
เด็กชายวัย 11 นักเรียนชั้น ป.5 ใช้ผ้าขาวม้าผูกคอภายในบ้าน พี่สาววัย 13 ประสบเหตุไปตามเพื่อนบ้านมาช่วย นำส่ง รพ.ด้วยอาการหมดสติ แม่เชื่อสาเหตุมาจากถูกเพื่อนนักเรียนทำร้ายชกหน้าจนลูกบ่นว่าไม่อยากไปโรงเรียน แจ้งครูให้ช่วยแก้ปัญหา แต่ก็ช่วยอะไรได้ไม่มาก
มีรายงานว่า เมื่อบ่ายวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โรงพยาบาลกระบี่ ได้รับตัว ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 11 ปี นักเรียนชั้นประถมปีที่ 5 หลังใช้ผ้าขาวม้าผูกคอตัวเองภายในบ้าน ท้องที่หมู่ 1 บ้านนางรอง ต.พรุดินนา อ.คลองท่อม จ.กระบี่ กระทั่งพี่สาวไปพบขณะหมดสติ ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลลำทับ ก่อนส่งต่อยัง รพ.กระบี่ ขณะนี้แพทย์ยังต้องเฝ้าดูอาการใกล้ชิด ที่ตึกศัลยกรรมชาย 2 รพ.กระบี่ ล่าสุด ด.ช.เอมีการอาการดีขึ้น แต่ยังไม่สามารถพูดคุยได้
ด.ญ.บี (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี พี่สาวของ ด.ช.เอ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงบ่ายวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา แม่ไม่อยู่บ้าน ตนและน้องชายคือ ด.ช.เอ และน้องชายอีกคนวัย 8 ปี อยู่บ้านกันเพียง 3 คนพี่น้อง ช่วงที่ตนเข้าไปในครัว เพื่อทำอาหารให้น้องๆ กิน ตนเรียก ด.ช.เอ แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบ จึงเดินออกมาดูที่ห้องโถงในบ้าน ก็พบน้องชายใช้ผ้าขาวม้าผูกคอตัวเองหมดสติแล้ว จึงรีบปลดผ้าออก แล้วขี่รถจักรยานยนต์ไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านในหมู่บ้าน ห่างไปประมาณ 2 กิโลเมตร ชาวบ้านจึงช่วยกันปฐมพยาบาล และนำตัวน้องชายส่ง รพ.ลำทับ ส่วนสาเหตุนั้นยังไม่ทราบว่ามาจากเรื่องอะไร
ขณะที่นางหนึ่ง (นามสมมุติ) อายุ 46 ปี แม่ของ ด.ช.เอ เปิดเผยว่า สาเหตุที่ลูกชายคิดสั้น เชื่อว่ามาจากปัญหาในกลุ่มเพื่อนที่โรงเรียนที่ลูกชายเรียนอยู่ โดยเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนทราบจากลูกว่ามีกลุ่มนักเรียนในโรงเรียนบางกลุ่มมาข่มขู่และทำร้ายลูก สืบเนื่องจากลูกไปเล่นเครื่องเล่นในโรงเรียน แล้วเสียหลักล้มลงทำให้เท้าไปโดนนักเรียนคนหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ กลุ่มนักเรียนดังกล่าวจึงทำร้ายชกหน้าลูกชาย จนลูกบ่นว่าไม่อยากจะไปโรงเรียนแล้วเพราะกลัวจะเกิดเรื่องอีก วันเกิดเหตุลูกทำร้ายตัวเอง ตนต้องไปทำงานที่เกาะลันตา อ.เกาะลันตา ลูกขอว่าจะไปกับตนด้วย แต่ตนเห็นว่าหากไปด้วยจะลำบาก จึงให้ลูกอยู่บ้านกับพี่สาวและน้องชาย ไม่นึกว่าลูกจะตัดสินใจทำแบบนี้ ตนเล่าเรื่องดังกล่าวให้กับครูที่โรงเรียนทราบ ซึ่งทางครูรับปากว่าจะเร่งสืบหาว่าเด็กกลุ่มไหนที่มีพฤติกรรมตามที่บอก
นางหนึ่งกล่าวว่า ตอนนี้ตนอยากให้ลูกชายหายดีเท่านั้น ส่วนปัญหาภายในโรงเรียนเป็นหน้าที่ของครูที่โรงเรียนจะดำเนินการแก้ปัญหาให้ ยืนยันว่าลูกชายเป็นเด็กขยัน อยู่บ้านก็จะช่วยตนทำงานหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ทั้งช่วยกรีดยางขาย เวลาอยู่โรงเรียนก็ชอบช่วยเหลืองานครูที่โรงเรียน จนครูแทบทุกคนจะรักลูกมาก แต่อาจจะทำให้เพื่อนบางคนไม่ชอบ เพราะเป็นเด็กที่ครูรัก สำหรับสามีได้แยกทางกันแล้ว
นพ.สุพจน์ ภูเก้าล้วน ผอ.รพ.กระบี่ กล่าวว่า ขณะนี้อาการของเด็กยังอยู่ในขั้นตอนการเฝ้าระวัง เนื่องจากสมองขาดออกซิเจนเป็นระยะเวลาพอสมควร แต่อาการดีขึ้นตามลำดับ เด็กเริ่มมีอาการตอบสนองที่ดีขึ้น ขยับแขน-ขาได้ เวลาเรียกก็มีอาการตอบสนอง เริ่มลืมตาได้ ซึ่งตนกำชับเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา จนกว่าจะประเมินอาการได้ภายใน 48 ชั่วโมง ในส่วนของการเยียวยาด้านสภาพจิตใจ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่สุขภาพจิตของ รพ.คอยดูแลสภาพจิตใจของครอบครัว ทั้งแม่เด็ก พี่สาว น้องชาย รวมทั้งเมื่อเด็กหายดีจะต้องดูแลสภาพจิตใจอีกครั้ง ให้เด็กสามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติ
"สิ่งหนึ่งที่ขอชื่นชม คือชาวบ้านที่ช่วยเหลือเด็กตั้งแต่ทราบเหตุครั้งแรก มีความรู้ในการปฐมพยาบาลทำ CPR ในเบื้องต้น จนทำให้สามารถช่วยเหลือเด็กไว้ได้ เป็นสิ่งที่ต้องให้ชุมชน ชาวบ้าน ได้เรียนรู้การช่วยเหลือในเบื้องต้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อชุมชนโดยรวม เวลาเกิดเหตุขึ้นมาจะได้ช่วยเหลือทันท่วงที" นพ.สุพจน์กล่าว.
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |