ชวนทุบโต๊ะถกงบ2วันพอ ‘ฝ่ายค้าน’อัดมุ่งแต่มั่นคง


เพิ่มเพื่อน    

 "ชวน" ย้อนฝ่ายค้านสมัยเป็นรัฐบาลถก พ.ร.บ.งบฯ แค่ 1-2 วัน กรีด 5 วันอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว "บิ๊กป้อม" แจงงบกลาโหมเพิ่มตามสัดส่วนไม่มากเกินไป ล้อแผนพัฒนากองทัพ ฝ่ายค้านขย่มงบ 63 ไม่เหลียวแลกระตุ้นเศรษฐกิจ มุ่งด้านมั่นคง-กระทรวงคนใกล้ชิดนายกฯ 5 ปีมีแต่วาทกรรมขายฝัน คนจนพุ่ง-ประเทศย่ำแย่

    เมื่อวันที่ 27 กันยายน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้เวลาอภิปราย 5 วันว่า ที่ผ่านมาสมัยที่ฝ่ายค้านเป็นรัฐบาล ในวาระแรกที่รับหลักการก็ใช้เวลาอภิปราย 1-2 วันเท่านั้น แต่พอถึงวาระที่ 2 ทุกคนจะแปรญัตติเป็นรายมาตรา จะใช้เวลามากกว่า 2 วัน แต่ที่ผ่านมาบางครั้งก็มีการอภิปรายถึง 3 วัน เพราะสมาชิกแต่ละคนขอแปรญัตติ 
    "จะใช้เวลาอภิปรายกี่วัน ขึ้นอยู่กับวิปทั้งสองฝ่ายที่จะบริหารเวลาด้วยตัวเอง แต่ 5 วันในขั้นรับหลักการไม่เคยมี ผมว่าเป็นการขออภิปรายไม่ไว้วางใจมากกว่าหรือไม่" นายชวนระบุ
    ส่วนที่มีข่าวการกว้านซื้อ ส.ส.เพื่อให้สนับสนุนการลงมติร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ นั้น ประธานสภาฯ กล่าวว่า ไม่มีความเห็น เพราะไม่ทราบเรื่องนี้
    นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า ที่ประชุมวิปรัฐบาลยังไม่ได้หารือเรื่องกรอบเวลาการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ แต่น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2-3 วัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมว่าเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ มีมากแค่ไหน รวมถึงข้อตกลงระหว่างวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้าน  คาดว่าคงได้ข้อสรุปจากการประชุมหารือของวิปทั้งสองฝ่ายในวันที่ 10 ต.ค.นี้
    ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์งบประมาณของกระทรวงกลาโหมและกองทัพว่า งบประมาณของกองทัพไม่ได้เพิ่มมากขึ้น แต่ทุกอย่างเพิ่มไปตามสัดส่วนของงบประมาณ ซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาไม่มีการเพิ่มเลย และที่ผ่านมากองทัพขาดแคลนงบประมาณมาโดยตลอด ทั้งนี้ เรามีแผนงานที่พัฒนากองทัพ โดยเฉพาะเรื่องยุทโธปกรณ์ที่ของเดิมเก่ามากแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องปรับเปลี่ยน ยืนยันว่าสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นกองทัพไม่ได้มากจนเกินไป เพราะมีการจัดตั้งหน่วยใหม่เพิ่มขึ้นมาด้วย
    เมื่อถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าควรนำงบประมาณไปจัดซื้อเครื่องบินให้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แทนเครื่องที่ตกไปนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า แต่ละหน่วยงานมีงบประมาณของตนเองอยู่แล้ว เพราะทุกหน่วยงานมีการพัฒนาและงบประมาณมีจำนวนน้อย เพราะจะต้องจัดสรรกันไป ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถชี้แจงในวันพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ต่อสภาได้
    พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า กรอบงบประมาณในส่วนของกระทรวงกลาโหมอยู่ที่ร้อยละ 7.29 ของงบประมาณทั้งประเทศ ซึ่งภาพรวมต่ำกว่าที่ได้รับการจัดสรร 5 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยที่ร้อยละ 7.5 สำหรับวงเงินที่เพิ่มขึ้นยังถือว่าเป็นปกติตามสัดส่วนการเพิ่มขึ้นของงบประมาณทั้งประเทศปี 2563 อย่างไรก็ตาม การพัฒนากลาโหมยังคงเป็นไปตามแผนพัฒนาขีดความสามารถของกระทรวงกลาโหมในกรอบ 10 ปี (ปี 2560-2569) เพื่อให้มีขีดความสามารถเพียงพอต่อการรองรับสถานการณ์ภัยคุกคามตามช่วงเวลาที่ได้ประเมิน บนพื้นฐานความเป็นไปได้ทางด้านงบประมาณ
    ขณะที่นายสามารถ แก้วมีชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในกรอบงบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท ถือว่าสูงที่สุดในประเทศไทยที่เคยมีมา ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับด้านความมั่นคงมากที่สุด จัดสรรงบให้ด้านความมั่นคง 4.28 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 13.4 ของงบประมาณทั้งหมด เฉพาะที่กระทรวงกลาโหมได้รับการจัดสรรวงเงิน 2.33 แสนล้านบาท เป็นที่น่าสังเกตในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ว่างบประมาณด้านความมั่นคงปรับสูงขึ้นทุกปี มีการจัดสรรงบประมาณให้กับกระทรวงที่อยู่ในมือของคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีเพิ่มขึ้น ในขณะที่การจัดสรรงบประมาณให้กับกระทรวงที่เป็นของพรรคร่วมรัฐบาลลดลงทุกกระทรวง ทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ส่วนกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม  และงบกลางปรับเพิ่มสูงขึ้น 
    นอกจากนี้ นำงบประมาณมากกว่า 6.2 หมื่นล้านบาทไปชดเชยให้กับเงินคงคลัง ถือว่าเป็นตัวเลขการเอาเงินคงคลังออกมาใช้มากที่สุด มากกว่าทุกรัฐบาล รัฐบาลไม่มุ่งเน้นในการจัดสรรงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเท่าที่ควร ดังนั้นต้องดูในรายละเอียดว่ารัฐบาลมีการจัดสรรเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและจัดงบประมาณดูแลพี่น้องประชาชนอย่างไร เพราะรัฐบาลต้องชัดเจนในเรื่องนี้ เพราะการดูแลประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ การจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลมุ่งไปที่การใช้งบประมาณที่ไม่ก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่อย่างใด จึงสวนทางกับนโยบายของรัฐที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่รัฐบาลประกาศต่อสาธารณชน  
    น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวระหว่างปาฐกถาที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าจะทำให้ไทยเป็นประเทศร่ำรวยภายในปี 2579 ว่าน่าจะเป็นเพียงอีกวาทกรรมหนึ่งในการขายฝัน เหมือนกับที่เคยพูดหลายอย่างมาก่อนหน้านี้ แต่สุดท้ายเวลาผ่านไปกว่า 5 ปี ไม่สามารถทำได้จริง มีแต่ทำให้ประเทศย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ จนกระทั่งต้องมีการปรับลดตัวเลขจีดีพีอีกครั้ง ขณะที่รัฐบาลทำได้เพียงการแจกเงินคนจน แจกเงินเที่ยว หรือซื้อ ฮ.ติดอาวุธ รวมทั้งโทษไปที่ภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ
         ก่อนหน้านี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เคยขายฝันเหมือนกันว่าในปี 2561 คนจนจะหมดไปจากประเทศไทย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ มีการเพิ่มตัวเลขคนจนจากประมาณ 8 ล้านคนมาเป็น 11.4 ล้านคน ในปี 2560 และเพิ่มเป็น 14.5 ล้านคนในปี 2561 จากการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจนของรัฐบาล ดังนั้นสิ่งที่คนไทยต้องการตอนนี้คือวิสัยทัศน์ทางด้านเศรษฐกิจของผู้นำประเทศ ว่าทำอย่างไรเศรษฐกิจจึงจะฟื้นตัวเหมือนกับประเทศเพื่อนบ้าน ทำอย่างไรเกษตรกรจึงจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายสินค้าเกษตร หรือทำอย่างไรคนจนจึงจะหมดไป ไม่ใช่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นภาวะรวยกระจุก จนกระจายอยู่ในขณะนี้ ถึงเวลาที่สังคมไทยควรคิดกันอย่างจริงจังได้หรือยังว่า เราควรปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เป็นผู้นำในการบริหารประเทศอีกต่อไปหรือไม่ 
    นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ทุกคนรู้ดีว่าประชาชนยากจน แต่รัฐบาลก็ยังจัดงบไปซื้อยุทโธปกรณ์จำนวนมาก ไม่รู้ว่าจะนำไปรบกับใคร วันนี้เราต้องรบกับความยากจนเป็นหลัก 
    วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าววีโอเอไทยเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจว่า เป็นปัญหาสำคัญที่สุดในขณะนี้ ซึ่งต้องใช้กลไกความร่วมมือของหลายฝ่ายในการแก้ไขปัญหา ทั้งในภาคประชาชนและในระดับโลก ท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างประเทศในปัจจุบัน อย่างวันนี้ราคาสินค้าต่างๆ หรือการค้าขายในตลาดสด ตลาดต่างๆ ค่อนข้างลดลง เพราะการค้าออนไลน์เข้ามาซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 300% แล้ว แต่จำนวนผู้บริโภคเท่าเดิม เศรษฐกิจก็แย่ ร้านค้าต่างๆ ก็ยังขายของแบบเดิมๆ อยู่ จึงชวนว่าจะปรับร้านใหม่ไหม มีกองทุนเอสเอ็มอีจัดร้านให้เป็นระเบียบ หาสินค้าให้ดีกว่านี้ได้หรือไม่ ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวก็เหมือนกัน ให้เป็น E-Wallet 1,000 บาท เราต้องการกระตุ้นส่วนนี้ ตอนนี้ทุกคนกลัวไปหมด ทุกคนไปปั่นกันหมดว่าเศรษฐกิจแย่ๆ ทุกคนก็เลยไม่ใช้เงิน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"