‘แรมโบ้’ย้อนเกล็ดพท. สมัยทรท.ดูดยกพรรค


เพิ่มเพื่อน    

 "แรมโบ้อีสาน" ย้อนเกล็ดเพื่อไทย ทำเป็นตื่นตูม กินปูนร้อนท้อง ส.ส.ย้าย แต่สมัยไทยรักไทยเล่นดูดทั้งพรรค ไล่ "เจ๊หน่อย" ไปเคลียร์ปัญหามุ้งภายในพรรคจะดีกว่า เพราะความสงบสุขไม่มีเหลืออยู่แล้ว 4 พรรคเล็ก 7 คนเกาะกลุ่มแน่น "พิเชษฐ" เผยไปไหนไปกัน ส่วน 7 พรรคฝ่ายค้านลงใต้ถล่มรัฐบาล "วันนอร์" ให้ "บิ๊กตู่" ลาออกเร็วๆ 

    เมื่อวันเสาร์ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคพลังประชารัฐ กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังวางพวงมาลัยกราบสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (คุณย่าโม) ถึงกรณีที่มีข่าวแกนนำพรรคเพื่อไทยระบุว่า ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยถูกดูดว่า พรรคเพื่อไทยกระต่ายตื่นตูม เรื่องการย้ายพรรค รัฐธรรมนูญก็บอกแล้วว่าในกรณีย้ายมาเลยมันทำไม่ได้ ยกเว้นจะมีการยุบพรรค หรือกรณีที่มีมติพรรคขับออกจากพรรค 
    "การพบปะพูดคุย ผมเองเจอเพื่อน ส.ส.พรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองอื่น ซึ่งเป็นเพื่อนพ้องน้องพี่กันทั้งนั้น มีการพูดคุยกัน ทักทายกัน กระเซ้าเย้าแหย่กัน และไม่เห็นมีปรากฏท่าทีอะไรที่ทางเราจะไปทาบทามบุคคลใดมา สำคัญที่สุดที่บอกว่ามีคลิป ก็ไม่เห็นมีคลิปไหนมาปรากฏขึ้นมาเลย ผมถึงบอกว่าวันนี้พรรคเพื่อไทยต้องไปย้อนดูอดีตว่า ในสมัยเป็นพรรคไทยรักไทย พรรคไทยรักไทยเองอย่าว่าแต่ดูด ส.ส.เลย ดูดทั้งพรรคก็ทำมาแล้ว ย้ายพรรคกันจ้าละหวั่นก็ทำมาแล้ว แต่วันนี้พอแค่มีข่าวว่ามีพรรคพลังประชารัฐไปพบไปพูดคุยกินข้าวกันบ้างก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ นี่คือสิ่งที่เขาเรียกว่า กระต่ายตื่นตูม กินปูนร้อนท้อง"
    นายสุภรณ์กล่าวว่า ไม่อยากให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์  และคนของพรรคเพื่อไทยทำตัวเป็นคนที่มีความรู้สึกว่าจะถูกดูด ส.ส.ในพรรคตัวเองมาอยู่ในค่ายพลังประชารัฐ ถามสักคำว่าในพรรคเคลียร์กันได้หรือเปล่า ปัญหามุ้ง ปัญหากลุ่มต่างๆ ในพรรคเคลียร์กันให้สงบเถิด สร้างบรรยากาศในพรรคให้เข้มแข็งเถิด 
    "ถ้าพรรคยังไม่มีความเข้มแข็ง ถ้าในพรรคเพื่อไทยยังมีมุ้ง มีกลุ่ม และแบ่งพรรคแบ่งพรรคกันอย่างนี้ คนเชื่อมั่นว่าความสุขในพรรคเพื่อไทย ความสงบสุขหรือความเป็นเอกภาพในพรรคเพื่อไทยก็ไม่มีแล้ว ในที่สุด ส.ส.ทุกคนเขาก็ไม่อยากจะอยู่ในบรรยากาศอย่างนั้น หลายคนก็อาจจะเบื่อหน่าย"
    นายสุภรณ์บอกว่า วันนี้กลับมาไหว้คุณย่าโม กราบขอพรย่าโมว่าสิ่งอะไรที่ในฐานะที่เป็นลูกย่าหลานย่าคนนี้ได้ทำอะไรมาในอดีต ไม่ถูกไม่ต้อง ไม่ดีไม่งาม กราบขออภัยย่า ขอให้ย่าได้อโหสิกรรมให้กับลูกหลานของท่านคนนี้ 
กลุ่ม 4 พรรค 7 คน
    นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนและนายชัชวาลล์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท รวมถึงนายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักผืนป่าประเทศไทย ไปร่วมงานอวยพรวันคล้ายวันเกิดนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ อายุครบ 38 ปี ซึ่งได้พูดคุยกันถึงแนวทางการทำการเมือง โดยเฉพาะในสภา ที่เบื้องต้นจะร่วมกัน 4 พรรค 7 คน ทำการเมืองเพื่อประโยชน์ประเทศ ถ้ารัฐบาลทำดีก็สนับสนุน ถ้าแย่ก็ค้านแน่นอน 
    จากนี้ ส.ส. 7 คนจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด หากสภาจะมีมติต่างๆ อาทิ มติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มติในการอภิปรายงบประมาณรัฐบาล เบื้องต้นทั้ง 7 คนจะรวมกลุ่มไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อจะให้เสียงของเราแข็งแกร่ง และเสียงในสภาดังมากขึ้น
         นายพิเชษฐกล่าวอีกว่า ในสัปดาห์หน้าจะไปนั่งหารือกันอีกครั้ง ถึงแนวทางการทำงานร่วมกัน ที่ทำให้เกิดผลที่สุด เพื่อหาแนวทางผลักดันนโยบายแต่ละพรรคให้ออกมาเป็นรูปธรรมมากที่สุด ขอย้ำว่าการรวมกลุ่มของเรา ไม่ใช่การต่อรอง แต่เสียงของเราในสภาต้องดังมากขึ้น และการปรึกษาหารือกันครั้งนี้ จะพูดถึงเรื่องการพิจารณางบประมาณที่จะเข้าสู่สภาในเร็วๆ นี้ด้วย
     ที่หน้าศาลากลาง จ.ปัตตานี 7 พรรคฝ่ายค้านจัดเวทีเสวนา เรื่อง “พลวัตแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่นับหนึ่งรัฐธรรมนูญใหม่” โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ (ปช.) กล่าวว่า ปัญหาของประเทศนี้ไม่ได้เกิดจากคนไม่รักชาติ แต่เกิดจากคุณผลัก และบอกว่าเขาไม่รักชาติ ขอให้นายกฯเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศ ต้องเสียสละลาออกจากนายกฯ องค์กรอิสระจะทำงานได้อิสระมากขึ้น ไม่ถูกแทรกแซง จะทำงานได้ดีมากขึ้น กระบวนการยุติธรรมจะเที่ยงตรงมากขึ้น ตำรวจจะทำงานดีมากขึ้น และทหารจะได้กลับกรมกอง ไม่ต้องมาเฝ้านักการเมือง ไม่ต้องมาอยู่บนถนนเพื่อตรวจคนไทยด้วยกันเอง เพื่อเกียรติและศักดิ์ศรี หากไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ ส.ว. 250 คนจะได้ทำหน้าที่โดยไม่ต้องนึกถึงบุญคุณคนที่ตั้งมา
    นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พวกเรา 7 พรรคอยากเสาะหาข้อมูล ปัญหาของประชาชนเพื่อนำมาแก้ไขปัญหาให้ถูกต้อง ตั้งแต่มีการเลือก มี ส.ส. แต่บทบัญญัติรัฐธรรมนูญไม่เอื้อให้เราทำงานเพื่อประชาชนได้เลย นี่คือความผิดเพี้ยนของรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นมา เรื่องรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องหาคนออกมาพูด มาบอกกล่าว และหาแนวทางในการแก้ไข อย่างพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่แสดงความจำนงในการไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปี 60 เราเองเสียอีกที่มีความรู้สึกช้า ไม่สามารถอธิบายปัญหาของรัฐธรรมนูญได้แบบที่ผู้ใหญ่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะขณะนั้นมีทั้งกฎอัยการศึกและกฎต่างๆ ทำให้เราไม่สามารถทำอะไรได้ และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญได้หาเสียงอยู่ฝ่ายเดียว แต่ก็ได้คะแนนเสียงมาเพียงกว่า 15 ล้านเท่านั้น จากนี้ตนอยากฝากพวกท่านในฐานะแม่บทในการไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ผลักดันให้รัฐบาลมีแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป
"ธนาธร"อัดรัฐบาล
    ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ขอเริ่มจากอะไรที่จับต้องได้ คือการลงทะเบียนซิมการ์ด 2 แชะอัตลักษณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทุกท่านเกี่ยวข้อง ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 36 ระบุว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน มาตรา 26 ก็ระบุให้การคุ้มครองประชาชนไม่ให้ถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างชัดเจน เพราะถ้าไม่ลงทะเบียนจะใช้ซิมการ์ดไม่ได้ 
    "นี่คือการบีบบังคับ แต่ปัญหาคือทำไมประเทศไทยมีกลุ่มบุคคลหนึ่งที่สามารถทำอะไรที่ขัดรัฐธรรมนูญแล้วไม่ถูกลงโทษ เช่นถวายสัตย์ฯ ไม่ครบก็ไม่ต้องรับโทษ เป็นพวกเราทำแบบนี้บ้างป่านนี้ติดคุกไปแล้ว"
    นายธนาธรกล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้อำนาจกับกลุ่มบุคคลหนึ่งพิเศษอยู่เหนือกฎหมาย ส่วนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 15  ปีที่ผ่านมา มีประชาชนกว่า 4,000 คนเสียชีวิต จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เราไม่เห็นสถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น หลายท่านบอกว่าอยากให้มีการปกครองแบบพิเศษ ตนคิดว่าทุกที่ ทุกจังหวัดมีความพิเศษ มีความหลากหลาย แต่รัฐที่แข็งทื่ออย่างรัฐไทย พยายามเอากฎกติกา ความคิด ความเชื่อแบบเดียวกันบีบบังคับให้คนต้องเชื่อ นี่คือต้นตอของปัญหา และงบประมาณที่ใช้ 15 ปี สูงถึง 3 แสนล้านบาท หากเรานำงบประมาณจำนวนนี้มาพัฒนาโรงเรียน การคมนาคม โรงงานแปรรูปยางพารา ให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี เราจะแก้ปัญหาความรุนแรงได้ดีขึ้น หากให้ 7 พรรคใช้งบประมาณจำนวนนี้ จะสามารถพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปไกลกว่านี้ได้อย่างแน่นอน 
    นายธนาธรกล่าวว่า วันนี้ไม่มีพลวัตในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการรัฐประหารปี 57 มีแต่การใช้มาตรการด้านความมั่นคง มองประชาชนเป็นศัตรู ตราบใดที่ยังไม่มีความเป็นธรรม ย่อมไม่มีสันติภาพ ที่ใดยังมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการต่อสู้ เราจะไม่มีทางแก้ปัญหาได้ สิ่งที่ขาดหายไปคือกระบวนการสันติภาพ เราต้องกลับมาคิดใหม่ว่าแก่นกลางของการแก้ปัญหาต้องใช้มาตรการทางการทูต การเมือง และมาตรการทางเศรษฐกิจเป็นตัวสนับสนุน แล้วเอามาตรการทางความมั่นคงดูแลความเรียบร้อยรอบนอก และเราจะไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้เลย ถ้าปัญหาเรื่องโครงสร้างอำนาจในสังคมไทยยังไม่ถูกแก้ไขว่าใครเป็นเจ้าของอำนาจ เราไม่มีอำนาจในการกำหนดอนาคตของเราเอง อำนาจทุกอย่างถูกนำไปกองไว้ที่กรุงเทพฯ
    "ธรรมนูญฉบับนี้คือรัฐธรรมนูญที่กุมอำนาจไว้ที่กองทัพ ใช้ความมั่นคงกดขี่ประชาชนทุกจังหวัด นี่คือรัฐธรรมนูญที่ออกหัว พล.อ.ประยุทธ์ชนะ ออกก้อยประชาชนแพ้ วันนี้ประเทศไทยไม่มีกติกาที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ เราต้องมีกติกาที่จะอยู่ร่วมกันได้ภายใต้แนวคิดที่หลากหลาย ถึงเวลาแล้วที่ต้องทบทวนว่ากติกาแบบไหนที่ทุกฝ่ายจะยอมรับร่วมกัน เราไม่ได้เรียกร้องให้ประชาชนทั้งประเทศคิดเห็นไปในทางเดียวกัน เพราะเป็นไปไม่ได้ แต่เราบอกว่าอย่างน้อยที่สุดเรามาเคารพกติกาเดียวกันยังไม่สายเกินไป แต่ถ้าวันนี้เราไม่แก้รัฐธรรมนูญ สังคมจะเดินไปสู่ทางตัน การแก้รัฐธรรมนูญเป็นทางออกทางเดียวที่เหลืออยู่ในสังคมไทย" นายธนาธรกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"