ยก‘หะยีสุหลง’สู้เพื่อปชต. ชลิตาจ่อฟ้องทรงกลด-สื่อ


เพิ่มเพื่อน    

 "วันนอร์" จุดไฟลุกพรึ่บ! ยก "หะยีสุหลง" นักสู้เพื่อประชาธิปไตยของชาวปัตตานี 60 ปีแล้วยังหาศพไม่เจอ เทียบเวทีแก้มาตรา 1 ถูกรัฐกล่าวหายุยง ปลุกปั่น มโนไปไกลรัฐสร้างภาพ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่หวงห้าม เป็นเขตของการค้าความขัดแย้ง คนภายนอกห้ามไปเยี่ยมเยือน ขณะที่ "ชลิตา" เคลื่อนไหวแล้ว เตรียมฟ้องปูเค็มพ่วงสื่อ

    ที่โรงแรมซีเอส ปัตตานี เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เปิดงานครบรอบ 1 ปีวันสถาปนาพรรคประชาชาติ โดยมี ส.ส.พรรค ผู้บริหาร กรรมการพรรค และสมาชิกพรรคกว่า 1,000 คนเข้าร่วม
     หัวหน้าพรรคประชาชาติกล่าวว่า ได้มีเหตุการณ์หนึ่งที่ไม่สมควรเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นแล้ว กล่าวคือเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2562 ซึ่งเป็นวันที่หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านทั้ง 7 พรรคได้รวมตัวกันจัดกิจกรรมพบพี่น้องประชาชน ณ จังหวัดปัตตานี และในที่สุดได้มีทหารกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นตัวแทนของ กอ.รมน. ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้า ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ณ สถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี พร้อมทั้งกล่าวหาว่าการปราศรัยบนเวทีในวันที่ 28 กันยายน 2562 เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอาญามาตรา 116 ซึ่งหมายถึงการยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบ กระด้างกระเดื่องเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติและความผิดนี้ท้ายที่สุดอาจจะต้องติดคุกหรือประหารชีวิต หรือจะเป็นประการใดไม่มีใครรู้
    "พรรคประชาชาติไม่ต้องการให้เหตุการณ์ข้างต้นจบหรือลงเอยเหมือนกับท่านหะยีสุหลง นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยชาวปัตตานี ที่ถูกข้อหากล่าวหาว่าเป็นกบฏจากการที่เรียกร้องความเสมอภาค เสรีภาพทางศาสนาและการศึกษา อีกทั้งถูกเรียกไปชี้แจงและหายสาบสูญไปพร้อมกับผู้ติดตามเป็นเวลา 60 ปีแล้ว แต่ยังหาศพท่านไม่พบ"
         เขาบอกว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ทำให้ประชาชนที่สนับสนุนพรรคฝ่ายค้านตกใจกลัว แต่ในขณะเดียวกันก็ได้สร้างความฮึกเหิมให้กับฝ่ายเผด็จการ เพราะได้สร้างให้เกิดความหวาดกลัวจากการแจ้งความอันเป็นเท็จ แต่อย่างไรก็ตาม พรรคฝ่ายค้าน 7 พรรคก็มีจุดยืน พร้อมทั้งได้แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐฐานแจ้งความเท็จไว้ด้วย และในฐานะที่เป็นเจ้าของบ้าน 
    นายวันนอร์กล่าวว่า รู้สึกอับอายที่เพื่อนฝ่ายประชาธิปไตยไปเยี่ยมบ้าน ไปพูดถึงเรื่องประชาธิปไตย เรื่องรัฐธรรมนูญ แต่ได้รับข้อหาหรือคดีกลับบ้านไปเป็นของฝากทดแทนการกลับไป และไปบอกกับเพื่อนๆ และครอบครัวว่าสามจังหวัดใต้น่าอยู่ คนน่ารักและน่าไปเที่ยว แต่การกระทำข้างต้นทำให้คนภูมิภาคอื่นๆ เข้าใจว่าพื้นที่สามจังหวัดเป็นพื้นที่น่าเป็นห่วง หรือเป็นพื้นที่หวงห้าม เป็นเขตของการค้าความขัดแย้ง คนภายนอกห้ามไปเยี่ยมเยือน หรืออาจจะหมายรวมถึงว่าพวกประชาธิปไตยห้ามเข้าสามจังหวัด เพราะกลายเป็นพื้นที่ที่ถูกแบ่งแยกและถูกปกครองเป็นพิเศษ มีการใช้กฎหมายหลายฉบับที่ไม่ใช้ในพื้นที่อื่นของประเทศ
    "การกระทำดังกล่าวถือเป็นการกดหัวประชาชนและหลายคนถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกแบ่งแยกดินแดน ซึ่งเป็นวาทกรรมของคนที่ชอบเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น และการใช้กฎหมายหรือกระบวนการยุติธรรมและเงื่อนไขพิเศษที่ปฏิบัติต่อประชาชนในสามจังหวัดภาคใต้ ถือเป็นการแยกพื้นที่ของสามจังหวัดภาคใต้ออกจากพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ"
    อนึ่ง เรามีรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้ง มีกฎหมาย มีศาล มีสภาไว้อ้างความชอบธรรม แต่ในทางปฏิบัติ เรามีบรรยากาศทางการเมืองที่มีลักษณะเป็นแบบเผด็จการข้อบัญญัติทั้งหลาย มีไว้บังคับประชาชนบางจำพวก บางกลุ่มที่ไม่ใช่ฝ่ายตน แต่หากเป็นฝ่ายตนจะใช้สิทธิ์เหนือระเบียบหรือกติกา ซึ่งขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 4 ที่ระบุไว้ว่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพและความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง ประชาชนชาวไทยย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญเสมอกัน
    "การที่มีผู้พิพากษาจังหวัดยะลารายหนึ่งยิงตัวเองหน้าบัลลังก์ศาลเพื่อประท้วงกระบวนการยุติธรรมที่ถูกแทรกแซงคำวินิจฉัย เป็นเหตุการณ์หนึ่งบ่งบอกถึงความดำมืดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ต้องได้รับการแก้ไข" นายวันนอร์กล่าว
    วันเดียวกันนี้ นางชลิตา บัณฑุวงศ์ รองหัวหน้าภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็น 1 ใน 12 รายที่ถูก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เข้าแจ้งความดำเนินคดีตามมาตรา 116 ข้อหายุยงปลุกปั่น ออกมาเคลื่อนไหวครั้งแรก โดยเผยว่า การฟ้องร้องดำเนินคดีต่อผู้อื่นไม่เคยเป็นสิ่งที่ตนเองคิดจะทำ เพราะไม่เคยคิดว่าสิ่งนี้จะช่วยแก้ปัญหาได้ โดยเฉพาะในประเด็นที่ต้องแก้ด้วยการเปลี่ยนวิธีคิดและวัฒนธรรมของผู้คนในสังคม
    แต่เมื่อการใส่ความและการกล่าวเท็จได้กระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมทั้งเป็นต้นทางของการนำไปปั่นกระแสและบิดเบือนต่อจนแพร่กระจายไปในวงกว้าง นำมาซึ่งความเกลียดชังและการข่มขู่คุกคาม ซึ่งไม่เพียงแต่เกิดขึ้นกับตัวดิฉันเอง แต่ยังลุกลามไปถึงคนอื่นๆ ด้วย เช่น นักศึกษาชายแดนใต้ ดังนั้นดิฉันจึงต้องขอใช้สิทธิในทางศาลเพื่อปกป้องตนเองจากการถูกทำให้เสื่อมเสียและถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดบรรทัดฐานขั้นต้นในการป้องกันไม่ให้มีการกระทำเช่นนี้กับคนอื่นได้อย่างง่ายๆ อีกต่อไป
    เธอระบุว่า วันที่ 1 พฤศจิกายน เวลา 09.00 น. เธอพร้อมทนายความจะเดินทางไปถึงศาลอาญา รัชดาฯ เพื่อยื่นฟ้องร้อยเอกหรือนายทรงกลด ชื่นชูผล (ผู้กองปูเค็ม) ในข้อหาหรือฐานความผิดหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากการใส่ความและกล่าวเท็จว่า “ยุยง ปลุกปั่น มีแนวคิดกบฏ แยกดินแดน มีผลประโยชน์ทางการเมือง ทำประเทศไทยพังพินาศ” โดยร้อยเอกหรือนายทรงกลดได้กระทำการดังกล่าวผ่านทางการโพสต์เฟซบุ๊ก การไลฟ์ และการเขียนข้อความในหนังสือถึงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 
    "พร้อมกันนี้ ดิฉันและทนายความก็กำลังรวบรวมข้อมูล และจะดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่งต่อสื่อมวลชนบางสำนักที่มีบทบาทหลักในการใส่ความ กล่าวเท็จ และบิดเบือนข้อเท็จจริงในเรื่องเดียวกันนี้ด้วย" นางชลิตาระบุ. 
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"