'รู้จักไทย' จาก 'รอมแพง'


เพิ่มเพื่อน    

       

   ถึงยุค "หญิง" นำกระแส "ปลุกชาติ" แล้ว!

            พวก "ชาย" หายไปไหน?

          ไม่ได้หาย...........

          กำลังจ้างสื่อ-จ้างเว็บเป่าตูดให้เป็น "คนรุ่นใหม่" ในตลาดเลือกตั้ง จับกลุ่มลูกค้า

          "บ้าทักษิณ-ล้มสถาบัน"!

          ก็ปล่อยให้พวกเชื่อ "รวยแล้วไม่โกง" แห่กาลีแผ่นดินกันไป

          พวกนี้ จบเมืองนอก-เมืองนา เป็นพวกจานมหา'ลัยก็มี พวกชามข้าวหมาก็มี

          ทาสตำราฝรั่ง มีเมียฝรั่ง หอมเงินฝรั่ง จนลืม "นิทานอีสป" ที่เรียน ตอน ป.๔

          เรื่อง "นกกระสากับหมาจิ้งจอก"!

          คนเราน่ะ "แท้-เทียม" ในสังคม ดูไม่ยาก

          ศึกษาสูง-ศึกษาต่ำ ไม่ใช่คำตอบ ชาติสกุล-รวย-จน ก็ไม่ใช่คำตอบ

          ใช่ว่าใครมีเงินเป็นเศรษฐีแสนล้าน หรือ สถุลหมื่นล้าน แล้วจะสรุปเป็น "ของแท้"

          ได้ยินสำเนียง-เห็นกิริยา ก็ชัดแล้ว ป่วยการต้องให้บอกว่าเทียมหรือแท้ เพราะมันแค่

          "ตะกั่วทาสี"!

          คุยกันถึง "ผู้หญิง" ที่กำลังเป็น "เสาหลัก" ให้สังคมชาติตอนนี้ดีกว่า

          มีใครบ้าง ไม่ชื่นชม-เชิดชูใน "วีรอาจหาญ" ของ "ผู้หญิง" ในทางนำ ที่ผมจะเอ่ยชื่อต่อไปนี้

          -สองคุณป้าทุบรถ นี่ประเวศ

          -น้องแบม นิสิต มมส.ที่เปิดโปงโกงเงินคนจน

          และ ส่าสุด.........

          ที่กลั่นเลือดบรรพบุรุษคืนร่างไทยวันนี้ ที่ชื่อ "จันทร์ยวีร์ สมปรีดา"

          บอกแค่นี้ หลายคนอาจ...เอ๋อ!

          ต้องบอกว่า "จันทร์ยวีร์ สมปรีดา" คือ......

          "รอมแพง" ถึงจะ..อ๋อ

          ผู้เขียนนิยายอิงประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา ยุค "สมเด็จพระนารายณ์มหาราช"

          เรื่อง "บุพเพสันนิวาส" ที่จุดกระแสสังคม "วัฒนธรรมคืนยุค" ให้คนไทย "ทุกเพศ-ทุกวัย" ขณะนี้

          "ช่อง ๓" ทำเป็นละครลงจอเท่านั้น...........

          ทั่วบ้าน-ทั่วเมือง กระทั้ง "ต่างบ้าน-ต่างเมือง" กระหายใฝ่รู้-ใฝ่ศึกษา ขนบธรรมเนียม-ประเพณี ตามรอยประวัติศาสตร์ชาติไทย

          ปลุกตลาดกิน-ตลาดเที่ยว-ตลาดสินค้า และศิลปวัฒนธรรมไทย ลื่นไหล-ขายคล่องไปหมด

          ที่สำคัญ.......

          อาจทำให้คนไทยเรียนสูง-ใฝ่ต่ำ "บางคน" ที่เชิดฝรั่งเหยียดชาติตัวเอง ได้สำนึกในคุณแห่ง "เลือดไทย" ที่ให้กำเนิดมันบ้าง

          สมแล้วที่สาวนครศรีฯ คุณ "รอมแพง" จบคณะโบราณคดี ศิลปากร เอกประวัติศาสตร์ โทภาษาไทย

          "บุพเพสันนิวาส" ของเธอ สร้างคุณูปการให้สังคมชาติมากกว่าคำว่า "นิยาย-ละคร"

          มาถึงจุดนี้........

          เธอเป็นมากกว่า "ผู้เขียนนิยาย" หรือที่เรียก "นักประพันธ์"

          การที่เธอจำลองประวัติศาสตร์เมื่อหลายร้อยปี ให้กลับมา "มีชีวิต" โลดแล่นร่วมสมัย ใน พ.ศ.๒๕๖๑ นี้ได้

          ปลุกกระแสให้คนใคร่เรียน-ใคร่รู้ประวัติศาสตร์ อันเป็น "รากเหง้า" ตัวเอง

          ถึงขั้นแต่งกายย้อนยุค กินไทย พูดคำไทย ย้อนไปดื่มด่ำอดีตถึงอยุธยา วัดไชยวัฒนาราม ขนาดนี้

          เธอเป็นอะไรก็ช่าง..........

          แต่ต้องบอกว่า "รอมแพง...เธอแพงเหนือธรรมดาคำว่าแพง" จริงๆ!

          ควรที่ "กระทรวงวัฒนธรรม-กระทรวงการท่องเที่ยวฯ-กระทรวงศึกษาฯ"

          เชิญเธอมาใช้ "พรสร้าง+พรสวรรค์+พรศึกษา" จินตนาการเสกอักษร

          ปลุกคนไทย ให้ตื่น-ให้รัก-ให้ภาคภูมิ กระหายศึกษาประวัติศาสตร์ชาติตัวเอง

          ไม่ต้องมาก..........

          เอาแค่ "อย่าให้น้อยกว่า" ศึกษาประวัติศาสตร์ชาติอื่นก็พอ!

          ไหนๆ ก็พูดถึง "วีรสตรี" ผู้เป็นตัวนำที่ชื่อ "รอมแพง" แล้ว

          ก็บอกให้จบกระบวนความไปเลย ลืมได้..แต่พลาดไม่ได้

          ๒๒ มี.ค.นี้ เวลา ๑๓.๐๐-๑๕.๐๐ น.ที่ห้องเอกสารโบราณ ชั้น ๔ อาคาร ๒ สำนักหอสมุดแห่งชาติ  กรมศิลปากร ท่าวาสุกรี

          เขาจัดงาน "พูดคุยกับรอมแพง"...........

          จะแต่ง "ย้อนยุค-ล้ำยุค" ไปพบรอมแพง "ตัวเป็นๆ" ก็ไปกันได้ ไม่ต้องจอง ฟรี

          "ย้อนสู่ยุค" ตามคุณ "รอมแพง" กันแล้ว.......

          ขอน้อมนำบางส่วนในประวัติศาสตร์ยุค "สมเด็จพระนารายณ์มหาราช" ด้านศาสนามาเล่าสู่กันต่อ

          ไม่ได้เล่าเอง หากแต่คัดบางส่วนจาก "สถานการณ์พระพุทธศาสนาจากอินเดียสู่เอเชีย"

          ของท่านเจ้าคุณ ป.อ. ปยุตฺโต "สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์" ดังนี้

          ในสมัย "สมเด็จพระนารายณ์มหาราช"..........

          มีชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง เข้ามารับราชการอยู่ ได้เป็นนายพล ชื่อ "นายพล ฟอร์บังต์"

          ก็อยู่ในเมืองอยุธยา ต่อมากลับฝรั่งเศส ก็ไปเล่าให้ทางฝรั่งเศสฟัง แล้วเขาบันทึกไว้

          จะอ่านเรื่องการชวน "สมเด็จพระนารายณ์มหาราช" ให้หันเข้าหาศาสนาคริสต์ก่อน

          อันนี้ เป็นประชุมพงศาวดาร เอาบันทึก "พ่อค้าฝรั่งเศส" ก่อนจะถึง "บันทึกนายพล" ให้เห็นหลายๆ อย่าง

          นี้..."พ่อค้าฝรั่งเศส" เขียนว่า

            ถ้า "พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔" ได้ทรงชักชวนแล้ว "สมเด็จพระนารายณ์" ก็คงจะหันเข้าหาศาสนา "โรมันคาทอลิก" เป็นแน่ ถ้าการเป็นได้เช่นนี้จริงแล้ว จะเป็นพระเกียรติยศแก่ "พระเจ้าหลุยส์" สักเพียงไร  เพราะการที่พระองค์ได้ทรงจัดการศาสนาในพระราชอาณาเขตของพระองค์ ยังได้ทรงจัดการ "ทำลายศาสนา" อันไม่ดีในฝ่ายตะวันออก ซึ่งนับว่าเป็นประเทศที่เจริญที่สุดอยู่แล้ว”

          อันนี้ ก็หมายความว่า เขาเห็น "สมเด็จพระนารายณ์" ไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์ อุปถัมภ์ศาสนานักบวช บาทหลวงที่เข้ามาเผยแผ่ เลยเข้าใจผิด

          นึกว่า "ในหลวง" ทรงพร้อมแล้วที่จะไปนับถือศาสนาคริสต์ ก็เลยบอกให้ "พระเจ้าหลุยส์" ได้ทำพระราชสาส์นมาชวน

          ก็เพราะความใจดีของคนไทย จนกระทั่งเขา "เข้าใจผิด"

          อีกอันหนึ่ง ที่น่าสังเกตคือ.......

          เขามีความภูมิใจว่า ถ้าเขาไปไหนได้เอาศาสนาของเขาไปแล้ว เขาได้ทำลายศาสนาของที่นั่นด้วย เพราะเขาก็ถือว่าศาสนานั้นไม่ดี

          เพราะฉะนั้น เขาก็เขียนคุยไว้ในนี้ ว่า.......

            “ยังได้ทรงจัดการทำลายศาสนาอันไม่ดีในแผ่นดินภาคตะวันออก” คือเขาถือว่าไม่ดีไปหมด อันนี้ เป็นบันทึกของพ่อค้า

          ซึ่งต่อมา "พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔" ก็มีพระราชสาส์นมาเชิญชวน "สมเด็จพระนารายณ์มหาราช" ให้หันไปนับถือคริสต์อย่างที่ว่าจริงๆ

          ทุกท่านคงทราบว่า "สมเด็จพระนารายณ์" ทรงตอบว่าอย่างไร คำตอบก็ยาวอยู่ เอากันสั้นๆ ว่า

            พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งทุกอย่าง สร้างสิงสาราสัตว์ ทรงดลบันดาลได้ทุกอย่าง ถ้าหากพระเจ้าต้องการให้พระองค์เป็นคริสต์ พระองค์ก็จะบันดาลเอง

            เพราะฉะนั้น "พระเจ้าหลุยส์" ไม่ต้องมายุ่ง ก็ในเมื่อพระเจ้าทรงบันดาลได้ทุกอย่างอยู่แล้ว พระเจ้าก็บันดาล ถ้าพระองค์ต้องการ นี่แสดงว่า ยังไม่ทรงต้องการสิ จึงยังปล่อยให้พระองค์เป็นพุทธอยู่

          "สมเด็จพระนารายณ์มหาราช" ทรงมีพระปรีชาสามารถอย่างยิ่ง ในการตอบ "พระเจ้าหลุยส์" ก็เลยไม่รู้จะว่ายังไง บัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น

          นายพลฟอร์บังต์ เขียนไว้ว่า........

          "ที่ทำให้คริสตศาสนาแผ่ไพศาลไปได้ไม่เร็วนั้น ต้องโทษจริยาวัตรพระภิกษุสงฆ์ ที่มีความอดทนและเคร่งครัดมากที่สุด พระภิกษุสงฆ์เหล่านี้ ไม่เสพสุราเมรัย ฉันแต่ของคนใจบุญถวายเป็นวันๆ ไปเท่านั้น

          ของที่ได้มากเกินความจำเป็น ก็บริจาคให้คนจน ไม่เก็บไว้สำหรับวันรุ่งขึ้นเลย

          ตามปกติ ใจความพระธรรมเทศนานั้น แนะนำให้คนทำบุญ จึงทั่วพระราชอาณาจักรนั้น มีคนใจบุญมากมาย เพราะฉะนั้น เราจะไม่แลเห็นคนที่จน ถึงต้องขออาหารมารับประทาน ธรรมจรรยาของเขา(หมายถึงคนไทย) เลิศกว่าของเรามาก"

          นี่ นายพลฝรั่งเศส เขาเขียน.......

          "เขาหานับถือผู้สั่งสอนศาสนาของเราไม่ เพราะว่า ผู้สั่งสอนศาสนาไม่เคร่งครัดเท่ากับภิกษุสงฆ์

          เมื่อผู้สั่งสอนศาสนาของเราแสดงคริสตธรรม คนไทยซึ่งเป็นคนว่านอนสอนง่าย นั่งฟังธรรมปริยายนั้นเหมือนฟังคนเล่านิทานให้เด็กฟัง

          ความพอใจของเขานั้น ไม่ว่าจะสอนศาสนาใด ก็ชอบฟังทั้งนั้น"

          พระภิกษุสงฆ์ไม่เถียงเรื่องศาสนากับผู้หนึ่งผู้ใดเลย เมื่อมีคนยกคริสตศาสนา หรือศาสนาใดๆ มาพูดกับท่าน ท่านก็เห็นว่าดีทั้งนั้น

          ถ้ามีคนมาปรักปรำพระพุทธศาสนา ท่านก็ตอบอย่างเย็นใจว่า

          "เมื่ออาตมภาพเห็นว่าศาสนาของท่านเป็นศาสนาที่ดี เหตุอะไร ท่านจึงไม่เห็นว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ดีเหมือนกันเล่า"

          ครับ....ความละเอียดตอนนี้ หาอ่านได้ทั่วไป

          เพียงยกมาพอเป็นที่เจริญศรัทธาปสาทะในพระอัจฉริยภาพ "สมเด็จพระนารายณ์มหาราช"

          พระผู้ได้ชื่อว่า "พระมหากษัตริย์ไทย" ผู้เกริกไกรอีกพระองค์หนึ่ง

          ทรงสร้างอาณาจักรไทยกระเดื่องเกียรติกว้างไกลทั้งการค้า-การบริหาร-การปกครอง

          รู้จักกันไปทั่วโลก ณ ยุคนั้น

          นี่ก็เพราะบารมีบุพเพสันนิวาสของคุณ "รอมแพง" หรอก ถึงต้องย้อนยุคตามไปด้วย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"