ฝ่ายค้านไม่ขัดมาร์คคุมรื้อรธน.


เพิ่มเพื่อน    


     ประธานวิปฝ่ายค้านตีปี๊บอภิปรายไม่ไว้วางใจหลังวันที่ 5 พ.ย. จะแบ่งงาน-เนื้อหาพรรคร่วมไปเรื่อยๆ ก่อนยื่นเปิดซักฟอกไม่เกิน 20 ธ.ค. โฆษก พท.เย้ยประธานวิปรัฐบาลปากกล้าขาสั่น จะให้เวลาแค่ 1-2 วัน "พท.-อนค." รับได้หาก "มาร์ค" นั่งประธาน กมธ.แก้ไข รธน. ถ้าจริงใจก็ทำงานร่วมกันได้ ด้าน ปชป.เคาะชื่อ กมธ. 5 พ.ย.นี้ "ปารีณา" ซัด "แม่ธนาธร" โกหก ยันที่ดิน 500 ไร่เป็น ภบท.5, นส.2 ไม่สามารถซื้อขายได้
     เมื่อวันอาทิตย์ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรอบการพูดคุยกันระหว่างวิป 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ในวันอังคารที่ 5 พ.ย.ที่จะถึงนี้   ว่าจะเป็นการประชุมขั้นเริ่มต้นก่อนว่าแต่ละคนมีความเห็นอย่างไรบ้างเกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล หรือใครมีข้อมูล ตลอดจนถึงเนื้อหาอย่างไรบ้าง โดยหลังจากการประชุมในวันที่ 2 พ.ย.ไปแล้ว เราจะเริ่มกำหนดประเด็น และมอบหมายว่าให้บุคคลใดอภิปรายเรื่องใด หรือรับผิดชอบเนื้อหากระทรวงไหน โดยเราจะพูดคุยหารือกันไปเรื่อยๆ เพื่อให้สมบูรณ์และพร้อมที่สุด ก่อนปลายเดือนพฤศจิกายนจะมาสรุปกัน เพื่อไม่เกินวันที่ 20 ธันวาคมนี้จะยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลต่อไป
      นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ระบุว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจน่าจะใช้เวลาแค่ 1-2 วันก็เพียงพอ ว่าความกลัวทำให้เสื่อม ปากกล้าขาสั่น ดูเจตนาไม่ยาก ออกมาพูดเพื่อหวังมัดมือชกปิดปากฝ่ายค้าน ถือเป็นทางหนีธรรมชาติของรัฐบาลที่ทำควบคู่กับการตกปลาในบ่อเพื่อน รวบรวมเสียงมาแก้ปัญหาเสียงปริ่มน้ำแบบนี้มาตลอด ที่ผ่านมาข้อมูลการบริหารที่ล้มเหลวไหลเข้ามาหาฝ่ายค้านในช่องทางต่างๆ ทุกวัน บริหารประเทศมา 5 ปี เข้าสู่ปีที่ 6 รัฐบาลย่อมรู้ดีว่าล้มเหลวในการบริหารบ้านเมืองด้านใดบ้าง 
    "มีคำถามว่าเกิดการทุจริตเชิงนโยบายเพื่อเอื้อกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เฉพาะเรื่องสหรัฐตัดสิทธิจีเอสพี รัฐมนตรีในกระทรวงที่เกี่ยวข้องยังตอบกันไปคนละเรื่อง ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำ รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ พรรคร่วมแตกแยก ปัญหาก็มากอยู่แล้ว แต่การยิงลูกโดดเอาตัวรอดของแต่ละพรรคโดยไม่สนเอกภาพของความเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จะทำให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เป็นงานหนักมากสำหรับรัฐบาล  ประชาชนที่ติดตามการอภิปรายจะได้เห็นภาพชัดถึงความล้มเหลวในแทบทุกมิติ ที่รัฐบาลจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เลย" นายอนุสรณ์กล่าว
     พล.ท.พงศกร รอดชมภู ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวว่า ขณะนี้เราได้ให้ ส.ส.และทีมงานของพรรคไปเตรียมข้อมูลและประเด็นในการอภิปรายว่ามีเรื่องใดน่าสนใจบ้าง โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องและความมั่นคง อาจจะต้องประชุมพรรคกันอีก 2-3 ครั้ง น่าจะได้ข้อสรุปในช่วงกลางเดือน พ.ย.นี้ จริงๆ เราไม่ต้องอภิปรายประชาชนก็รู้สึกได้ว่าเศรษฐกิจขณะนี้ซบเซาขนาดไหน แต่เราจะอภิปรายให้รู้ว่ารัฐบาลมีความผิดพลาดในการบริหารงานตรงจุดไหนบ้างที่ทำให้เศรษฐกิจพังแบบนี้ ทั้งนี้ ต้องอภิปรายควบคู่ไปทั้งสองอย่าง คือการบริหารงานที่ผิดพลาดในภาพรวมและความผิดพลาดส่วนตัวบุคคล 
     คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค พท. กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งพรรคเป็นผู้ยื่นญัตติเพื่อบรรจุและพิจารณาในวันที่ 6 พ.ย.นี้ ว่าพรรคจะเข้าไปชี้แจงเหตุผลเพื่อขอการตัดสินใจ และเสนอตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยเลือกตั้งบุคคลผู้มีความเชี่ยวชาญแต่ละวิชาชีพมาเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศแก้ไขรัฐธรรมนูญใน ส.ส.ร. วิธีการที่ง่ายที่สุด ถ้าปลดล็อกมาตรา 256 เพียงมาตราเดียว ก็จะสามารถแก้รัฐธรรมนูญได้ หากเราต้องการขจัดความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม และการใช้อำนาจรัฐที่ไม่ถูกต้อง กุญแจดอกสำคัญที่จะทำให้เป็นจริงได้คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งทุกพรรคการเมืองต้องร่วมมือกัน และหากมีองค์กรภาคประชาสังคมมารวมกันแก้ก็จะยิ่งดี คิดว่าสามารถทำงานร่วมกันได้ เนื่องจากทิศทางมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน ควรทำงานสอดประสานกันเพื่อให้เกิดพลังในการขับเคลื่อน
      เมื่อถามกรณีจะมีการตั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นประธาน กมธ.ศึกษาเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ก็มีสิทธิ เพราะ กมธ.วิสามัญสามารถเป็นคนนอกได้ 
         เมื่อถามย้ำว่า แนวทางของพรรค พท.และพรรค ปชป.จะไปด้วยกันได้ใช่หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า เราหวังว่าถ้าเรามีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาจากรัฐธรรมนูญที่ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียม ความเหลื่อมล้ำ รวมถึงการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรมแบบนี้ ถ้าเห็นตรงกัน จริงใจตรงกัน ก็มีทางเดียวคือเดินไปปลดล็อกมาตรา 256 หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกพรรคที่ได้ให้สัญญากับประชาชน และมองเห็นปัญหาว่ารัฐธรรมนูญเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศก็มาร่วมกันแก้ เพราะเรื่องนี้ไม่มีใครเป็นเจ้าของ แต่เป็นการทำเพื่อประชาชนร่วมกัน
    พล.ท.พงศกร รอดชมภู กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์จะนั่งเป็นประธาน กมธ.วิสามัญแก้ รธน.ว่า ไม่มีปัญหา กมธ.ชุดนี้เป็นวิสามัญ สามารถมีคนนอกเข้ามาร่วมเป็นได้ คิดว่าทุกฝ่ายคงยินดีหากได้คนหลายๆ ฝ่ายหลายๆ กลุ่มเข้ามาร่วมพิจารณาและให้ความเห็นกัน น่าจะเป็นเรื่องดีที่เราจะได้ข้อมูลที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
    พล.ท.พงศกรกล่าวด้วยว่า การเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในสัปดาห์หน้า จะมีญัตติเรื่องการตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการกระทำ คำสั่งและประกาศของ คสช. และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 นี่เป็นอีกเรื่องที่สำคัญที่เราจะต้องทำ ที่ผ่านมา 5 ปี คสช.ที่มาจากการยึดอำนาจ ใช้อำนาจหลายๆ อย่างที่กระทบต่อประชาชน เราต้องมาดูกันว่าอะไรที่กระทบต้องยกเลิก แต่บางอย่างที่ดีอาจจะคงไว้ได้ การตั้ง กมธ.นี้เหมือนการปลดล็อกพันธนาการขั้นแรก ถ้าทำได้ก่อนจะทำให้เรื่องอื่นๆ ราบรื่นและผ่านไปได้ด้วยดี
     นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค ปชป. กล่าวว่า ในวันพุธที่ 5 พ.ย. พรรคได้นัดประชุม ส.ส. ในเวลา 13.30 น. เพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมสภา โดยเฉพาะญัตติด่วนเรื่องการศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังเป็นข้อตกลงที่ทำให้พรรค ปชป.ตอบรับเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ส่วนกรณีที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช สนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์เป็นประธาน กมธ.นั้น เบื้องต้นพรรคยังไม่ได้มีการหารือกัน จึงขึ้นอยู่กับที่ประชุม ส.ส.พรรคว่าจะเสนอชื่อบุคคลใด วันที่ 5 พ.ย. จะทราบรายชื่อกมธ.ในสัดส่วนของพรรคอย่างแน่นอน ซึ่งพรรคได้สัดส่วน 4 คน และนายเทพไทก็สามารถเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ให้ที่ประชุมพิจารณาได้ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายอภิสิทธิ์ด้วย
    นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวว่า กรณีฝ่ายค้านสนับสนุนนายอภิสิทธิ์นั่งประธาน กมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญว่าเหมาะสมแล้ว เนื่องจากนายอภิสิทธิ์เป็นนักการเมืองมานาน เคยเป็นทั้งหัวหน้าพรรค ปชป., อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีความรอบรู้ทุกด้าน มีคุณสมบัติพร้อม ซึ่งคนในพรรค ปชป.ก็เห็นด้วยทั้งนั้น
    น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีขอที่ดิน 500 ไร่คืนจากนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค. เนื่องจากเอกสารสิทธิที่ถือครองไม่ใช่ นส.3 ก. หรือ นส.3 ว่า ตนอยากถามนางสมพรว่าสิ่งที่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเป็นข้อมูลเท็จหรือไม่ เพราะการที่บอกว่าได้ซื้อที่ดินที่มีปัญหามาจากโรงงานมิตรผล ตรงนี้ก็ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เนื่องจากที่ดินประเภท ภบท.5 และ นส.2 ไม่สามารถซื้อขายได้ ไม่สามารถครอบครองได้ ไม่มีเอกสารสิทธิ ที่หลวง ที่ป่าไม้ จะซื้อขายได้อย่างไร 
    "นางสมพรไม่ควรเอาใครไปเฝ้าหรือดูแลที่ดินที่เป็นของหลวง อยากตั้งคำถามไปยังนางสมพรว่าพยายามทำอะไรอยู่กันแน่ ซึ่งบุคคลที่ถูกว่าจ้างไปเฝ้าที่ดินอาจมีความผิดทางกฎหมายด้วย หากนางสมพรยืนยันว่าถูกกล่าวหาไม่เป็นธรรม ขอแนะนำให้ไปไตร่ตรองข้อเท็จจริงที่นางสมพรรู้ดีอยู่แก่ใจน่าจะเหมาะสมกว่าคิดว่าถูกคนอื่นกลั่นแกล้งตลอดเวลา การที่นางสมพรส่งทีมทนายความไปในพื้นที่ปัญหามาถึง 3 ครั้ง แต่ตกลงกับชาวบ้านไม่ได้ ทั้งๆ ที่นางสมพรก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่หน้าที่ของชาวบ้านที่จะไปพิสูจน์พื้นที่ป่า เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งในครั้งที่สามที่นางอรสา ตัวแทนนางสมพรพูดว่าจะคืนที่ดินให้ แต่ต้องให้ชาวบ้านพิสูจน์พื้นที่ให้ได้จึงจะคืน ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจมาก จึงนำมาสู่การร้องเรียนมาที่ดิฉัน” น.ส.ปารีณากล่าว
    น.ส.ปารีณากล่าวอีกว่า การที่นางสมพรกล่าวว่าให้หยุดดำเนินการ ไม่เช่นนั้นจะดำเนินคดีนั้น ตนให้ความเคารพนางสมพรในฐานะผู้อาวุโส แต่เรื่องนี้เป็นประเด็นจากชาวบ้าน มีเจ้าทุกข์ชัดเจน เพราะฉะนั้นหากนางสมพรจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับตนก็ไม่ขัดข้อง เพราะถือว่าทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้กับชาวบ้านในพื้นที่.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"