.ช.โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
วันเดียวกัน มีรายงานว่า ในการประชุม กกต.เมื่อปลาย ส.ค.ที่ผ่านมา กกต.ได้มีมติเสนอสั่งให้ใบเหลืองนายกรุง ศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สุมทรปราการ เขต 5 พรรค พปชร. กรณีบุคคลใกล้ชิดใส่ซองช่วยงานศพ ซึ่ง กกต.เห็นว่าเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 73 (1) และมีมติเสนอสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือใบแดง และสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครหรือใบดำ, นายชาติชาย วรพิพัฒน์  ผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โดยทั้ง 2 กรณี กกต.อยู่ระหว่างยกร่างคำวินิจฉัยและคำร้องเพื่อยื่นต่อศาลฎีกา นอกจากนี้ยังมีมติให้ดำเนินคดีอาญาผู้สมัครที่ไม่ได้รับเลือกตั้ง 2 รายคือ นายโอวภัทร คลังเพ็ชร์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 พิษณุโลก พรรคภราดรภาพ และนายทินกร แก้วกล้า ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 เชียงราย พรรค ปชป.  
ทั้งนี้ กรณีของนายกรุง ศรีวิไล และนายชาติชายนั้น หากศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามที่ กกต.เสนอภายในระยะเวลา 1 ปี นับจากวันเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 ก็ต้องคำนวณคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคการเมืองใหม่ แต่หากศาลฎีกามีคำพิพากษาหลังพ้นเวลา 1 ปีนับแต่วันเลือกตั้ง ก็ไม่ต้องคำนวณคะแนน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ใหม่.
    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"