โยนศาลรธน.ชี้สถานะส.ส.นวัธ


เพิ่มเพื่อน    

 ทีมกฎหมายสภามีมติ 11 ต่อ 4 เสียง "นวัธ" พ้นจากสถานะส.ส. แต่ถ้าให้ชัดต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ "วิษณุ" ทุบโต๊ะพ้นแล้วไม่ต้องรอคำพิพากษาถึงที่สุด "เจ๊หน่อย" เจ็บคอ! ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย "สมชาย" ยกเป็นเครดิตให้รัฐธรรมนูญที่ยกระดับมาตรฐาน ส.ส.-ส.ว.มากกว่า รธน.ฉบับก่อนๆ 

    เมื่อวันพุธ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสมาชิกภาพของนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย หลังศาลพิพากษาประหารชีวิตและถูกส่งตัวเข้าเรือนจำว่า กรณีของนายนวัธยังมีความเห็นขัดแย้งกันอยู่ ซึ่งเช้าวันนี้ตนได้มอบหมายให้ทางเลขาธิการสภาฯ ประชุมฝ่ายกฎหมาย เพราะความเห็นของผู้ร่างรัฐธรรมนูญเห็นว่านายนวัธหมดสมาชิกภาพ แต่ความเห็นอีกฝ่ายก็เห็นว่าคดีของนายนวัธยังไม่ถึงที่สุด แต่ทางสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็เร่งมาว่าให้ส่งเรื่องนี้ไป เพื่อให้มีการดำเนินการจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 วัน 
    "ผมจึงได้บอกกับทางเลขาธิการสภาฯ ว่าขอให้ทางฝ่ายกฎหมายรีบจัดการและศึกษาเรื่องนี้ให้ถ่องแท้ โดยคาดว่าจะมีการรายงานมายังผม เพราะฉะนั้นผมเห็นว่าอย่าเพิ่งไปรีบวินิจฉัยด้วยตนเอง เพราะความเห็นยังไม่ลงตัว" ประธานสภาผู้แทนฯ กล่าว
    ต่อมา นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เผยว่าการประชุมทีมกฎหมายสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 15 คน เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว มีความเห็นเป็น 2 ฝ่ายคือ เสียงข้างมาก 11 เสียงเห็นว่าต้องพ้นจากสถานะ ส.ส. ส่วนเสียงข้างน้อยอีก 4 เสียงเห็นว่ายังไม่พ้นสถานะเป็น ส.ส. แต่สิ่งที่ทุกเสียงเห็นตรงกันคือ สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรไม่มีอำนาจหน้าที่ในการชี้ขาดเรื่องการสิ้นสุดสถานะ ส.ส. แต่เป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญในการวินิจฉัย เพราะไม่มีข้อกฎหมายใดระบุให้สภาเป็นผู้ชี้ขาดเรื่องสถานะ ส.ส. โดยช่องทางที่จะส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้คือ การให้ ส.ส.หรือ ส.ว.จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10  ของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา เข้าชื่อร้องต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรค 1 หรืออีกช่องทางคือ หาก กกต.มีข้อสงสัยเรื่องการสิ้นสภาพสถานะ ส.ส. สามารถยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ ดังนั้นจะนำข้อสรุปของทีมกฎหมายรายงานให้นายชวนทราบในวันที่ 26 ก.ย.ต่อไป
    ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ตรงไปตรงมาตามรัฐธรรมนูญ เมื่อมีคำพิพากษาว่ามีความผิดอาญา แม้จะรอการลงโทษก็ไม่ได้ และไม่จำเป็นต้องให้คำพิพากษาถึงที่สุด
    ผู้สื่อข่าวถามว่า แม้คดีนี้นายนวัธยังสามารถอุทธรณ์และฎีกาได้ ความเป็นสมาชิกภาพ ส.ส.ก็ขาดไปแล้วใช่หรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่า ใช่  
    เมื่อถามว่า หากศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกากลับคำพิพากษา จะส่งผลอะไรหรือไม่ นายวิษณุชี้แจงว่า เมื่อพ้นก็พ้นไป และน่าจะไม่ได้คืนสถานะ ส.ส.กลับมาอีก และมองว่าหากเกิดกรณีเช่นนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องเยียวยา
    ถามว่า กกต.สามารถจัดการเลือกตั้งซ่อมได้เลยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า กกต.ต้องแจ้งมาที่รัฐบาลเพื่อดำเนินการจัดการเลือกตั้งในเขตดังกล่าว ส่วนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ในหลายเขตต่อจากนี้ ไม่จำเป็นต้องจัดขึ้นพร้อมกัน เพราะเริ่มนับหนึ่งไม่เหมือนกัน
    พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยังคงสงวนท่าที โดยบอกว่าไม่รู้ว่าเขาจะสิ้นสภาพการเป็น ส.ส.แล้วหรือไม่ เพราะยังตีความกันคนละอย่าง เดี๋ยวจะต้องมาดูว่าตกลงว่าอย่างไร เมื่อถามว่าถ้าหากในเขต 7 จ.ขอนแก่น จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ จะส่งผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค พปชร.คนเดิมหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “อย่าไปใช้ถ้า อย่ามาถามถ้า ไม่เอาถ้า”
        ที่พรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวเพียงว่า ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย
    นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ให้ความเห็นว่า รัฐธรรมนูญ 2560 ฉบับนี้ ได้ยกมาตรฐานของ ส.ส.และ ส.ว.ให้สูงขึ้นกว่าเดิมจากรัฐธรรมนูญ 2540, 2550 เสียอีก แม้คำพิพากษาของศาลยังไม่ถึงที่สุดตามมาตรา 101 (13) ก็จริง แต่เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้ประหารชีวิต โดยไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ และต้องคุมขังในเรือนจำตามหมายขังของศาล จึงเข้าการต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ตามมาตรา 98 (6) ทันที และเมื่อต้องห้ามตามมาตรา 98 (6) แล้ว สรุปได้ว่าการเป็น ส.ส.ของนายนวัธต้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (6)
    ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น นายอภินันท์ จันทร์อุปละ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดขอนแก่น เตรียมเดินทางมาที่ศาลจังหวัดขอนแก่น เพื่อมาขอคัดเอกสารคำพิพากษา หลังจากที่ศาลชั้นต้นได้มีการพิพากษาประหารชีวิตนายนวัธ เพื่อที่จะนำเอกสารคำพิพากษาส่งไปยังสภาพผู้แทนราษฎร และที่ กกต.กลาง ก่อนที่จะให้ทางประธานสภาฯ ต่อไป
    ขณะที่เมื่อกลางดึกคืนวันอังคารที่ผ่านมา ได้มีการคุมตัวนายนวัธ ออกจากทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น ไปยังเรือนจำกลางขอนแก่น เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาคดีโทษหนัก จึงทำให้ต้องมีการย้ายที่คุมขัง โดยเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางได้นำตัวไปคุมขังในแดนแรกรับ พบว่านายนวัธ มีหน้าตาที่บ่งบอกถึงอาการเครียดหลังจากที่ไม่ได้ประกันตัว โดยเจ้าหน้าที่ได้คอยดูแลอย่างใกล้ชิด
    นายสมมาตย์ สุราช ผบ.เรือนจำกลางขอนแก่น กล่าวว่า การส่งตัวนายนวัธจากทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่นมาที่เรือนจำกลางขอนแก่นนั้น เป็นระเบียบของกรมราชทัณฑ์ เนื่องจากผู้ต้องขังถูกศาลตัดสินประหารชีวิต ซึ่งทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่นนั้นเป็นการคุมขังในอัตราโทษไม่เกิน 10 ปี ขณะที่เรือนจำกลางขอนแก่นเป็นการคุมขังผู้ต้องขังในอัตราโทษไม่เกิน 30 ปี ดังนั้นการส่งตัวมานั้นเป็นไปตามระเบียบทั้งหมด ซึ่งในการเข้าเยี่ยมหรือดำเนินการใดๆ นั้น ก็สามารถทำได้ตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์
    ในส่วนความเคลื่อนไหวของทางทนายความของนายนวัธ ที่จะมายื่นเรื่องขอประกันตัว ขณะนี้ยังไม่พบว่าเดินทางมาที่ศาลจังหวัดขอนแก่น
    พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ซักประวัติ ตรวจร่างกายและตรวจสุขภาพ พบว่านายนวัธสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัว แต่มีอาการเครียด วิตกกังวล ซึ่งเป็นเรื่องปกติของผู้ต้องขังแรกเข้า อาจต้องให้เวลาปรับตัว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"