อนค.สนิมเกิดแต่เนื้อใน! ‘ช่อ’โคม่าส่อเซ่นเงินล้าน


เพิ่มเพื่อน    

 "ดร.โจ" ชำแหละซ้ำ "อนค.โกหกหลักการประชาธิปไตย" มติพรรคกินความแค่ 5 คน "ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ"  และ 2 ตอ "ติ่ง-ต๋อม" ชนชั้นข้างในเป็นระบบอุปถัมภ์นั่งแยกโต๊ะเป็นบ่าว-ไพร่ ใครไม่กุมเป้าเป็นขยะ-สนิม ซัด "ไพร่หมื่นล้าน" ตัวจริงไม่เห็นหัวคน คิดแต่กำไรขาดทุน "ช่อ" ตายสนิท! "อิศรา" เปิดภ.ง.ด.91 ปี 61 แจ้งรายได้ 8.4 แสน คืนภาษี 6,752 บาท อุดหนุนพรรค 500 ไม่พบบริจาค 1 ล้าน

      เมื่อวันอังคาร นายชาญวิทย์ ใจสว่าง หรือ ดร.โจ อดีตผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร เขต 1 พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หัวข้อ "อนค. โกหกหลักการประชาธิปไตย" ตอกย้ำจากการโพสต์ครั้งก่อนเรื่อง "อนค. โกหกหน้าตาย" โดยระบุว่า ไม่ขยะ ก็สนิม มีค่าแค่นี้ สำหรับคนที่เห็นต่างจากอนาคตใหม่ คนภายนอกได้ยินกันแล้ว หัวหน้าพรรคเป็นคนพูดเองว่าใครคือ สนิม สำหรับภายใน โดนมามากแล้ว คนแล้วคนเล่า เขาดูถูกคนหน้าใหม่ทางการเมืองมาตลอด 95% กระแสธนาธร อีก 5% เป็นของ ส.ส.เขต พูดกันหนาหูเหลือเกิน
    "คนข้างนอกอาจรู้สึกเหมือนไม่จริง เพราะจากภาพก่อนหน้านี้ เห็นกันว่อนโซเชียล นั่งพื้น นอนเสื่อ กินข้าวช้อนกลางคันเดียว บางคราวลากแตะหูหนีบ สะพายผ้าขาวม้า ขึ้นเครื่องเดินทางเหมือนไพร่หมื่นล้านเดินดินตัวจริงตอนอยู่ข้างนอก ผมก็เห็น เหมือนที่คนนอกเห็น แต่พอเข้าข้างใน จึงรู้ว่าเป็นคนไม่เห็นหัวคนจริงๆ เขาคิดแต่กำไร ขาดทุน และผลประโยชน์เหนือสิ่งอื่นใด"
    นายชาญวิทย์ระบุว่า ระบบชนชั้นข้างใน เป็นระบบอุปถัมภ์ เขาวางไว้หมดแล้ว และถูกนำมาแยกชั้นวรรณะอย่างจริงจัง หลังเลือกตั้งเป็นต้นมา จากสถานะผู้สมัคร ส.ส. ที่เคยเริ่มต้นเสมอกัน พอเปลี่ยนเป็นท่าน ส.ส. หลังการเลือกตั้ง พฤติกรรมพวกนี้ ออกลาย เริ่มแยกและยกสถานะที่ต่างกันทันที งานเลี้ยงฉลองหลังเลือกตั้งแยกโต๊ะนั่งกินดื่มกัน เหมือนบ่าว ไพร่ ที่เกาะบ่าไหล่ไม่ได้อีกแล้ว ชนชั้นสูงถูกยกขึ้นสูงสุด ไขว่คว้าไม่ถึง โดยมีชนชั้น 2 ห้อมล้อม เป็นประภาคาร คอยสกัดกีดกันชนชั้น 3 ไม่ให้เฉียดเข้าไปใกล้โดยเด็ดขาด ชนชั้นสูงสุดนี่ละที่เรียกว่า “มติพรรค” เสมอมา กินความแค่ คน 5 คน ทอน บุต ช่อ และ 2 ตอ
    "ชนชั้น 3 ที่ไม่อยากต่ำ อยู่อย่างไร้ค่า หลังแพ้เลือกตั้ง พยายามดิ้นหนี ขึ้นชั้นลอย ใกล้ติดชนชั้น 2 เหมือนปลาว่ายทวนน้ำ หนีความแห้งแล้ง แบบไหน แบบนั้น จากนักต่อสู้เพื่อมวลชน ต้องการเป็น ผช.ส.ส. เลยต้อง “กุมไข่” รับใช้จนเป็นที่ประจักษ์แก่ชนชั้น 2 เพื่อนำเสนอชั้นสูงสุดให้วางตำแหน่ง ผช.ส.ส.นี้ให้ได้ ที่ใดที่หนึ่ง ตามใจที่ข้างบนชี้ลงไปข้ามภาคข้ามจังหวัด ที่เหลือที่ไม่ “กุมไข่” คือขยะ ที่เกิดจากการหล่อหลอมของพรรค ส่วนบุคคลภายนอกที่ไม่เลือก อนค. คือ “สนิม” ผมเห็นบุคคลสองบุคลิกนี้แล้วแทบไม่เชื่อว่านี้คือพรรคที่จะสร้างประชาธิปไตย เริ่มต้นร่วมกันสร้าง ประชาธิปไตย แต่โครงสร้างถูกสร้างเป็นแท่ง “เผด็จการ” โดยบริหารจัดการกันแบบระบบอุปถัมภ์ห่อหุ้ม ผลลัพธ์ก็ต้องออกมาเป็นเผด็จการอย่างเดียว เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้"
    อดีตผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร พรรคอนาคตใหม่ ระบุอีกว่า ผมเห็นเป็นแค่ “กระสือการเมือง” ที่หาอุดมการณ์ทางการเมืองไม่เจอ เหมือนกระสือที่ล่องลอย แขนขา ตัวตนไม่มีอยู่จริง หลอกหลอนสร้างประชาธิปไตย กลับไปกลับมาได้ในคนคนเดียวผู้ที่ไม่เคยเจอทั้งในรูปคนและกระสือพร้อมกัน ย่อมลังเลเป็นธรรมดา แต่เชื่อเถอะ มีคนเริ่มดูออกและจับพิรุธได้แล้วว่าแปลงร่างสร้างภาพได้อย่างน่ากลัว
    640 ตำแหน่ง ผช.สส. ผชช. (ผู้เชี่ยวชาญ) เลขาฯ ที่บอกว่าคิดจากความสามารถ มีนักวิชาการมากมาย ถ้ามันจริงดั่งบอก คนที่ไม่ได้คงไม่หน้าด้านกล้าออกมาเรียกร้องการจัดสรรแบบนี้หรอก เรามี “ยางอาย” เราอายคนเป็น ยิ่งความสามารถไม่ถึง เท่ากับเสียคนเล่นๆ ได้เลยคัดสรรอย่างดี แต่ทำไมหนอ ผลออกมาได้เฉพาะเพื่อนชนชั้นสูง ทั้งข้างใน มาจากข้างนอก ทั้งคนที่ไม่เคยร่วมหล่อหลอมมาก่อน ทะลักเข้ามาเต็มไปหมด เจ้าหน้าที่พรรค ส่วนกลาง และจากสาขา ที่ทำงานอยู่ และที่ถูกส่งไปคุมสาขา กลับย้อนมาเป็นผู้มีความสามารถได้อย่างไร มากมายขนาดนั้น มีทั้งปัญหาคอร์รัปชันเงินสนับสนุนพรรค ชักเปอร์เซ็นต์ขายเสื้อผ้า สร้างบิลค่าใช้จ่ายเท็จในการทำกิจกรรมแต่ละเดือน ทำไมได้แต่คนสอพลอ นี่คือคำถาม ไม่ได้น้อยใจเรื่องไม่ได้ตำแหน่งแล้วมาทำลายพรรค รู้สึกผิดหวังกับการจัดสรรหากันแบบนี้ แล้วอ้างความสามารถบังหน้า ออกสื่อดูดี มันย้อนแย้งกับหลักการอย่างชัดเจน ความสามารถ 640 คน เปิดให้เห็นหน้าเห็นชื่อกันไปเลยดีไหม จะได้โชว์ภาพพรรคคุณภาพที่เต็มเปี่ยมไปเหล็กน้ำดีมากที่สุดในประเทศ
     "นี่หรือพรรคที่จะปราบคอร์รัปชันให้ประเทศ ในเมื่อข้างใน แก้คอร์รัปชันตัวเองยังไม่ได้ นี่หรือพรรคจะเข้าไปแต่งตั้งโยกย้าย ขรก. อย่างเป็นธรรม ในเมื่อบริหารภายในด้วยระบบอุปถัมภ์ นี่หรือพรรค มีอุดมการณ์เดียวกัน จะสร้างประชาธิปไตย แต่ปกครองแบบเผด็จการ นี่หรือ ไพร่หมื่นล้าน จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ ในเมื่อ ไทยซัมมิท ปิดพักกิจการแก้ปัญหาพนักงานไทยซัมมิทให้เขาพ้นวิกฤติก่อนเถิด กรรมาธิการงบฯ มีคนทำกันเยอะแล้วค่อยเป็นก็ได้ ในเมื่ออุดมการณ์ของพรรคคือร่วมกันอุ้มชูระบบเผด็จการ กีดกันการเห็นต่าง คงไว้ซึ่งระบบอุปถัมภ์ ซึ่งเป็นระบบที่เหนี่ยวรั้งการพัฒนาประเทศตลอดมา ย้อนแย้งในหลักการประชาธิปไตยของตัวเอง เราจึงหมดศรัทธากับความใจคดของคุณ" นายชาญวิทย์ระบุ
    สำหรับกรณีที่นายชาญวิทย์ระบุว่า มติอนาคตใหม่กินความแค่ 5 คน 'ทอน บุต ช่อ และ 2 ตอ' นั้น คือ "ต๋อม" หรือ ชัยธวัช  ตุลาธน เลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ปี 2541 ปัจจุบันเป็นรองเลขาธิการพรรค อนค. อีกคน "ติ่ง" ศรายุทธ ใจหลัก เลขาธิการ สนนท. ปี 2543 ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการพรรคฯ "ต๋อม-ติ่ง-เอก" เป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ครั้งเป็นนักศึกษาหัวก้าวหน้า ทำกิจกรรมนอกรั้วมหาวิทยาลัย โดย “เอก ธนาธร" เป็นอุปนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปี 2542 และรองเลขาธิการ สนนท.ปี 2543
     วันเดียวกัน สำนักข่าวอิศรารายงานแล้วว่า ในบัญชีรายชื่อผู้บริจาคเงินให้แก่พรรคการเมืองตามการเผยแพร่ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีพรรคอนาคตใหม่ ระหว่างเดือน ต.ค.2561-ม.ค.2562 มีทั้งสิ้น 44 ราย โดยปรากฏชื่อ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ บริจาคด้วย 1 ล้านบาท (งวดเดือน พ.ย.2561) อย่างไรก็ดี ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ น.ส.พรรณิการ์ ที่แจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2562 (ยื่นบัญชี 28 ส.ค.2562) ระบุว่ามีทรัพย์สินประมาณ 3.3 ล้านบาทเศษ โดยจำนวนนี้มีเงินฝาก 4 บัญชี 9 หมื่นบาทเศษ หนี้สิน 7.1 แสนบาทเศษ ทำให้นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องให้ กกต. ตรวจสอบเส้นทางการเงินของ น.ส.พรรณิการ์นั้น 
    เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2562 สำนักข่าวอิศราไปที่สำนักงาน ป.ป.ช. ถ.สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี เพื่อตรวจสอบเอกสารประกอบในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ น.ส.พรรณิการ์ มีการแจ้งแบบแสดงภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.91) เมื่อปี 2561 ระบุว่า มีรายได้รวม 843,008 บาท เป็นเงินเดือน ค่าจ้าง บำนาญฯ ทั้งหมด หักค่าใช้จ่าย 100,000 บาท หักรายการค่าลดหย่อน 225,458 บาท คงเหลือรายได้ 517,550 บาท คำนวณภาษีจากเงินได้สุทธิจำนวน 30,132 บาท หักภาษี ณ ที่จ่าย 36,884 บาท คงเหลือภาษีชำระเกิน 6,752 บาท
    นอกจากนี้ยังมีค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา 30,000 บาท เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 6,708 บาท ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว 125,000 บาท เงินสมทบกองทุนประกันสังคม 3,750 บาท
    ทั้งนี้ น.ส.พรรณิการ์แจ้งขอคืนเงินภาษีที่ชำระไว้เกิน 6,752 บาทนั้น ได้ทำเครื่องหมายในช่องอุดหนุนหักเงินภาษีให้แก่พรรคอนาคตใหม่ (หมายเลขรหัส 177) จำนวน 500 บาทด้วย
    ทั้งนี้ ตามประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่องหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน พ.ศ.2561 รวมถึงเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. มิได้อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวถ่ายภาพเอกสารประกอบ
    อนึ่ง กรณีนี้เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2562 ที่ผ่านมา นายศรีสุวรรณ จรรยา ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงาน กกต. ดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (บริจาคเข้าพรรค 10 ล้านบาท) นางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยานายธนาธร (บริจาคเข้าพรรค 7.2 ล้านบาท) แล้ว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"