ลาวแจ้งจับ นันกิ่งเพชร ล่อซื้อรีดเงิน


เพิ่มเพื่อน    


    ตำรวจโคราชมั่นใจ อาทิตย์นี้ขอหมายจับแก๊งกรรโชกทรัพย์คดีละเมิดลิขสิทธิ์ สาวลาวโผล่แจ้งความถูก "นัน กิ่งเพชร" จ้างทำแก้วเก็บความเย็นลายการ์ตูนรีด 3 หมื่น "อัจฉริยะ" นัดเหยื่อรวมตัวร้อง ผบช.น.สอบตำรวจท้องที่มีเอี่ยว
    เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ พล.ต.ต.สุจินต์ นิจพานิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ขณะนี้ การสืบสวนสอบสวนคดีกรรโชกทรัพย์ละเมิดลิขสิทธิ์มีความคืบหน้าไปมาก และพนักงานสอบสวนกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด โดยรอเอกสารยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัทลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนที่เกี่ยวข้อง มั่นใจว่าภายในสัปดาห์นี้จะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องได้
    ที่ สน.พญาไท น.ส.พมหอม หลวงทิลาด อายุ 31 ปี สัญชาติลาว ผู้เสียหายซึ่งเคยถูกจับกุมในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น เข้าแจ้งความ ร.ต.อ.พีรพงษ์ โพธิ์ศรี รอง สว. (สอบสวน) หลังถูกนายภูมิภากร ถินสุวรรณ์ หรือนายนัน กิ่งเพชร ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ปราบปรามคดีทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัท นิว สตาร์ มีเดีย จำกัด จับกุมและข่มขู่กรรโชกทรัพย์ จำนวน 30,000 บาท หลังถูกล่อซื้อถุงใส่แก้วน้ำลายการ์ตูนเรื่องวันพีซ จำนวน 10 ชุด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2561 
    น.ส.พมหอมกล่าวว่า ช่วงประมาณวันที่ 12 สิงหาคม 2561 ตนได้โพสต์ภาพแก้วเก็บความเย็นลายลิขสิทธิ์วันพีซที่พี่มอบให้เป็นของขวัญวันเกิด จากนั้น 1-2 วัน มีผู้ใช้เฟซบุ๊กใช้รูปโปรไฟล์ขายเครื่องสำอางทักข้อความติดต่อขอซื้อ โดยระบุว่าต้องการลายการ์ตูนเรื่องวันพีซ จำนวน 10 ชุด พร้อมโอนเงินมัดจำมา 500 บาท แต่ตอนนั้นยังไม่มีของเพราะไม่ได้ขายเป็นอาชีพ ทำเพียงเป็นรายได้เสริม จึงติดต่อไปว่าจะขอโอนเงินคืน แต่ทางผู้ล่อซื้อต้องการสินค้า ญาติพยายามช่วยหาจนพบลายการ์ตูนเรื่องวันพีซ ซึ่งลายที่ได้เป็นลายการ์ตูนตัวละคร “ลูฟี่” แต่เป็นคนละลายกับที่โพสต์ไว้ จึงได้ถ่ายภาพส่งไปให้ ก่อนจะนัดส่งมอบกัน 
    โดยครั้งแรกนัดส่งมอบวันที่ 14 สิงหาคม 2561 ช่วงบ่าย แต่อีกฝ่ายขอเลื่อนนัดส่งมอบเป็นช่วงเช้าวันที่ 15 สิงหาคม 2561 นัดส่งมอบกันบริเวณอาคารใกล้เคียงบีทีเอสพญาไท ตนจึงว่าจ้างวิน จยย.มาส่งของ ก่อนจะถูกจับกุม โดยวิน จยย.ได้ติดต่อมาหาตนพร้อมบอกว่าถูกล่อซื้อ สำหรับของที่ถูกล่อซื้อเป็นแก้วเก็บความเย็นลายคิตตี้ ถุงใส่แก้วลายละครเรื่องวันพีซ จำนวน 10 ชุด ราคาชุดละ 390 บาท โดยผู้ซื้อได้โอนมัดจำ 500 บาท ก่อนในวันจับกุมจะเอาเงินมาให้ 1000 บาท พร้อมยึดแก้วและถุงใส่แก้วเป็นของกลาง 
    น.ส.พมหอมกล่าวว่า จากนั้นตนจึงเดินทางมาที่ สน.พญาไท พบนายนัน บุคคลที่เป็นข่าวล่อซื้อกระทงลายลิขสิทธิ์เด็ก 15 ปี ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ได้พูดคุย โดยนายนันได้ให้เอกสารกระดาษ A4 เป็นปึกหนาๆ พร้อมอ้างเป็นตัวแทนบริษัท แต่ไม่ยินยอมให้ตนถ่ายภาพเก็บไว้ พร้อมเรียกเงินค่าลิขสิทธิ์จำนวน 60,000 บาท ก่อนพูดข่มขู่โดยอ้างกฎหมายว่าจะต้องอยู่ในห้องขังและจะติดคุก 5-6 เดือน หากไม่นำเงินมาจ่าย และจะต้องโดนยึดหนังสือเดินทาง แต่ตนไม่มีเงินจ่ายจริงๆ เพราะติดต่อญาติไม่ได้ ต่อรองขอจ่าย 10,000 บาท ก่อนที่นายนันและพวกจะพาตนไปพูดคุยด้านข้าง สน.พญาไท พยายามพูดต่อรองจนตนต้องจ่ายเงินจำนวน 30,000 บาท โดยได้มีการจ่ายเงินต่อหน้าพนักงานสอบสวนและได้มีการลงบันทึกไว้ ซึ่งก่อนจะถอนแจ้งความ นายนันให้ตนลบข้อมูลการติดต่อซื้อขาย รวมถึงภาพต่างๆ ออกจนหมดถึงจะยอมถอนแจ้งความ ทั้งนี้ ขั้นตอนการเจรจาค่าลิขสิทธิ์ ทางตำรวจไม่ได้เกี่ยวข้อง ให้ตนและนายนันไปพูดคุยตกลงกันเอง 
    ด้าน ร.ต.อ.พีรพงษ์กล่าวว่า เบื้องต้นได้สอบปากคำผู้เสียหายไว้ และรับเป็นคดีความในส่วนที่ผู้เสียหายร้องทุกข์ไว้ในข้อหากรรโชกทรัพย์ ส่วนข้อหาที่ผู้เสียหายอยากแจ้งเพิ่มเติมว่าถูกข่มขู่ด้วยนั้น จะมีการนัดมาสอบสวนเพิ่มเติมต่อไป
    นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ไลฟ์สดทางเพจเฟซบุ๊ก แจ้งว่า วันที่ 11 พ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. จะนำผู้เสียหายจำนวนหนึ่งที่ถูกล่อซื้อสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เข้าร้องเรียนต่อผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 โดยนัดรวมพลกันที่ สภ.เมืองนครราชสีมา จึงขอให้ผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อสามารถมารวมตัวได้ โดยจะมีการเอาผิดขบวนการนายประจักษ์ โพธิ์ผล ที่อ้างเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ และนายนัน กิ่งเพชร หรือนายภูมิภากร ถินสุวรรณ์ ที่จับกุมเด็กหญิงวัย 15 ปี ที่ทำกระทงรูปการ์ตูนใน จ.นครราชสีมา ในข้อหา ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ แจ้งความเท็จ ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม 
    ส่วนวันอังคารที่ 12 พ.ย. เวลา 10.00 น. จะนำผู้เสียหายเข้าพบผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ขอให้มีการตรวจสอบการรีดไถ่ กรรโชกทรัพย์ จากกลุ่มคนอ้างเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ ในพื้นที่ สน.พญาไท / สน.บางซื่อ โดยเฉพาะ สน.พญาไท มีคดีเกิดขึ้นอันดับ 1 โดยให้ตรวจสอบ รายงานประจำวัน เล่ม ข. ของ สน.พญาไท ย้อนหลัง จากข้อมูลพบว่า สน.ดังกล่าวมีการแบ่งส่วนแบ่งคดี เช่น การจับกุมที่เป็นคดี ตำรวจทำคดีจะได้รับส่วนแบ่ง 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่ไม่เป็นคดีจะได้รับส่วนแบ่งขั้นต่ำ 1,000 บาท ชุดจับกุมได้ส่วนแบ่ง 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ทั้งนี้การจับกุมต้องมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท ซึ่งคนไม่มีสีไม่สามารถทำได้แบบนี้ได้แน่นอน  
    นอกจากนี้ยังฝากไปถึงกระทรวงพาณิชย์ที่ดูแลกรมทรัพย์สินทางปัญญา ควรสั่งการให้มีการทำลายละเอียดสินค้าที่เป็นลิขสิทธิ์เผยแพร่ในเว็บไซต์ เพื่อประชาชนทราบ จะไม่ตกเป็นเหยื่อขบวนการรีดไถ และหากผู้เสียหายรายย่อยมีการรวมตัวกัน เชื่อว่ามีไม่ต่ำกว่า 10,000 รายทั่วประเทศ ให้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับขบวนการดังกล่าว และควรตรวจสอบตัวแทนลิขสิทธิ์ที่ได้รับมอบอำนาจว่าถูกต้องหรือไม่ เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อ 
    นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความและอนุกรรมาธิการประจำคณะกรรมาธิการการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและประพฤติมิชอบ วุฒิสภา กล่าวว่า เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามกลุ่มมิจฉาชีพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติน่าจะพิจารณาคดีเกี่ยวกับละเมิดลิขสิทธิ์, คดีเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หากมีบุคคลใดกล่าวอ้างจับกุมผู้กระทำผิดประจำสถานีตำรวจ เจ้าพนักงานตำรวจจะต้องแจ้งให้ทนายความอาสาให้บริการคำปรึกษาด้านกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันนี้ ทางสภาทนายความฯ ได้มีการจัดทนายประจำโรงพักตามแผนปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรมแล้ว ฉะนั้นก็จะให้ทนายมาร่วมรับฟังและสอบถามข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้กล่าวหาและผู้ถูกจับกุม. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"