ถกงบฯบานซัดโกงยุค‘แม้ว-ปู’


เพิ่มเพื่อน    

  ถกงบวันสุดท้ายกร่อย ฝ่ายค้านส่ง ส.ส.ฝึกอภิปราย   "ปารีณา" ถล่มฝ่ายแค้นแหลก ประเทศเป็นหนี้เพราะโกงสมัย "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" จนต้องตั้งงบ 4.6 หมื่นล้านบาท ชดใช้จำนำข้าว ไอ้หนุ่มคลองสามวาสวนเศรษฐกิจพังเพราะรัฐประหาร โวยลั่นห้ามด่ารัฐบาลแม้ว-ปู 

    เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 ตุลาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 เป็นประธานในที่ประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 เป็นวันที่ 3 โดยฝ่ายค้านได้เปิดโอกาสให้ ส.ส.หน้าใหม่ขึ้นอภิปรายกันอย่างกว้างขวางตลอดครึ่งวันเช้ากัน
    โดยมี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายเป็นคนแรก เรียกร้องว่ารัฐบาลอย่าใช้มาตรการเก็บภาษี ลักษณะรีดเลือดจากปู หรือขึ้นภาษีตามอำเภอใจ เพื่อรีดภาษีจากประชาชนและนำมาใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย และจากการตั้งงบประมาณที่เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของการยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และพยายามสืบทอดอำนาจ เพราะเน้นการจัดสรรงบประมาณให้กับกระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหน่วยงานด้านความมั่นคงมากกว่าการจัดสรรให้กระทรวงที่พัฒนาศักยภาพของมนุษย์
    เช่น กระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้รับงบประมาณ 3.6 แสนล้านบาท ซึ่งลดลงกว่า 2 แสนล้านบาท และรัฐบาลระบุว่าเพราะจัดสรรให้กับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม แต่เมื่อนำงบประมาณของหน่วยงานที่โอนไปยังกระทรวงการอุดมศึกษาฯ พบว่ามีตัวเลขงบโดยรวมด้านการศึกษาลดลง 8,000 ล้านบาท
     เธอกล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณที่ลดลง ไม่น่ากังวลเท่ากับการบริหารงบประมาณที่ขาดวิสัยทัศน์ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาคอร์รัปชันในวงการการศึกษา ซึ่งยุค คสช.พบการเรียกรับเงินจากผู้ปกครองเข้าโรงเรียนใกล้บ้านเพิ่มมากขึ้น ซึ่งกรณีดังกล่าวตรวจสอบแล้วแต่เรื่องเงียบ เนื่องจากมีการทำเป็นขบวนการ และยังพบปัญหาล็อกสเปกแบบเรียนจากบุคคลใกล้ตัวของรัฐบาล ขอให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบด้วย
    "การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อภิปรายเมื่อช่วงดึกของวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่าเป็นคนอาบน้ำร้อนมาก่อนนั้น ดิฉันเห็นว่าเกิดก่อนเกิดหลังไม่เกี่ยว อยู่ที่ว่าจะรับฟัง ส.ส.และเรียนรู้หรือไม่ เพราะเป็นการสะท้อนเสียงประชาชน หากปิดหู ต่อต้าน หรือไม่รับฟัง จะทราบปัญหาที่แท้จริงได้อย่างไร ขอถามท่านผู้นำว่าบริหารประเทศมา 5 ปี ท่านไม่ละอายใจบ้างหรือที่บอกว่าจะคืนความสุขให้ประชาชน แต่เห็นชัดว่าบ้านเมืองเราย้อนหลังไป 30 ปี แสดงให้เห็นว่าการที่ยึดอำนาจไปไม่ได้เป็นสิ่งดีให้กับประชาชน ปัญหาทุกอย่างก็ยังวนเวียนอยู่ เหมือนกับนโยบายของรัฐบาลปัจจุบันใช่หรือไม่ ที่ว่าจนยั่งยืน"
    ต่อมานายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายว่า ร่าง พ.รบ.งบประมาณฉบับนี้เป็นงบประมาณหอมหวานแบบคาหนังคาเขา ไม่รอบคอบ ไม่รัดกุม ไม่บูรณาการจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ไม่ร่วมมือกับนักวิชาการและประชาชน เพราะงบประมาณในส่วนของสิ่งแวดล้อม การป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งมีเพียงแค่ 775 ล้านบาท ทั้งที่เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ บางโครงการบอกกับชาวบ้านว่าปรับปรุงภูมิทัศน์ แต่หลักๆ คือการสร้างเขื่อน ทำให้ชายฝั่งหายไป และบริษัทหน้าเดิมๆ ที่เป็นผู้รับจ้างทำโครงการ
ตั้งสมมติฐานว่าคนไทยโง่  
    ส่วนนายสันติ กีระนันทน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) อภิปรายว่า ขอท้วงติงการจัดสรรงบประมาณในยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตในคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจัดสรรรวม 1.8 แสนล้านบาท ถือว่าน้อยเกินไป เพราะเป็นยุทธศาสตร์ที่เน้นการพัฒนาคน และเป็นเรื่องระยะยาว ทั้งนี้ ในการอภิปรายของสมาชิก ตนขอให้อย่ามองประเทศไทยในแง่ร้าย แต่ควรมองหาช่องทางเพื่อปรับปรุง 
    ทั้งนี้ยอมรับว่าในประเด็นความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของประเทศที่น่ากลัวคือความมั่งคั่ง ที่มีคนรวย 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับประชากรทั้งประเทศ ถือครองทรัพย์สินคิดเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ของทรัพย์สินของประเทศทั้งหมด แต่ในทิศทางดังกล่าว จากงานวิจัยพบว่าความเหลื่อมล้ำดังกล่าวเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น
    ต่อมา น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอตั้งคำถามงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 สร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมจริงหรือไม่ งบประมาณการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ที่ตั้งไว้ 7.6 แสนล้านบาทนั้น พล.อ.ประยุทธ์ติดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก เพราะตั้งสมมติฐานว่าคนไทยโง่ และขี้เกียจ มีแต่นโยบายแจก แต่ไม่ยอมสร้างโอกาสพัฒนาให้ประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ไม่สร้างโอกาสใหม่ไม่พอ ยังทำลายโอกาสเดิมอีก ทำให้คนไทยรอคอยแต่โอกาสการช่วยเหลือจากสวัสดิการภาครัฐ ทั้งที่เคยมีกองทุนหมู่บ้าน โอนเงินเข้ากองทุนให้ประชาชนไปคิดกัน เองอยากได้อะไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ 5 ปีที่ผ่านมา เอางบไปไล่แจก ไม่สอนให้คนไทยคิดทำอะไร  
    ส่วนงบลงทุนก็ไม่เสริมปัญญา เอาแต่เสริมอาวุธ เป็นไปได้หรือไม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเปลี่ยนจากซื้อรถถัง เรือดำน้ำ มาซื้อแท็บเล็ต ติดอุปกรณ์ให้นักศึกษาแข่งขันกับต่างประเทศ ขณะเดียวกันรัฐบาลยังโยกเงินไปไว้ที่งบกลางถึง 5.18 แสนล้านบาท เพื่อใช้อัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามอำเภอใจ ไม่มีการตรวจสอบ ไม่รู้โยกไปใช้เพื่ออะไร 
    นอกจากนี้ยังสงสัยว่า เมื่อไรจะจัดงบประมาณแบบสมดุลได้ นายกฯ บอกว่า 10 ปีข้างหน้า จะทำงบแบบสมดุลได้ แต่มองไม่เห็นหนทาง 5 ปีที่ผ่านมาตั้งงบขาดดุลมาตลอด ตั้งแต่ปี 2557-2562 รวม 6 ปี กู้เงินไป 2.6 ล้านล้านบาท พล.อ.ประยุทธ์อาจลืมไปว่าประเทศไทยเคยจัดงบแบบสมดุลมาแล้วปี 2548 ในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ถ้าคิดไม่ออกว่า ผู้นำในอดีตมีหลักคิดยังไง ให้กลับไปดูปี 2548 ว่ารัฐบาลยุคนั้นทำไมจึงทำได้ 
    ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ลุกขึ้นชี้แจงแทนนายกฯ ว่า การที่ท่านทั้งหลายได้อภิปรายและให้ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ข้อติเตียน ตนรับฟังทุกอย่าง อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าตลอดที่ใกล้ชิดนายกฯ ไม่เคยพูดว่าคนไทยโง่ คนไทยขี้เกียจ นายกฯ มีแต่พูดว่าคนไทยขยัน เก่ง แต่ต้องสร้างโอกาส โดยเฉพาะคนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และไม่ว่านายกฯ จะไปที่ไหน ไปหาร้านอาหารญี่ปุ่น กุ๊กก็เป็นคนอีสาน ช่างแอร์ ช่างเฟอร์นิเจอร์ก็เป็นคนอีสานหมด ในช่วงระยะเวลาหนึ่งเขาก็กลับไปทำนาให้พอกิน ซึ่งทำนาได้ปีละครั้ง แล้วก็กลับไปใช้แรงงานต่อ ดังนั้นนายกฯ ไม่เคยพูด ไม่เคยคิด แต่ผู้อภิปรายพูดเอง
    รมว.มหาดไทยแจงว่า เรื่องแนวความคิดที่ว่าแจกอย่างเดียว ทุกคนคงทราบกันดีว่าไม่มีใครอยากทำอย่างนั้น เราอยากให้เขาเป็นนกที่บินได้เอง โดยเราต้องสอนให้เขาบินเอง เราไปบินแทนไม่ได้ เราไม่อยากแจกปลา แต่เราอยากแจกเบ็ด โครงการไทยนิยมยั่งยืนเป็นตัวอย่างหนึ่ง ซึ่งเราสำรวจและรู้ว่าเขามีรายได้ต่ำ จึงมีการเอาไปฝึกอบรมแล้วเราถึงจะจ่ายเงินเขา 
ผู้อภิปรายกรุณาฟังผมบ้าง
    "คนบางกลุ่มเราก็ต้องไปดูเขา เพราะยังอ่อนด้อยอยู่ ที่เรียกว่าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ผู้อภิปรายก็บอกว่าไม่เหมาะสม ซึ่งผมก็รับฟังไม่เป็นไร ผมก็ชี้แจง แต่ผู้อภิปรายก็กรุณารับฟังบ้าง" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
    ในช่วงบ่าย น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ปัญหาความยากจน จากที่ได้ฟังสมาชิกอภิปรายหลายคนในลักษณะเหรียญด้านเดียว ปัจจุบันรัฐบาลมีหนี้สินมากจริง ซึ่งเกิดจากการกู้ของรัฐบาลที่ผ่านมา การกู้เงินมาบริหารประเทศเป็นความจำเป็น และเกิดขึ้นกับทุกรัฐบาล แต่หนี้สินส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาการทุจริต คอร์รัปชัน โกงจำนำข้าว 6 แสนล้านบาท โกงหวยบนหิน จีทูจี โดยเฉพาะรัฐบาลชุดนายกรัฐมนตรีที่หนีไปต่างประเทศ สร้างหนี้ไว้ให้กับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จนต้องตั้งงบประมาณจำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท มาชดใช้หนี้โครงการจำนำข้าวดังกล่าว ส่วนคนโกงก็ไปอยู่ต่างประเทศ ชาตินี้ก็กินไม่หมด
    ส.ส.ราชบุรีอภิปรายว่า เราไม่ได้เริ่มจากศูนย์ แต่เริ่มจากติดลบ ปัจจุบันนี้ทุกประเทศทั่วโลกเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เกิดจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐ ประเทศไทยก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เศรษฐกิจตกต่ำเป็นปัญหาทั่วโลก แต่ไทยถือว่าได้รับผลกระทบน้อย รัฐบาลสามารถสร้างเสถียรภาพการเงินการคลังได้อย่างมั่นคง เห็นชัดเจนค่าเงินบาทแข็งมากที่สุดในภูมิภาคนี้ ทำให้ไทยได้รับความน่าเชื่อถือจากทั่วโลก ปัจจัยภายนอกเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ และในบรรยากาศทั้งหมดนี้เวิลด์อีโคโนมิกฟอรัมยังจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของไทยให้อยู่ในอันดับที่ 40 จากทั่วโลก เป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยวอันดับหนึ่ง ครองแชมป์อยู่ 
    ส่วนปัญหาความยากจนเป็นปัญหาเรื้อรังยาวนานทุกรัฐบาลยังแก้ไม่ได้ จึงไม่เป็นธรรมที่จะกล่าวหารัฐบาลนี้เป็นต้นเหตุความยากจน ทั้งนี้ รัฐบาลมีการจัดงบประมาณและทำนโยบายแก้ไขเศรษฐกิจโดยส่วนหนึ่ง มีการนำภาษีมาช่วยอัดฉีดเงินช่วยเหลือชาวนา ชาวไร่  ผู้มีรายได้น้อย ทั้งการแจกเมล็ดพันธุ์ข้าว ประกันราคาข้าว 15,000 บาทต่อตัน ประกันราคายาง ราคาสินค้าเกษตร เป็นการใช้งบที่ประชาชนรออยู่ โดยเฉพาะประชาชนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 14.6 ล้านคน ซึ่งใช้งบ 4 หมื่นล้านบาท สวัสดิการผู้สูงอายุ 7.6 หมื่นล้านบาท คนเหล่านี้รองบประมาณจากรัฐบาลอยู่ จึงอยากให้ฝ่ายที่เห็นต่างมาร่วมกันเดินหน้าประเทศไทย ไม่ดึงรั้งว่าเมื่อไหร่จะได้เงินตามนโยบาย ก็ขอให้ช่วยกันโหวตให้กับร่างงบประมาณนี้ อย่าดึงรั้งประเทศไทย ขอให้ทุกคนเดินหน้าประเทศไทย ประชาชนรออยู่
         จากนั้น นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ขอเรียกร้องให้ยกเลิกผลพวงของมาตรา 44 โดยให้คืนสำนักงานเขตการศึกษา เพราะคำสั่งดังกล่าวได้ยกเลิกผู้แทนครูแล้วตั้งผู้แทนระดับจังหวัดเข้าไป ทำให้การทำงานเกิดการขบเหลี่ยมขัดแข้งขัดขา เป็นเหตุให้การจัดการศึกษามีปัญหาอย่างมาก ดังนั้นควรจัดการศึกษาแบบกระจายอำนาจเหมือนเดิมดีอยู่แล้ว 
    นอกจากนี้ ขอให้รัฐบาลและ รมว.ศึกษาธิการ อย่าเพิ่งยุบโรงเรียนขนาดเล็กตามชนบท เนื่องจากเหตุผลว่ามีจำนวนนักเรียนน้อย ขอให้ท่านดูให้ดีก่อน เพราะขณะนี้ชาวบ้านก็ไม่เชื่อว่าโรงเรียนขนาดใหญ่จะมีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะตัวเลขการสอบโอเน็ต-เอเน็ตฟ้องว่าเด็กโรงเรียนขนาดเล็กมีศักยภาพมากกว่าโรงเรียนขนาดใหญ่ จึงขอให้ รมว.ศึกษาธิการพิจารณาอย่างรอบคอบ อย่าให้เป็น รมต.ในประวัติศาสตร์ที่ยุบโรงเรียนมากที่สุดในประเทศไทย ทั้งนี้ ตนอยากฝากว่าการลงทุนกับต้นกล้าการศึกษาไม่ต้องเสียดาย ไม่มีคำว่าขาดทุน แต่ตอนนี้งบที่ตั้งไว้เพื่อการศึกษาน้อยไป ถ้าคนไม่มีความรู้อย่าว่าแต่งบ 3.2 ล้านล้านบาท ต่อให้ตั้งงบเป็น 10 ล้านล้านบาท ก็บริหารประเทศได้ไม่ดี เพราะเราขาดทรัพยากรอันทรงคุณค่าคือมนุษย์ สิ่งเหล่านี้เป็นเศรษกิจที่สร้างขึ้นมาแล้วถาวรชาติจะยิ่งใหญ่ ถ้าเด็กในประเทศมีการพัฒนาที่ดี
"หนุ่มคลองสามวา"ป่วนสภา
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นขอใช้สิทธิ์พาดพิง ทำให้นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมในขณะนั้น จึงสอบถามว่า ไม่ทราบว่าจะใช้สิทธิ์พาดพิงในประเด็นใด และผิดข้อบังคับข้อไหน โดยนายจิรายุกล่าวว่า ท่านประธานจะปล่อยให้ฝ่ายรัฐบาลพูดแต่เรื่องเก่าๆ ไม่ได้ 
    แต่นายสุชาติไม่อนุญาตให้นายจิรายุใช้สิทธิ์พาดพิง โดยระบุว่านายจิรายุต้องระบุให้ชัดว่าถูกพาดพิงในประเด็นใด นายจิรายุจึงตอบโต้ว่า ทำไมฝ่ายรัฐบาลพูดเท็จกลางสภาได้ แต่พวกตนฝ่ายค้านกลับไม่มีสิทธิ์ที่จะชี้แจง 
    ทำให้นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วงนายสุชาติว่า ต้องให้นายจิรายุนั่งลง และเคารพคำตัดสินของประธานในที่ประชุม นายสุชาติจึงวินิจฉัยว่า รัฐมนตรีเป็นฝ่ายที่เสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ ประเด็นใดที่สมาชิกแสดงความเห็น รัฐมนตรีก็มีสิทธิ์ที่จะชี้แจงได้ ซึ่งกรณีของนายจิรายุ ไม่ทราบว่าจะชี้แจงประเด็นใด ก่อนที่จะตัดบทให้สมาชิกท่านอื่นได้อภิปรายต่อไป
    ในช่วงเย็น นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายตอนหนึ่งถึง 3 อำนาจ ได้แก่ อำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจตุลาการ ว่า ตนมีคำถามในส่วนของงบประมาณของรัฐสภา โดยปี 2562 ไม่มี ส.ส.และ ส.ว. แต่ได้งบประมาณถึง 1 หมื่นล้านบาท แต่ในปี 2563 มีทั้ง ส.ส.และ ส.ว. แต่กลับได้งบเพียง 8,684 ล้านบาท จึงสงสัยว่าทำไมถึงได้งบประมาณน้อยลง 
    นอกจากนี้ ขอฝากเกี่ยวกับเรื่องสิทธิการคุ้มกันและคุ้มครองสิทธิ์ของ ส.ส. เพราะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 3 กำหนดชัดเจนถึงอำนาจ 3 ฝ่ายแยกออกจากกัน แต่วันนี้มีอำนาจเหนืออำนาจสั่งส.ส.หยุดปฏิบัติหน้าที่ได้ ซึ่งต้องมีการสังคายนา 3 อำนาจ อย่าให้อำนาจตุลาการมาหยุดยั้งการทำงานของ ส.ส.ที่มาจากประชาชนได้ และต้องให้อำนาจทั้ง 3 ฝ่ายเป็นอิสระ แต่ถ้าเป็นเช่นนี้ ส.ส.จะทำหน้าที่ได้อย่างไร ดังนั้นขอฝากให้ฝ่ายกฎหมายจัดสัมมนานักกฎหมายทั่วประเทศด้วย
    นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า ตนเข้าใจรัฐบาลในการตั้งกรอบวงเงินงบประมาณปี 2563 เพราะการจัดงบมีเงื่อนไขมากมายที่ต้องดูแลให้ครอบคลุมทั่วถึง การตั้งงบขาดดุล เพราะมีรายรับไม่พอรายจ่าย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องคิดว่างบรายจ่ายประจำปีสูงเกินไปหรือไม่ ดังนั้นควรต้องระงับงบดำเนินการกับรายจ่ายอื่นๆ เพื่อจะช่วยประหยัดได้ 
    ทั้งนี้ ในส่วนของงบเกษตรกร เราต้องคิดว่าวงจรชีวิตเกษตรกรเหมือนเส้นเลือดในประเทศ ถ้าเส้นเลือดไม่ดี ร่างกายก็ไม่ดี วันนี้มีงบประกันรายได้ ขณะที่พรรคภูมิใจไทยมีนโยบายแบ่งปันผลประโยชน์ หากใช้นโยบายของพรรคภูมิใจไทย เชื่อว่ารัฐบาลจะไม่ต้องเสียเงินจำนวนมาก 
    ขอฝากนายกรัฐมนตรีว่า อนาคตอีก 30-40 ปี ประวัติของท่านจะถูกระบุว่าเป็นเผด็จการหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่สิ่งที่นายกฯช่วยพี่น้องเกษตรกรได้คือ เรียกทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมานั่งคุยเพื่อออกกฎหมาย เพราะทุกครั้งเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลนโยบายก็เปลี่ยน พี่น้องชาวนาไม่มีความมั่นคงในชีวิต รัฐบาลจึงควรทำนโยบายให้เป็นกฎหมาย จะทำเรื่องอะไรก็ทำเลย ถ้าเป็นกฎหมายทุกอย่างจบ เวลาเลือกตั้งพรรคการเมืองต่างๆ ก็ไม่ต้องเสนอประชาชน เพราะบางพรรคก็หลอก ตนเชื่อว่านายกฯ ทำได้ ความหวังอยู่กับท่าน ท่านจะมีอนุสาวรีย์ได้รับการแซ่ซ้องสรรเสริญว่าช่วยเกษตรกร ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ และสิ่งที่อยากถาม วันนี้ท่านไม่สงสัยบ้างหรือ แจกเงินประชาชนไป 13-14 ล้านคน ก็ยังมีเสียงบอกว่าเศรษฐกิจไม่ดี ก็เพราะราคาสินค้าทางการเกษตรตกต่ำ เศรษฐกิจจึงดีไม่ได้ เพราะผู้ใช้เงินคือเกษตรกร
 “รัฐบาลเสี่ยตู่” 
    ต่อมา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์มีอำนาจในการบริหารประเทศ แต่วันนี้สังคมมองว่าท่านจะได้รับการยอมรับในอำนาจของท่านหรือไม่ ท่านทำงบประมาณที่เรียกว่าทำร้ายคนจน ไม่เห็นหัวคน เป็นงบประมาณกบในกะลา ทำเหมือนว่าประเทศไทยมีประเทศเดียวบนโลกใบนี้ ทั้งที่มีประเทศเพื่อนบ้านอยู่โดยรอบ ส.ส.ฝ่ายค้าน บอกว่าปัญหาเศรษฐกิจการคลังกำลังน่าเป็นห่วง ต้นตอปัญหาคือการยึดอำนาจ 5 ปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงความด้อยอำนาจของการบริหารราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะเศรษฐกิจติดลบทุกตัว และการที่บอกว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ประชาชนมีเงินฝากในธนาคาร 13,831 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ายุค น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ นั่นแสดงว่าประชาชนไม่ใช้เงิน เพราะเขาไม่แน่ใจในสถานการณ์การเงินของประเทศ อย่างไรก็ตาม นโยบายพรรคพลังประชารัฐหลายนโยบาย จนตอนนี้ยังไม่เห็นอยู่ในร่าง พ.ร.บ.งบฯ ฉบับนี้เลย ท่านใช้วิธีการบริหารแบบเสี่ย ต้องเรียกว่า “รัฐบาลเสี่ยตู่” ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลเอาแต่กู้ๆๆ จนสูงเหมือนเปรต 6 เดือน กู้ไป 4.5 แสนล้านบาท ดังนั้นสภาจะต้องติดตามตรวจสอบการใช้เงินในโครงการต่างๆ ต่อไป
    ทั้งนี้ นายจิรายุไม่พอใจที่ ส.ส.รัฐบาลอภิปรายโจมตีรัฐบาลทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ เพราะจะทำให้ประเทศเดินหน้าไปไม่ได้ 
    ช่วงท้าย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.พรรคเพื่อไทย อภิปรายสรุปในส่วนของฝ่ายค้านว่า วาระแรกนี้ทำใจโหวตให้ผ่านไม่ได้ แต่จะโหวตคว่ำก็สงสารชาวบ้าน เอาไว้วาระ 2-3 มาว่ากันอีกที
    หลังจากนั้นที่้ประชุมสภาลงมติผ่านวาระแรก โดยฝ่ายค้านงดออกเสียง  และมีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาในวาระที่ 2 ต่อไป 
    ทั้งนี้ ก่อนการประชุม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ภาพรวมการอภิปรายเป็นการอภิปรายที่สร้างสรรค์ ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลได้เสนอแนวคิดต่างๆ ซึ่งรัฐบาลจะนำไปพิจารณาต่อได้ คิดว่าการอภิปรายแบบนี้จะทำให้เกิดประโยชน์ ที่จะได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน และเมื่อคืนนี้ตนได้มีโอกาสพบนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โดยนายปิยบุตรได้บอกว่าได้ไปสกัดงบประมาณ และนำเสนอต่อรัฐบาล ด้วยเจตนาดีต่อรัฐบาล ซึ่งตนก็ได้ขอบคุณว่าเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่จะนำไปใช้ขับเคลื่อนงบประมาณแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด จนถึงขณะนี้เป็นบรรยากาศที่ดีในการอภิปรายร่วมกันของทุกฝ่าย
    เมื่อถามว่า ก่อนลงมติผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ จะต้องมีการหารือก่อนหรือไม่ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า คงไม่มีอะไร เพราะคงไปสู่การลงมติในตอนท้าย ซึ่งตนได้ติดตามสถานการณ์ ก็มั่นใจว่า การลงมติจะผ่านไปได้ด้วยดี รัฐบาลได้รับเสียงสนับสนุนที่ต้องการเดินหน้าขับเคลื่อนกระบวนการในทางรัฐสภาต่อไป
    ถามว่าฝ่ายค้านระบุว่าเมื่อผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ แล้ว จะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อรัฐบาล นายสนธิรัตน์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลทำได้ จึงให้ทุกอย่างเดินไปตามข้อบังคับ
    นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการอภิปรายว่า บรรยากาศการอภิปรายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ฝ่ายรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ สามารถชี้แจงได้อย่างชัดเจนถึงที่มาที่ไป ความจำเป็น ความเหมาะสม และความคุ้มค่าของการจัดทำงบประมาณ ขณะที่ฝ่ายค้านก็อภิปรายตามปกติ ไม่ได้เข้มข้นเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะพรรคร่วมฝ่ายค้านเองก็คงทำการบ้านมาอย่างดี เมื่อพิจารณาในรายละเอียดแล้วเห็นว่าการจัดทำงบประมาณเป็นประโยชน์กับประชาชน จึงไม่ได้คัดค้านอะไรมากมาย หรือดุเด็ดเผ็ดร้อนเอาเป็นเอาตายเหมือนในอดีต
    เขาบอกว่า การอภิปรายครั้งนี้ต้องขอชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์ ที่ใจเย็น มีอารมณ์ขัน และสามารถชี้แจงฝ่ายค้านได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ ตนเจอ ส.ส.ฝ่ายค้านบางคนก็ยังพูดชมท่านนายกฯ พร้อมทั้งบอกด้วยว่างบประมาณปี 63 ประชาชนได้ประโยชน์ก็คงไม่มีเหตุผลที่จะไม่เห็นด้วย เพราะประชาชนรออยู่ ตนอยากให้บรรยากาศเป็นแบบนี้ เพราะเชื่อว่าทุกฝ่ายทำเพื่อบ้านเมือง เพื่อประชาชน หากอะไรที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลก็ต้องร่วมมือกัน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะนำข้อเสนอแนะต่างๆ มาปรับปรุงในชั้นกรรมาธิการฯ อะไรที่ทำแล้วเกิดประโยชน์สูดสุดกับพี่น้องประชาชน รัฐบาลเดินหน้าดำเนินการแน่นอน เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ขณะที่การอภิปรายของพรรคอนาคตใหม่นั้น เข้าใจได้ว่า ส.ส.หลายท่านคงไม่มีกะจิตกะใจ เพราะหัวหน้าพรรคกำลังเหนื่อยหลายเรื่อง เหมือนคำพระที่ว่า กัมมุนาวัตตติโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ซึ่งใครทำอะไรไว้ก็ต้องรับผลกรรมที่จะตามมา
     นายสุทิน? คลังแสง? ส.ส.มหาสารคาม? พรรคเพื่อไทย ?ในฐานะประธานคณะกรรมการ?ประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน? (วิปฝ่ายค้าน)? ให้สัมภาษณ์?ว่า การโหวตร่าง พ.ร.บ.?งบประมาณฯ? ฝ่ายค้านจะประชุมกัน มั่นใจว่าเสียงจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน? แต่รายละเอียด?ของแต่ละพรรคเราไม่ทราบ?
    เมื่อถามว่า? จะมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่ไม่โหวตไปในแนวทางเดียวกับพรรคหรือไม่ ?นายสุทินตอบว่า? แต่ละพรรคคงมีอยู่แล้ว? แม้เรื่องดังกล่าวเป็นเอกสิทธิ์? แต่เชื่อว่า ส.ส.แต่ละพรรคจะมีวินัย? ดำเนินการตามแนวทางของพรรค? บทลงโทษขณะนี้ยังไม่มี? แต่อาจจะมีในช่วงของการพิจารณา?ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง รวมถึงการส่งเสริมความก้า?วหน้าในพรรค? ซึ่งเป็นเรื่องร้ายแรง?แต่ถึงอย่างไร? เราก็ต้องฟังเหตุผลการชี้แจงของเขาด้วย? เช่น? ของพรรคเพื่อไทย? วันนี้ก็มีนอนโรงพยาบาล?อยู่? อาทิ? นายเชิดพงศ์ ราชป้องขันธ์? ส.ส.บึงกาฬ? นายจักรพรรดิ? ไชยสาส์น? ส.ส.อุดรธานี? และถ้ารวมกับนายนวัธ? เตาะเจริญสุข? ส.ส.ขอนแก่น? ที่ต้องคำพิพากษา?อยู่?ก็จะทำให้เสียงของเพื่อไทยหายไป? 3 คน? 
    ถามว่า?สภาจะเปิดสมัยประชุมวิสามัญอีกครั้งในวันที่? 1 พฤศจิกายน? ฝ่านค้านจะยื่นอภิปราย?ไม่ไว้วางใจ?เลยหรือไม่? นายสุทินกล่าวว่า? ต้องดูตามความสมควร? และเ?ท่าที่ดูข้อมูล ก็พอจะมีเหตุและหลักเกณฑ์?ที่ต้องลงแซ่? เช่น? การไม่ปฏิบัติตาม?กฎหมาย?โดยเฉพาะ?เรื่องเงินนอกงบประมาณ? ที่จะไปขัดกับเรื่องวินัยการเงินการคลังได้? และคิดว่าจะยื่นอภิปราย?ภายในสิ้นปีนี้? เพราะการอภิปราย?ไม่ไว้วางใจ?จะทำได้ปีละ? 1 ครั้งตามวงรอบปฏิทิน?
    นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการลงมติผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ว่าเป็นไปไม่ได้ที่พรรคฝ่ายค้านจะไปร่วมสนับสนุนยกมือให้ผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 
    เมื่อถามว่า จะมี ส.ส.ลงมติสวนกับมติพรรคหรือไม่ นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ไม่เชื่อว่ามี เพราะเราอภิปรายไม่เห็นด้วยงบประมาณ แล้วจะไปยกมือให้ได้อย่างไร เชื่อเป็นไปไม่ได้ทางการเมือง และทุกคนที่อภิปราย ฝ่ายค้านไม่มีใครเห็นด้วยกับการจัดทำงบประมาณ ดังนั้นเชื่อว่าก็ต้องยกมือไปแนวทางเดียวกัน การจะไปยกมือสนับสนุนเป็นไปไม่ได้ 
    ถามว่าส่วนคนที่ไม่ได้อภิปรายจะลงมติไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ นายยุทธพงศ์กล่าวว่า เชื่อว่าทุกคนเคารพมติของพรรค ก็คืองดออกเสียง พรรคเพื่อไทยไม่มีงูเห่าแน่นอน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"