อย่าให้เป็น 'วิกฤติตุลาการ'


เพิ่มเพื่อน    

                 ก็รวดเร็ว "ตามขั้นตอน"

                กรณีผู้พิพากษา "ลั่นไกยุติธรรม" ใส่ตัวเองบนศาลจังหวัดยะลา เมื่อ ๔ ตุลา ๖๒

                เมื่อวาน (๗ ต.ค.) ที่ประชุม "คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม" (ก.ต.) โดยนายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา เป็นประธาน

                มีมติตั้งอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมวิสามัญ ๓ คน ตรวจสอบข้อเท็จจริง

                -นางวาสนา หงส์เจริญ ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา (ก.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิในชั้นศาลฎีกา)

                เป็นประธาน "อนุกรรมการวิสามัญ"

                -นายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ (ก.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิในชั้นศาลอุทธรณ์) อนุกรรมการฯ

                -นายสุวิชา สุขเกษมหทัย ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญา (ก.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิในชั้นศาลชั้นต้น) อนุกรรมการฯ

                ต้องรายงานให้ ก.ต.ทราบผล ภายใน ๑๕ วัน

                ครับ...

                ก็ประมาณ ๒๓-๒๔ ตุลา ช่วงเดียวกับผลเลือกตั้งซ่อมที่เขต ๕ นครปฐม นั่นแหละ!

                ผมว่า "ผู้พิพากษาคณากร" โชคดีมาก เพราะกระสุน ๙ มม.ที่ท่านลั่นไกใส่ตัวเอง ตามแพทย์แถลง

                เข้าอกซ้าย .......

                ลูกกระสุนเฉี่ยวปอด เฉี่ยวม้าม เฉี่ยวตับ เฉี่ยวหัวใจ เรียกว่าเฉี่ยวตับ ไต ไส้ พุง อันเป็นจุดสำคัญในร่างกายทั้งหมด

                ไปทะลุหนังออกหลังด้านซ้าย....เฉยเลย!?

                จะพระ จะผี จะโชคดี จะบารมีแก่กล้า หรือจะอะไรก็ตามคุ้มครอง ก็ต้องบอกว่า "รอดปานปาฏิหาริย์"

                รอดชนิดแพทย์บอก....

                ไม่ต้องผ่าตัดใดๆ "ผู้ป่วยยิ้มแย้มแจ่มใสดี" นอนพักฟื้นให้สบายใจซักหนึ่งสัปดาห์ ก็กลับบ้านได้

                แต่ถึงแม้แพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยะลา "นพ.บรรยง เหล่าเจริญสุข" บอก "ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง"

                กระนั้น ท่านก็ยังบอกว่า......

                "เรื่องหนึ่งที่ทางโรงพยาบาลและแพทย์ต้องดูแลก็คือ ในเรื่องของสภาวะจิตใจ ซึ่งก็จะให้แพทย์ทางจิตเวชเข้าไปดูแล"

                อันนี้ผมว่าสำคัญมาก 

                ลองว่า คนระดับผู้พิพากษายิงตัวเองบนศาล แถมเขียนแถลงการณ์ตัวเอง ๒๕ หน้า

                ด้วยหัวกระดาษ "ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์"

                กล่าวหาระดับอธิบดีผู้พิพากษาภาค ว่าแทรกแซงการพิพากษาคดี แล้วส่ง ๒๕ หน้านั้น ให้ปิยบุตร "พรรคอนาคตใหม่"

                ก่อนไลฟ์แจ้งประชาชน........

                พร้อมขอเงินเยียวยาให้ภรรยาและบุตรสาว โดยให้โอนเข้าบัญชีออมสิน ตามที่เปิดเผยสื่อสารสาธารณะทั่วไป นั้น

                ถือว่า "มีเหตุผล" ที่ต้องมีแพทย์ทางจิตเวชดูแล

                และไม่เพียงโชคดีของท่านผู้พิพากษาคณากรเท่านั้น การที่ท่านไม่ตายตามที่ตั้งเจตนา

                ยังเป็นโชคดีของ "สถาบันตุลาการศาลยุติธรรม" ด้วย

                ถ้าท่านตาย....

                การตายของท่าน จะเป็นการยืนยันว่า "ทุกประเด็น" ที่เขียนเป็นแถลงการณ์ ๒๕ หน้า นั้น คือความจริง

                ตีตราประทับรับรองโดย "หนึ่งความตาย" ของผู้พิพากษา ที่คืนคำผู้พิพากษาให้ผู้พิพากษา!

                แต่เมื่อท่านไม่ตาย.......

                นั่นเท่ากับ "พยานแห่งความยุติธรรม" ทั้งมวล "อยู่ครบถ้วน"

                ทุกคำกล่าวหาในแถลงการณ์ ๒๕ หน้าของท่าน จากที่จะเป็น "ความจริง" โดยความตายรับรอง

                ความจริงที่ว่านั้น......

                ก็จะเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ "ข้อเท็จ-ข้อจริง" โดยตัวผู้พิพากษาคณากรเอง เชื่อมโยงถึงตัวบุคคลที่กล่าวหาและพาดพิงถึงทั้งหมด

                จะเป็นทั้งผู้มีส่วนร่วมพิสูจน์ และเป็นผู้รับรองร่วม

                "ก่อนพูดเราเป็นนาย เมื่อพูดไปแล้ว คำพูดนั้น เป็นนายเรา" ที่อดีตนายกฯ ชาติชายเคยกล่าวไว้ ดูจะเป็นสัจธรรม

                การ "เปิดปาก-เปิดใจ" กับคณะอนุกรรมการฯ ผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริง

                นั่นแหละ "ความจริง".........

                ที่จะเป็นการ "คืนความยุติธรรมให้ประชาชน"

                ตามเจตนารมณ์ในการฆ่าตัวของท่านเองแท้จริง!

                เรื่องการฆ่า กฎหมายอาญาเขียนไว้ว่า "ฆ่าหรือทำร้ายผู้อื่น" มีความผิด

                "ตัวเอง" ไม่ใช่ผู้อื่น ดังนั้นการฆ่าหรือทำร้ายตัวเอง ถือว่า "กฎหมายไม่ได้ห้าม"

                ฉะนั้น ใครอยากฆ่าตัวเอง เชิญฆ่า ถึงไม่ตาย มีแค่แผล

                ไม่มีคุกแน่นอน

                แต่ถ้าเป็นพรรคการเมือง จะกู้เงินหรือออกเงินกู้ให้พรรค แล้วอ้าง "กฎหมายไม่ได้ห้าม" อย่างนั้น

                คุกแน่!

                เพราะพรรคการเมือง อยู่ภายใต้ "กฎหมายมหาชน" ซึ่งหลักกฎหมายมหาชนนั้น ต้องทำเฉพาะที่กฎหมายบอกให้ทำได้เท่านั้น

                อันนี้ "นอกเรื่อง" ไปนิด

                แต่เห็นเรื่องผู้พิพากษายิงตัว มีชื่อปิยบุตร-อนาคตใหม่เป็นยาดำแทรกในประเด็นแถลงการณ์อยู่ด้วย ก็แวะซะนิด

                เอาล่ะ ถึงยิงตัวเองไม่มีความผิด แต่การยิงตัวเองจะในศาล-นอกศาล ก็เป็นคดีที่ตำรวจต้องเข้าไปตรวจสอบตามหน้าที่

                กรณี "ผู้พิพากษาคณากร" ยิงตัวเองก็เช่นกัน

                "พ.ต.อ.นราวี บินแวอารง" ผกก.สภ.เมืองยะลา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ ๑๐  ยะลา ไปตรวจที่เกิดเหตุ

                แต่ตอนไปถึง เขานำตัวไปส่งโรงพยาบาลแล้ว!

                ประเด็นที่อยากจะคุย คือ เรื่องผลตรวจสถานที่เกิดเหตุนี่แหละ

                เห็นทุกคน มุ่งแต่ด้านยิงตัวประกอบแถลงการณ์สาวไส้ระบบตุลาการ

                แล้วฝ่ายค้านก็โน้มดึงไปประกอบฉากการเมือง สร้างเงื่อนไขสู่การล้มล้างระบบ-ระบอบ

                ในฐานะ "นักข่าวอาชญากรรม" เก่า ก็อยากมองในด้านคดีบ้าง

                ตามทำนองที่ว่า "ไม่มีอาชญากรรมใด ที่อาชญากรไม่ทิ้งร่องรอยไว้"

                นี่ก็เช่นกัน น่าสนใจ ผลสอบสวนของตำรวจและผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุ

                อย่างน้อยที่สุด ตามคำแถลงหมอใหญ่โรงพยาบาลยะลา บอกว่า เป็นกระสุนจริง ขนาด ๙ มม.

                เข้าอกซ้าย แล้วชำแรกหลบหลีก ตับ ไต ไส้พุง อันเป็นจุดสำคัญทั้งหมด ไปทะลุหนัง ออกทางหลังด้านซ้าย

                หมอไม่ได้ผ่าตัดใดๆ

                แสดงว่า "กระสุนไม่ได้ฝังใน"!

                คำถามก็มีว่า เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน ได้ตรวจพบ "หัวกระสุน" รวมถึงปลอกกระสุน ในบริเวณที่ผู้พิพากษายิงตัวเองหรือไม่?

                ถ้าไม่พบ แล้วหัวกระสุนไปไหน?

                ถ้าพบ เป็นกระสุนชนิดใด ออกจากปากกระบอกปืนชนิดใด?

                และทั้งปืนที่ใช้ยิงตัวนั้น ตำรวจยึดไว้เป็นหลักฐานหรือไม่ได้ยึด?

                และได้ตรวจสอบหรือยังว่า เป็นปืนชนิดไหน ทะเบียนของใคร ทั้งตรวจสอบเขม่าปืนจากมือเรียบร้อยแล้วหรือไม่?

                นี่เป็นเรื่องหลักฐานที่ต้องรอบไว้แต่ชั้นแรก คนละเรื่องกับ "ข้อกล่าวหา" ในคำแถลงการณ์ ที่ฝ่ายศาลจะตรวจสอบเอง

                รวมถึงความจริงที่สังคมสงสัย ด้านเกี่ยวพันพรรคและการไลฟ์ขอบริจาค

                ผมเชื่อว่า เมื่อเกิดเหตุ สังคมโซเชียลคงตามไปเปิดเฟซ "คณากร ตุลาคม" และพบหลายเรื่องที่ท่านโพสต์ชวนฉงนปนสงสัย

                มีอยู่โพสต์ อดีตผู้พิพากษาท่านหนึ่ง ท่านประกาศชื่อ ประกาศตำแหน่งต่างๆ ที่เคยเป็น รวมทั้งตำแหน่งที่ปรึกษา กกต.ชุดแรกชัดเจน

                เข้าใจว่าเป็นงานสัมมนาภายในที่ไหนซักแห่ง ท่านขึ้นไปเล่าประเภท "รุ่นพี่เล่าประสบการณ์ให้รุ่นน้องฟัง" ถึงเรื่องภายในศาล การให้ใบเหลือง-ใบแดงของ กกต.

                ฟังแล้ว....

                อย่าให้ต้องบอกเลยว่า "วิกฤติตุลาการ" ภาค ๒ จะมีหรือไม่มี คงเปิดคลิปดูกันบ้างแล้วกระมัง?

                ภาพรวมๆ คือ ท่านคณากรเป็นคน "มิติซ้อนมิติ" น่าทึ่ง!

                ตามประวัติ พื้นเพท่านเป็นคนกรุงเทพฯ ในแถลงการณ์ ๒๕ หน้า ก็บอกว่าท่านจบรามฯ

                เคยอ่านจากข่าวผู้จัดการออนไลน์ บอกว่า ที่อยู่ระบุในรายงานการตรวจสอบที่เกิดเหตุ อยู่บ้านเลขที่ ๙๐/๖๒ หมู่ที่ ๘ สันปูเลย ดอยสะเก็ด เชียงใหม่

                ย้ายจากปัตตานี มาอยู่ยะลา เมื่อเดือนเมษานี้เอง

                เห็นบ้านท่านที่เชียงใหม่ จากมีผู้นำมาประกอบข่าว ก็เรียกว่า "สมฐานะ" ไม่ใหญ่โตหรือซอมซ่อ พอดีๆ

                สรุป คือ ฐานะที่เป็น

                ไม่จำเป็นต้องขอรับการเยียวยาคือการขอรับบริจาคจากประชาชนเลย!

                เหล่านี้ ยิ่งเป็นเสน่ห์ชวนค้นหาทางกระบวนการสู่ความยุติธรรมในสถาบันตุลาการ

                ด้วยเจือสมทางเงื่อนปมย้อนแย้งในตัวมันเองหลายๆ อย่าง กรณีผู้พิพากษายิงตัวเองกับประเด็นในแถลงการณ์ ๒๕ หน้านั้น

                จึงขับเน้นซึ่งกันและกัน ยั่วเย้าให้สังคมอยากรู้ ว่าจุดที่คงอยู่ใน "ความจริงแท้"

                มันคืออะไร?

                ซึ่งมันเป็นอะไร ที่สามารถสั่นคลอนสู่การโค่นล้มอะไร-ต่อมิอะไรได้ในอนาคต

                ถ้าปล่อยให้สังคมรอจนฟ้าสาง แล้วก็ยังสะสางชนิด "ไม่สิ้นสงสัย"! 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"