ดันชิมช้อปใช้เฟส2ในQ4 หวังกระตุ้นศก.ช่วงท้ายปี


เพิ่มเพื่อน    

  “อุตตม” ลั่นไตรมาส 4/2562 พร้อมลุยชิมช้อปใช้ เฟส 2 สั่ง ธ.ก.ส.-ออมสิน-ททท. ดึงร้านค้าเครือข่ายกว่าแสนรายร่วมแจม "บิ๊กตู่" ปล่อยมุก ไม่ได้ลงทะเบียนเพราะไม่ได้ไปไหน กินใช้ให้ลูกน้องจัดการหมด เปิดสถิติ 7 วันแรกเงินช้อปกว่าพันล้านไหลเข้าร้าน OTOP ขณะที่ร้านค้าขนาดใหญ่แค่ 261 ล้าน

    เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ในรายการ Government Weekly ep.8 ในช่วง PM TALK ทางเพจไทยคู่ฟ้า ซึ่งเป็นการบันทึกเทปที่บริเวณด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ถึงมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ “ชิมช้อปใช้” ที่จะมีการขยายมาตรการออกไปอีกหรือไม่ว่า ที่ผ่านมามีการลงทะเบียนกำหนดวันละ 1 ล้านคน รู้สึกว่าบางวันลงทะเบียนแล้วมีคนที่ไม่ผ่านประมาณ 2 แสนคน ในระยะที่ 2 ก็คงต้องปรับมาตรการเหล่านี้ให้สะดวกรวดเร็วขึ้น 
    ประเด็นสำคัญคือวัตถุประสงค์ในการทำมาตรการชิมช้อปใช้ คือการใช้เงินจำนวนหนึ่ง เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบขึ้นมา เพราะมีคนผลิต คนทำ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของร้านค้าประชารัฐ ร้านค้าที่ลงทะเบียน โรงแรม ห้องอาหาร รวมถึงโฮมสเตย์ ร้านโอท็อป ครอบคลุมทุกพื้นที่ ไม่ใช่เพื่อเอื้อประโยชน์ใคร แต่เพื่อทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบ เมื่อมีการใช้ก็มีการผลิต มีการนำวัตถุดิบมาใช้ ซึ่งจะทำให้เกิดการหมุนเวียนหลายรอบ
    นายกฯ กล่าวว่า เงิน 1,000 บาทที่ให้ไป ประชาชนใช้อะไรได้ไม่มากหรอก สิ่งสำคัญเพื่อต้องการกระตุ้นประชาชน หรือสร้างแรงจูงใจให้เท่านั้น เพื่อให้เกิดการใช้จ่าย เพราะฉะนั้นบางคนบอกว่ามีการลงทะเบียนในกรุงเทพฯ จำนวนมาก แต่ก็ต้องไม่ลืมว่ามีคนที่มาทำงานในกรุงเทพฯ เป็นคนต่างจังหวัดก็เยอะ เมื่อมีการลงทะเบียนก็มาใช้ในกรุงเทพฯ แต่ต้องเป็นร้านค้าที่ลงทะเบียนกับเรา 
    "ไม่ใช่ว่าซื้อร้านไหนก็ได้ หรือไปซื้อในร้านหรูๆ ก็ไม่ใช่มั้ง บางทีก็ต้องการให้รายละเอียด ผมยังไม่เคยทดลองใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (G-Wallet ) เพราะไม่ได้ลงทะเบียน ผมไม่ได้ไปไหน  ไม่เคยได้ไปไหนสักที ซึ่งเวลาผมจะใช้เงินก็ให้ลูกน้องจัดการ อาหารก็ให้ลูกน้องซื้อแล้วก็มาเบิกเงินไป ซึ่งลูกน้องผมคงไม่มีใครไปลงทะเบียนในโครงการดังกล่าว นายกฯ ไม่ไปไหน พวกเราก็ไม่ไปไหน เพราะเขาอยู่กับผมตลอด"
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สัปดาห์หน้าจะมีข่าวดีเรื่องการขยายมาตรการหรือไม่นั้น จากการวิเคราะห์หรือการสรุปการปฏิบัติที่ผ่านมา ก็เห็นว่ามีความก้าวหน้า มีการใช้จ่ายในระบบมากขึ้น และมีผลดีโดยการตรวจสอบจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ เรื่องนี้คิดว่ากระทรวงการคลังคงชี้แจงได้อยู่แล้ว ขณะนี้เห็นว่ากำลังคิดมาตรการใหม่ขึ้นมาว่าจะทำอย่างไรให้เกิดการหมุนเงินเหล่านี้ในวงจร ซึ่งงบประมาณที่ใส่ไปในโครงการนี้จะทำให้เงินหมุนเวียนมากขึ้น 2-3 เท่า ถ้าดีอาจจะถึง 5 เท่า เพราะประชาชนไม่ได้ใช้เฉพาะเงินตรงนี้ แต่ใช้เงินของเขาด้วย 
    ขณะที่นายอุตตม สาวนายน  รมว.การคลัง กล่าวว่า โครงการชิมช้อปใช้ ระยะที่ 2 จะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงไตรมาส 4/2562เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี เบื้องต้นได้หารือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), ธนาคารออมสิน, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะดึงร้านค้าที่เป็นเครือข่ายลูกค้าของทั้ง 2 ธนาคารที่มีอยู่รวมกันกว่าแสนราย เข้ามาร่วมโครงการเพิ่มเติมจากเดิมที่มีแต่ธนาคารกรุงไทย
    ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระจายรายได้ให้กับผู้ประกอบการรายย่อยในระดับชุมชนมากขึ้น และมั่นใจว่าจะกระตุ้นไปสู่การท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งจะทำให้สอดคล้องกับแพ็กเกจการท่องเที่ยวปลายปีที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาออกมาล่าสุด และจะกระตุ้นต่อเนื่องไปจนถึงต้นปี 2563 แต่จะเป็นลักษณะอย่างอื่น
    นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา ได้เปิดให้มีการลงทะเบียนรับสิทธิ์มาตรการ “ชิมช้อปใช้” วันละ 1 ล้านราย ซึ่งมีการลงทะเบียนครบจำนวนทุกวัน สำหรับที่ 5 ต.ค. จะสามารถเปิดให้ลงทะเบียนได้ประมาณ 2 แสนราย ซึ่งรวมมาจากยอดที่ลงทะเบียนไม่ผ่านในแต่ละวัน
    ทั้งนี้ การตรวจสอบสิทธิ์ผู้ลงทะเบียน 9 วันแรก เสร็จสิ้นแล้ว โดยมีผู้ได้รับสิทธิ์ 7,142,914 ราย ซึ่งผู้ลงทะเบียน 8 วันแรกได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ์แล้วจำนวน 6,344,295 ราย ทั้งนี้ มีผู้เข้ายืนยันตัวตนในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” แล้ว 4,970,444 ราย โดยยืนยันตัวตนสำเร็จ 4,031,751 ราย และมีผู้ที่ยังไม่ได้ติดตั้งแอปพลิเคชัน 1,373,451 ราย
    สำหรับการใช้จ่าย 7 วันแรก มีผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 1,258,551 ราย มีการใช้จ่ายรวมประมาณ 1,144 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่าย g-Wallet ช่อง 1 ประมาณ 1,131 ล้านบาท โดยเป็นการใช้จ่ายที่ร้าน “ช้อป” ซึ่งเป็นร้านในกลุ่ม OTOP ร้านวิสาหกิจชุมชน รวมทั้งร้านธงฟ้าประชารัฐ ประมาณ 616 ล้านบาท ส่วนร้าน “ชิม” หรือร้านอาหารและเครื่องดื่มมียอดใช้จ่ายประมาณ 155 ล้านบาท ร้าน “ใช้” เช่น โรงแรม โฮมสเตย์ เป็นต้น มียอดใช้จ่ายประมาณ 16 ล้านบาท และร้านค้าทั่วไป มียอดใช้จ่ายประมาณ 344 ล้านบาท ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่ามีการใช้จ่ายในร้านค้าขนาดใหญ่ที่มีหลายสาขาประมาณ 261 ล้านบาท หรือเพียงร้อยละ 22 ของยอดใช้จ่ายทั้งหมด
    ขณะที่การใช้จ่าย g-Wallet ช่อง 2 มีผู้ใช้สิทธิ์แล้ว 4,604 ราย มียอดใช้จ่ายประมาณ 13.1 ล้านบาท หรือเฉลี่ยรายละ 2,845 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 12 ภายใน 2 วัน โดยเป็นการใช้จ่ายที่ร้าน “ช้อป” 8.8 ล้านบาท ส่วนร้าน “ชิม” และร้าน “ใช้” มียอดใช้จ่าย 2.5 ล้านบาท และ 1.8 ล้านบาท ตามลำดับ
    นอกจากนี้ มีการใช้จ่ายกระจายครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายมากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่ (1) กรุงเทพฯ 164 ล้านบาท (2) ชลบุรี 81 ล้านบาท (3) สมุทรปราการ 54 ล้านบาท (4) ปทุมธานี 37 ล้านบาท (5) ระยอง 34 ล้านบาท (6) พระนครศรีอยุธยา 33 ล้านบาท (7) ลำพูน 32 ล้านบาท (8) เชียงใหม่ 30 ล้านบาท (9) นครปฐม 29 ล้านบาท และ (10) นนทบุรี 27 ล้านบาท กลุ่มที่มีการใช้จ่ายมากที่สุดคือ ช่วงอายุ 22-30 ปี ร้อยละ 34 รองลงมาช่วงอายุ 31-40 ปี ร้อยละ 28 สำหรับช่วงอายุเกิน 60 ปี มีร้อยละ 5
    นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าหากงบไม่ผ่านประเทศจะเดือดร้อน ว่า ประเทศนี้เดือดร้อนมานานแล้ว เพราะทำงบขาดดุลมาทุกปีเฉลี่ยปีละ 5 แสนล้านบาท พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ มาหลายปี ควรจะรู้ดี งบประมาณจะผ่าน-ไม่ผ่านมันอยู่ที่การบริหารจัดการของรัฐบาล หากงบประมาณที่จำเป็นต่อประชาชน ฝ่ายค้านก็เข้าใจและสนับสนุนในหลักการอยู่แล้ว ส่วนงบไหนที่ไม่มีความจำเป็น หรือลำดับความสำคัญน้อย ฝ่ายค้านก็ต้องตรวจสอบ หรือขอตัดลดงบประมาณส่วนนั้น
    ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์อย่าจิตตก วิตกกังวลเกินเหตุ เผลอเมื่อไหร่เป็นต้องโยนความผิดให้คนอื่น จะให้การอภิปรายงบประมาณเป็นยอวาที เหมือนก่อนหน้านี้ที่การอภิปรายเป็นเพียงแค่พิธีกรรม มีแต่รอยยิ้มและเสียงปรบมือ คงไม่ได้ เพราะ ส.ส.เป็นตัวแทนมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ก็ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบแทนประชาชนให้ดีที่สุด
        “คนไทยได้ยินแต่ผู้นำเหล่าทัพ จะจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ เสริมศักยภาพกองทัพ โดยไม่รู้ว่าจะไปรบกับใคร เห็นแต่ข่าวการจัดซื้อจัดจ้างที่มีคำถาม กรณีบ้านพักรับรอง ผบ.ทร.ริมแม่น้ำเจ้าพระยา 112 ล้านบาท คุ้มค่าหรือแพงเกินไป ทำตามขั้นตอนถูกต้องหรือไม่ โครงการลักษณะแบบนี้มีให้เห็นมาโดยตลอด ซึ่งพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายค้านจะตรวจสอบอย่างเข้มข้น” นายอนุสรณ์กล่าว.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"