ห่วงโหวตงบ63ล่ม! ‘ชวน’เตือนรัฐบาลปริ่มน้ำ/‘หน่อย’พลิ้วไม่เปิดคลิปดูดงูเห่า


เพิ่มเพื่อน    

 รัฐบาลสะดุ้ง! "ชวน" ลั่นหาก พ.ร.บ.งบฯ ปี 63 ไม่ผ่านคงพอนึกออกจะมีอะไรเกิดขึ้น เผยกำหนดวันอภิปรายไว้ 2 วัน ถ้าไม่เสร็จก็ต่อไป "หญิงหน่อย" พลิ้วไม่กล้าเปิดคลิปเสียงดูด ส.ส. อ้างไม่ต้องการบลัฟใคร แต่หวังเอามาดำเนินคดีทางกฎหมาย "ป้อม" ท้าอีกรอบ ไหนล่ะเปิดหรือเปล่า "สิระ" ซัดจินตนาการ ชี้ ส.ส.ย้ายพรรคเท่ากับสิ้นสภาพ จึงไม่มีใครโง่ "ธนาธร" ปูดกระแสยุบ อนค.ต้องการดูด ส.ส.แก้เสียงปริ่มน้ำ ม็อบประท้วงหน้าโรงแรมที่พัก "บิ๊กตู่" ในนิวยอร์ก โป๊ะแตก! ที่แท้เป็นชาวเม็กซิโก-เปรู พูดไทยไม่ได้ ไม่รู้จักประเทศไทย "ประวิตร" เชื่อต้องมีเบื้องหลัง"

    ที่รัฐสภา เกียกกาย วันที่ 25 กันยายน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่ฝ่ายค้านขอเวลา 5 วันในการอภิปราย ว่าสภากำหนดวันอภิปรายไว้ 2 วัน ถ้าไม่เสร็จก็ต่อแบบญัตติเรื่องอื่น โดยจะไม่มีการกำหนดไว้ล่วงหน้าว่าให้อภิปราย 6 วันหรือ 7 วัน ดังนั้นเรื่องเวลาไม่น่ามีปัญหา ขออย่างเดียวคือไม่อภิปรายซ้ำซาก ไม่วนเวียน สมาชิกสามารถพูดได้เต็มที่ แต่ต้องไม่เหมาเวลาทั้งหมด ต้องแบ่งให้คนอื่นอภิปรายด้วย
    นายชวนกล่าวว่า ที่ผ่านมาสมาชิกก็ร่วมมือดีขึ้น เพราะเขารู้แล้วว่าบางเรื่องไม่ควรจะช้าอย่างนั้น และเราไม่เสียเวลากับเรื่องบางเรื่อง เช่น เรื่องเผื่อทราบใช้เวลาไปค่อนวัน หรือกระทู้ถามในพื้นที่ ซึ่งทุกเรื่องสำคัญ ครอบคุลมปัญหาของประเทศทั้งหมด จึงได้บอกทุกฝ่ายว่าต้องมาทบทวนเรื่องนี้ เช่น กลุ่มเรื่องน้ำ มีทั้งหมดกี่ญัตติ ก็เอามาพิจารณาเลยว่าให้เวลากี่ชั่วโมง แล้วทำให้เสร็จภายในเวลานั้น เพื่อญัตติสำคัญอื่นจะได้ผ่านไปด้วย ดังนั้นเปิดสมัยประชุมมาก็จะเชิญทุกฝ่ายมาหารือว่าญัตติแต่ละญัตติเมื่อรวมกลุ่มแล้วจะใช้เวลาพิจารณาเท่าไหร่
    เมื่อถามว่า เสียงทั้ง 2 ฝ่ายใกล้เคียงกัน การลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ วาระแรกจะกระทบหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า ตนตอบแทนไม่ได้ ฝ่ายผู้ที่เสนอและฝ่ายผู้ค้านต้องพิจารณาเอง
    "มีผลไม่ผ่านและต้องถามไปดูว่าถ้าไม่ผ่านจะเป็นอย่างไร และคงพอจะนึกออกว่าถ้าไม่ผ่านจะมีอะไรเกิดขึ้น" นายชวนกล่าวเมื่อถามว่าถ้าไม่ผ่านวาระแรกจะมีผลอย่างไร  
    คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ท้าให้เปิดคลิปหลักฐานการดูด ส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้ไปร่วมกับฝั่งรัฐบาลว่า เรื่องนี้เกิดจากการปล่อยข่าวจากฝั่งรัฐบาล ในสมัยประชุมหน้าจะมี ส.ส.ย้ายพรรคไปกว่า 20 คน ส่วนตัวพอทราบถึงกระแสข่าวนี้ จึงได้ตอบกับสื่อมวลชนไป โดยไม่ได้ระบุถึงชื่อบุคคลใด แต่ตนยืนยันว่ากรณีเชิญชวน ส.ส.ภายในพรรคเพื่อไทยมีจริง เพราะมี ส.ส.ของพรรคเล่าให้ผู้บริหารพรรคในสภาฟัง มีการนัดบรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทยไปที่โรงแรมในละแวกสภา และในช่วงบ่ายก็มีความพยายามนัดอีกครั้ง ซึ่งมีการพูดจูงใจ ให้มีการย้ายข้าง เพื่อรองรับในการพิจารณางบประมาณ และการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ 
     คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวต่อว่า ในส่วนของคลิปเสียงและไลน์ที่เป็นหลักฐาน เราได้รวบรวมให้กับฝ่ายกฎหมายดำเนินการ เราไม่ได้ต้องมาบลัฟทางการเมือง เพราะวันที่ให้สัมภาษณ์ไปครั้งแรกก็ไม่ได้บลัฟใคร ดังนั้นไม่ต้องการบลัฟใคร แต่หวังจะเอามาดำเนินคดีทางกฎหมาย
     “วันนั้นไม่ได้เอ่ยชื่อใคร แต่วันนี้มีผู้มากบารมีมารับว่าเหมือนเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง และยินดีอ้าแขนรับถามว่าสังคมไทยจะปล่อยให้เปรียบเสมือนว่าการไปขโมยของเพื่อนเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ยิ่งเป็นผู้มีอำนาจ พรรคการเมือง ต้องแสดงตัวให้เป็นแบบอย่าง ไม่ใช่ออกมายอมรับหน้าชื่นตาบานว่าใช่ มันเกิดขึ้นและยินดีต้อนรับ มันเป็นสิ่งไม่ถูก อยากถามถึงสำนึกจริยธรรม คุณธรรม สำนึกต่อการเป็นผู้นำทางการเมืองมีหรือไม่ กติกาเขียนเองทุกอย่าง ก็ยังจัดตั้งรัฐบาลได้แค่เสียงปริ่มน้ำ” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
ซัด"หน่อย"จินตนาการ
    เมื่อถามว่า หากพรรคเร่งดำเนินทางกฎหมายได้เร็ว จะช่วยสกัดงูเห่าออกไปก่อนพิจารณางบประมาณ คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ความพยายามวันนี้ขึ้นอยู่กับสำนึกผู้มีอำนาจ สังคมต้องพิจารณาเรื่องเหล่านี้ เหมือนบ้านเราติดกัน เพื่อนบ้านจ้องจะขโมยของตลอดเวลา เราก็พยายามกันของเราเต็มที่ แต่ถ้าเพื่อนบ้านบอกว่าเธออย่าเผลอแล้วกัน เผลอเมื่อไหร่ฉันจะขโมยของเธอแน่นอน แล้วมาบอกว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องกับสังคม สังคมต้องพิจารณาว่ามันใช่หรือไม่
    ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กล่าวถึงกรณีที่ท้าให้คุณหญิงสุดารัตน์เปิดคลิปที่อ้างว่าพรรคพลังประชารัฐไปดูด ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยว่า “ไหนล่ะ มีเปล่า และเขาเปิดเปล่า”
     เมื่อถามว่า แล้วคิดว่าคุณหญิงสุดารัตน์มีคลิปหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า ไม่รู้ เมื่อถามย้ำว่ามีคนในพรรค พปชร.ไปทำแบบนั้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตรส่ายหน้าพร้อมระบุว่า “ไม่มีหรอก”
    นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับการดีลงูเห่ามาสนับสนุนรัฐบาล เป็นเรื่องที่ พล.อ.ประวิตรรับผิดชอบโดยตรง โดยยืนยันว่าประธานยุทธศาสตร์ พปชร. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องดังกล่าวทั้งทางตรงและทางอ้อม เนื่องจากทราบเป็นอย่างดีว่าการทำเช่นนั้นสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย ดังนั้น การที่ ร.อ.ธรรมนัสออกมาพูดเช่นนั้น อาจเกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน 
    "เพราะการที่ พล.อ.ประวิตรเข้ามาดูแลยุทธศาสตร์พรรค พปชร.เพื่อดูแลในเรื่องการเลือกตั้ง และทำให้พรรคแข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพในการทำงานให้ประชาชน ซึ่งเรารู้ว่าจะทำอย่างไรให้พรรคร่วมรัฐบาลสามารถโหวตให้มีเสียงเกิน 245 ได้ เมื่อนั้นก็เชื่อว่าทุกญัตติรัฐบาลจะชนะ การเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำจึงไม่เป็นประเด็น" นายวิรัชกล่าว
    นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรค พปชร. ท้าให้คุณญิงสุดารัตน์เปิดคลิป โดยกล่าวว่า คำพูดของคุณหญิงสุดารัตน์สร้างประเด็นทางการเมืองจากจินตนาการที่ไม่สามารถเป็นจริงได้ เนื่องจาก ส.ส.จะย้ายสังกัดไม่ได้ หากลาออกก็เท่ากับสิ้นสภาพความเป็น ส.ส.ทันที จึงไม่มีใครโง่ที่จะทำเช่นนั้น แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยยังเล่นการเมืองแบบไม่ยึดกติกา จ้องเล่นไม่เลิกโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศชาติ หวังเพียงล้มอำนาจเพื่อเข้าหาอำนาจ ก็อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ ส.ส.ในพรรคเพื่อไทยหันมาสนับสนุนพรรครัฐบาลได้ ซึ่งไม่ถือว่าขัดอุดมการณ์ เพราะเมื่อพรรคเพื่อไทยไม่ได้ทำเพื่อประชาชน ส.ส.มีสิทธิที่จะสวนมติพรรคได้
    "หากวันนั้นมาถึงจริงๆ ก็ขอให้พรรคเพื่อไทยใช้มติไม่น้อยกว่าสามในสี่ขับ ส.ส.ที่ทำเพื่อชาติ ไม่ยอมผสมโรงเล่นการเมืองน้ำเน่าร่วมกับเพื่อไทยออก พวกเขาจะได้มีอิสระย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นได้ภายใน 30 วัน โดยไม่ถูกขังกรงอยู่กับความคับแคบที่มุ่งล้มรัฐบาลเพื่อเข้าอำนาจ โดยที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งจากเจ๊ที่ไม่ได้เป็น ส.ส. และผมอาสาที่จะเป็นสะพานเชื่อมให้คนเหล่านี้เข้ามาทำประโยชน์ทางการเมืองในนามของพรรคพลังประชารัฐ" นายสิระกล่าว
เตรียมลุยเลือกตั้งซ่อม
     คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมที่จะส่ง ส.ส.พรรคเพื่อไทยลงเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ จ.นครปฐม และที่พื้นที่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ใบเหลืองและใบดำว่า ขณะนี้หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคกำลังดำเนินการอยู่ ส่วนกรณีที่ กกต.ให้ใบเหลืองและใบดำ ถ้าศาลฎีกาจะตัดสินให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี จะกระทบกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เนื่องจากจะต้องมีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่นั้น การทำแบบนี้มาจากกติกาที่พิกลพิการ ไม่ใช่ปัญหาของฝ่ายค้านอย่างเดียว แต่เป็นปัญหาของฝ่ายรัฐบาลด้วย 
    "กติกาที่มีการเขียนแบบนี้ ก็จะได้รัฐบาลที่พิกลพิการแบบนี้ ต้องคอยฉกชิงวิ่งราวกันแบบนี้ ซึ่งสิ่งที่ดีที่สุดคือการแก้ที่ต้นตอ เราต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการแก้ควรจะเป็นเสียงของประชาชนในการแก้ ไม่ใช่การชี้นำจากฝ่ายใด แต่ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในทุกส่วนและมาจากประชาชนจริงๆ" คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
     รายงานข่าวจากพรรค พปชร.แจ้งว่า สำหรับการเตรียมความพร้อมและพิจารณาบุคคลเพื่อส่งลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครปฐม เขต 5 แทนนางจุมพิตา จันทรขจร จากพรรคอนาคตใหม่ ที่ยื่นลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. ในเบื้องต้นจากการหารือในที่ประชุมพรรค พปชร.เห็นว่าควรส่งผู้สมัคร ส.ส.คนเดิม คือ นายระวัง เนตรโพธิ์แก้ว โดยจะพิจารณาความพร้อมต่างๆ ก่อนสรุปความชัดเจนอีกครั้งเมื่อมีพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งออกมาแล้ว 
    ด้าน พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงการส่งผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค พปชร.ลงรับเลือกตั้งซ่อมในเขต 5 จ.นครปฐม เพื่อเก็บคะแนนไว้สำหรับการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อว่า ขอดูก่อน ยังไม่ได้ดูเลย ยังไม่รู้ว่าเขาจะสมัครหรือเปล่า
     เมื่อถามถึงกรณี กกต.ให้ใบเหลืองนายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.เขต 5 สุมทรปราการ พรรค พปชร. เนื่องจากบุคคลใกล้ชิดใส่ซองงานศพ ซึ่งผิดกฎหมาย จะกระทบต่อพรรคหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่กระทบ เดี๋ยวก็ให้เขาลงใหม่ และคงยังไม่กระทบไปถึงการคำนวณคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ
    เมื่อถามว่า จะต้องย้ำกับ ส.ส.ในพรรคหรือไม่ว่าหากดำเนินการเช่นนี้อาจเข้าข่ายเช่นเดียวกับกรณีดังกล่าว พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เขารู้อยู่แล้ว ผู้สมัครเขาต้องรู้อยู่แล้ว เขาให้การดูแลประชาชนอย่างดี อาจไม่ได้มีเจตนาอะไรอย่างนั้น แต่ไม่เป็นไร เลือกตั้งใหม่
    ส่วนนายกรุงศรีวิไลกล่าวถึงกรณี กกต.มีมติแจกใบเหลืองเนื่องจากคนใกล้ชิดใส่ซองงานศพว่า ตนช่วยงานชาวบ้านแบบนี้มา 9 ปีแล้ว ไปทุกงาน และตอนที่มีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ออกมา ซึ่งกำหนดว่าห้ามให้เงินหรือมอบสิ่งของก็หยุด แต่คนที่ร้องเรียนไปนำภาพเก่าในช่วงก่อนนั้นมาร้องเรียนในช่วงที่กำลังหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งได้ชี้แจงกับ กกต.ไปแล้ว ส่วนที่มีรูปตนอยู่ในซองนั้น ก็เพราะคนที่ไปมอบเป็นลูกน้องตน ซึ่งไปทำหน้าที่แทน เพราะตนติดอยู่อีกงาน เขาจึงถ่ายรูปส่งกลับมารายงานว่าได้ปฏิบัติหน้าที่แทนแล้ว ไม่มีนัยอะไร เพราะไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างมี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. รวมทั้งพร้อมจะต่อสู้ในชั้นศาล ตอนนี้ยังปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ตามปกติอยู่ ยกเว้นศาลจะมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ 
    "ไม่ได้มีความเครียดใดๆ เพราะเคยผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้ว และหากมีการเลือกตั้งซ่อมก็มีความพร้อม และมีความมั่นใจ เพราะทำพื้นที่มานานกว่า 10 ปี ไปถามชาวบ้านได้ว่ากรุงศรีวิไลเป็นอย่างไร ผมอยู่ในที่สว่าง ไม่เคยกอบโกยหรือหาผลประโยชน์ ทุกวันนี้เหนื่อยสายตัวแทบขาด เงินทองไม่เหลือ ทำทุกอย่างเพื่อพี่น้องประชาชน ดังนั้นมันฝังรากลึกในใจคนแล้ว” นายกรุงศรีวิไลกล่าว
"ชลิตรัตน์"ทิ้งชพน.
    มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา นายชนภัทท์ จันทรุเบกษา อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. ปัจจุบันเป็นรองโฆษกพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) บุตรชายนายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการพรรค ชพน. ได้เดินทางไปยัง กกต. เพื่อยื่นใบลาออกของตนเองและบิดาจากพรรค ชพน. ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลพบรายชื่อที่ลาออกจากพรรค ชทพ. มีสมาชิกอีกกว่า 10 คน อาทิ นายกริชชัย อรุณวงศ์ ณ อยุธยา, นายสุทธิโรจน์ เจริญผล กก.บริหารพรรค, นายยศพงษ์ นาทันรีบ เหรัญญิกพรรค และคาดว่าจะสมาชิกพรรคที่นายชลิตรัตน์ ดูแลอยู่ทั้งใน กทม., กาญจนบุรี และร้อยเอ็ด จะทยอยลาออกด้วยเช่นกัน
    รายงานข่าวแจ้งว่า นายชลิตรัตน์และนายชนภัทท์ให้เหตุผลการลาออกกับทางพรรคว่า ต้องการออกไปโฟกัสเรื่องของธุรกิจสถาบันฝึกอบรมด้านการบินไทย เอวิเอชั่น หรือไทย เอวิเอชั่น อะคาเดมี่ โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าก่อนหน้านี้ นายชลิตรัตน์ และนายชนภัทท์ บุตรชาย ยังได้เข้าไปในทำเนียบรัฐบาลและช่วยงานนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และได้ช่วยสอนงานให้วิว-เยาวภา บุรพลชัย คณะทำงาน และโฆษกพรรค ชทพ.บ่อยครั้ง แต่ทำไมถึงจึงลาออกจากพรรคอย่างฉุกละหุก อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวไม่ได้ระบุว่านายชลิตรัตน์และทีมงานจะย้ายไปช่วยงานพรรคอื่นหรือไม่
    ขณะที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงการเดินหน้าจัดเวทีรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญของ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านว่า จากการเดินสาย 3 ภูมิภาค รู้สึกตกใจจากเสียงตอบรับที่ประชาชนมีความตื่นตัวมาก และเห็นว่าประชาชนมีความเข้าใจเรื่องรัฐธรรมนูญ จริงอยู่อาจจะไม่เข้าใจเรื่องรายละเอียดรายมาตราแบบนักกฎหมาย แต่โดยภาพรวมประชาชนเข้าใจว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่เป็นธรรม ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจ อยากให้ประชาชนจับตาว่าการศึกษาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ พรรคการเมืองใด และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ของสังคมไทย รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด กฎหมายสูงสุดไม่เป็นธรรม สังคมจะเดินต่อไปไม่ได้และเชื่อว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นระเบิดเวลา เพราะไม่เป็นธรรม เอื้ออำนาจให้กับคนเพียงกลุ่มเดียว หากไม่แก้ไขจะทำให้เกิดความวุ่นวาย จึงอยากให้ประชาชนช่วยกันตรวจสอบการทำหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ว่าจะมีใครไม่สนับสนุนให้ตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่
    นายธนาธรกล่าวถึงการที่พรรคร่วมรัฐบาลให้ความสนใจที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่พรรคร่วมรัฐบาล องค์กร หรือประชาชน ออกมาพูดถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาของรัฐธรรมนูญ แต่สิ่งที่ตนเองกลัวคือจะเป็นการไฮแจ็ก ประเด็นจากเดิมพรรคฝ่ายค้านเรียกร้องให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญนำไปสู่การเกิด ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งพรรคฝ่ายรัฐบาลจะหยิบยกเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ที่เป็นปัญหาหรืออุปสรรคกับรัฐบาล จากรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นมาเอง จึงพยายามเข้ามาแก้ไข ซึ่งเป้าหมายที่แท้จริงไม่ต้องการคืนอำนาจให้กับประชาชน
    นายธนาธรกล่าวถึงอนาคตทางการเมืองที่ขณะนี้มีหลายคดีอยู่ในการพิจารณาของศาลว่า ยังคงมั่นใจและยืนยันในความถูกต้อง ความบริสุทธิ์ของตนเองและแกนนำพรรค อนค. ไม่ว่าจะเป็นคดีการถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ก็มั่นใจมากว่าไม่มีหลักฐานอื่นใดมาหักล้างหลักฐานที่ตนเองได้แสดงไปแล้ว เช่นเดียวกับกรณีการปล่อยเงินกู้ให้กับพรรคอนาคตใหม่ 191 ล้านบาทนั้น ย้ำว่าเงินกู้เป็นหนี้สินไม่ใช่รายได้ ไม่มีกฎหมายข้อใดห้ามไม่ให้พรรคการเมืองกู้เงิน คิดว่ากระแสข่าวเรื่องการจะยุบพรรคอนาคตใหม่ เป็นความต้องการที่จะดึง ส.ส.ของพรรคและพยายามที่จะรอซื้องูเห่าจากพรรค อนค. เชื่อว่านี่คือเป้าหมายสำคัญ เพราะรัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำ และ ส.ส.ทุกคนมีค่าตัว พอมีกระแสข่าวว่าจะยุบพรรค อนค. ก็จะเกิดการล่อซื้อ ส.ส.พรรค อนค.ได้ง่ายขึ้น
    "ช่วงปิดสมัยประชุมฝ่ายรัฐบาลจึงมีความจำเป็นที่จะทำอะไรบางอย่าง เพื่อเปลี่ยน หรือเพิ่มสมการในสภาผู้แทนราษฎรให้มากขึ้น แต่อย่าลืมว่าการเลือกตั้งซ่อม 2 เขต คือเขต 5 จ.นครปฐม และเขต 2 จ.กำแพงเพชร อาจจะเปลี่ยนดุลสมการได้ถ้าประชาชนเลือกฝ่ายประชาธิปไตยเข้าไปทำงานในสภา ดังนั้นเสียงของประชาชนในเขตที่มีการเลือกตั้งซ่อมอาจจะเปลี่ยนประเทศไทยได้” นายธนาธรกล่าว
ม็อบรับจ้างประท้วง "ลุงตู่"
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ที่หน้าโรงแรมพลาซ่า แอทธินี ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสถานที่พักของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมคณะผู้แทนไทย ระหว่างเดินทางเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 74 ได้มีกลุ่มผู้ประท้วงซึ่งใช้ชื่อว่า ThaiDemocracy Now ประมาณ 25-30 คน ใส่เสื้อหลากสีลายธงชาติไทย พร้อมมีชื่อกลุ่มสกรีนที่เสื้อ มาถือป้ายประท้วงเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งที่เป็นธรรมและยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่ด้านข้างของโรงแรม
    อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ประท้วงได้เดินทางมาถึงโรงแรมเมื่อเวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น แต่ พล.อ.ประยุทธ์และคณะได้เดินทางไปประชุมที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติตั้งแต่ 07.30 น.แล้ว จึงไม่ได้พบกับกลุ่มผู้ประท้วงแต่อย่างใด
    เมื่อผู้สื่อข่าวได้เข้าไปพูดคุยสอบถามกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงทั้งหมด พบว่าไม่มีคนไทยและพูดไทยไม่ได้ โดยคนกลุ่มนี้ระบุมาจากประเทศเม็กซิโกและเปรู มาเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่ารู้จักประเทศไทยหรือไม่ กลุ่มผู้ชุมนุมบอกว่า ไม่รู้จัก
    พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ได้รับทราบแล้วว่ากลุ่มดังกล่าวไม่ใช่คนไทย แต่ใครทำอะไรก็รู้อยู่ เมื่อถามว่าเรื่องดังกล่าวมีใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า "ต้องมีสิ ต้องมีอยู่แล้ว" เมื่อถามย้ำว่า เป็นคนกลุ่มเดิมหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้เหมือนกัน เพราะยังไม่ได้ทราบรายละเอียด รู้เพียงแต่ว่าไม่ใช่คนไทย
    ถามว่าประเมินหรือไม่ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มม็อบดังกล่าวเป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวในต่างประเทศ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า พูดไม่ได้ว่าอยู่ที่ไหน เพราะยังไม่รู้ว่าเป็นใคร จะไปพูดเพ้อเจ้อได้อย่างไร
    ต่อข้อถามว่า ฝ่ายความมั่นคงได้หาข่าวของกลุ่มเสื้อแดงในสหรัฐที่เคลื่อนไหวก่อนหน้านั้นมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มที่มาประท้วงนายกฯ หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เราหาข่าวอยู่ตลอดว่าเขาจะเคลื่อนไหวต่อต้านนายกฯ แต่ยังไม่รู้ว่าเชื่อมโยงหรือไม่ ส่วนจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ใช่คนไทย แต่มาอย่างไรไม่รู้ และการแสดงออกจะมีนัยอะไร ตนไม่ทราบ    
      ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า กรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ไปรับรางวัลและกล่าวปาฐกถาที่องค์กรสหประชาชาติ เกี่ยวกับโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคที่ทั่วโลกยอมรับ ในความเป็นจริงตลอดหลายปีที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ไม่ให้ความสำคัญกับโครงการนี้ รวมทั้งมองว่าเป็นภาระงบประมาณ มีความพยายามที่จะให้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเหมาจ่ายเป็นการให้ประชาชนร่วมจ่ายเงินหรือเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมจากประชาชนที่มาใช้สิทธิ์ในการรักษาตามโครงการ หลายปีที่ผ่านมารัฐบาลหาทางยกเลิกโครงการดังกล่าว เพราะเป็นนโยบายของพรรคการเมืองที่ฝ่ายผู้มีอำนาจพยายามกำจัดมาตลอด แต่ประชาชนไม่ยอมให้รัฐบาลยกเลิกโครงการรัฐบาลจึงฝืนใจที่จะต้องดำเนินโครงการต่อ
         "นโยบายเดิมยึดประชาชนเป็นหลักอุดหนุนประชาชนเป็นรายหัว แต่ล่าสุดเอาโรคเป็นปัจจัยหลัก ยิ่งโรคเยอะได้เงินเยอะ ที่ไหนป่วยเยอะก็ได้เงินเยอะ ผิดวัตถุประสงค์ของโครงการ กรณี พล.อ.ประยุทธ์ไปรับรางวัล เป็นสิ่งที่ย้อนแย้งในตัวเอง เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ยอมรับโครงการนี้ การพูดในเวทียูเอ็นก็เป็นการพูดที่ไม่รู้จริง ไม่รู้ปรัชญาที่แท้จริงของโครงการ เมื่อใดที่พรรคเพื่อไทยมีอำนาจในการบริหารประเทศ จะต่อยอดและพัฒนาโครงการเพื่อคนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษา รวมทั้งมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น" นพ.ชลน่านกล่าว.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"