ผวา!ซุก'คาร์บอมบ์' บช.ภ.9สั่งจับตารถขโมย สอบเครียด6ผู้ต้องสงสัย


เพิ่มเพื่อน    


    จนท.แยก 6 ผู้ต้องสงสัยเอี่ยวยิงถล่ม ชรบ.ลำพะยาสอบเครียด หน่วยความมั่นคงพบ 2  เดือนก่อน BRN ส่งเยาวชนรุ่นใหม่ฝึกรบกองโจร 4 กลุ่ม กลุ่มละ 6 คนเข้าก่อเหตุ 3 จว.ใต้ 4 อำเภอสงขลา "บช.ภ.9" สั่งจับตากระบะไทรทันถูกขโมยทำคาร์บอมบ์ "ชาวบ้านต้นหยี" แจงผ้าก๊อซพันแผลที่โดนทหารยึดของผู้ป่วยมะเร็งไม่ใช่ของคนร้าย "เลขาฯ ศอ.บต." ลั่นรัฐไม่ทิ้งครอบครัวผู้สูญเสีย "จตุพร" แนะเลิกแบ่งพวกทุกฝ่ายต้องร่วมแก้ไฟใต้ "ไพศาล" หนุนประกาศเคอร์ฟิวพื้นที่เขตเขา จ.นราธิวาส
    ความคืบหน้าภายหลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสนธิกำลังพลเรือน ตำรวจ ทหาร จำนวน 200  นายเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา เข้าตรวจค้นเป้าหมายต้องสงสัยจำนวน 6 จุดในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี รอยต่อเขต อ.เมืองยะลา และในพื้นที่จังหวัดยะลา จำนวน 13 จุด ซึ่งในการตรวจค้นครั้งนี้เป็นการขยายผลสอบปากคำจากผู้ต้องสงสัย จำนวน 2 รายที่ถูกควบคุมตัวมาก่อนหน้านี้ และจากพยานหลักฐานที่สำคัญสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยจำนวน 6 ราย เชื่อมโยงเหตุคนร้ายยิงถล่มป้อมจุดตรวจชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ต.ลำพะยา อ.เมืองยะลา จนทำให้มี ชรบ.และชาวบ้านเสียชีวิต  15 ราย บาดเจ็บอีก 5 รายนั้น
    เมื่อวันที่ 10 พ.ย. มีรายงานจากชุดควบคุมผู้ต้องสงสัยทั้ง 6 คนระบุว่า ขณะนี้ส่งตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 6 คนไปสอบสวนที่ศูนย์ซักถามค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี จำนวน 2 ราย ศูนย์ซักถามกรมทหารพรานที่ 41 จำนวน 2 ราย และที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า จำนวน 2 ราย 
    "จากการซักถามผู้ต้องสงสัยให้เบาะแสที่เป็นประโยชน์ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เกรงผู้ที่ถูกซัดทอดจะหลบหนี ส่วนขั้นตอนการสืบสวนขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบพิสูจน์หลักฐานที่ยึดได้จากบ้านผู้ต้องสงสัย โดยเฉพาะเสื้อผ้าและอีกหลายรายการ ซึ่งต้องรอผลพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง" แหล่งข่าวระบุ
    ชุดสืบสวนแจ้งว่า ในวันเกิดเหตุชาวบ้านแจ้งเบาะแสพบผู้ต้องสงสัยพร้อมอาวุธปืนยาว แต่งกายชุดดำ สวมหมวกไหมพรม หลบหนีเข้าข้างทาง จำนวน 6 คน กำลังเดินเท้าไปทางมัสยิด บ.น้ำเย็น-ลำใหม่ จากนั้น ฉก.ทพ.43 และ ฉก.ยะลา 12 จึงได้ส่งกำลังตรวจพิสูจน์ทราบแต่ไม่พบ เชื่อว่าเป็นกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้
    หน่วยงานด้านความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ระบุว่า เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมาขบวนการบีอาร์เอ็นได้ส่งชุดปฏิบัติการพิเศษที่ผ่านการฝึกหลักสูตรการโจมตีแบบกองโจร RKK จากประเทศอินโดนีเซีย  เข้ามาเปิดปฏิบัติการในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถึง 4 ชุด นั่นคือมีเป้าหมายให้เปิดปฏิบัติการใน  จ.ปัตตานี, ยะลา, นราธิวาส และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา คือ อ.จะนะ, เทพา, นาทวี และ อ.สะบ้าย้อย
    "ชุดปฏิบัติการพิเศษของบีอาร์เอ็นดังกล่าวได้ลงมือทำงานกันไปแล้วอย่างน้อย 2 เหตุการณ์ คือ คาร์บอมบ์ที่หน้า สภ.ไม้แก่น จ.ปัตตานีเมื่อหลายวันก่อน กับล่าสุดการรวมตัวบุกโจมตีเพื่อละลายฐาน  ชรบ.ที่บ้านทางลุ่ม ต.ลำพะยา อีกทั้งยังเชื่อว่าจะมีปฏิบัติการตามมาอีกหลายเหตุการณ์ในช่วงเวลา 2  เดือนที่เหลือของปี 2562" หน่วยงานด้านความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ระบุ
    มีรายงานว่า ชุดปฏิบัติการพิเศษของบีอาร์เอ็นทั้ง 4 ชุดดังกล่าว มีการจัดกำลังไว้ชุดละ 6 คนที่ล้วนเป็น "PERMUDA" ทั้งสิ้น ซึ่งหมายถึงเป็นแนวร่วมเยาวชนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยมีประวัติก่อเหตุมาก่อน  เพื่อให้ง่ายต่อการเคลื่อนไหว แต่ยุ่งยากสำหรับเจ้าหน้าที่ในการติดตามไล่ล่าหรือเข้าจับกุม โดยในการปฏิบัติการแต่ละครั้งจะมอบให้แนวร่วมระดับต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ประกอบกำลังเข้าร่วมด้วยครั้งละประมาณ 20 คนขึ้นไป ซึ่งก็แล้วแต่เป้าหมายว่าจะเล็กหรือใหญ่หรือมีความสำคัญแค่ไหน
    "เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาขบวนการบีอาร์เอ็นได้บ่มเพาะเยาวชนเข้าสู่ขบวนการ เพื่อให้เป็นแนวร่วมในระดับต่างๆ ไว้ได้เพียงประมาณ 800 คน แต่เมื่อมาถึงวันนี้กลับมีเยาวชนที่ผ่านการบ่มเพาะจากขบวนการบีอาร์เอ็นเพิ่มเป็นกว่า 10,000 คนแล้ว ทำให้หน่วยงานความมั่นคงต้องระวังเป็นพิเศษ" แหล่งข่าวระบุ
จับตากระบะคาร์บอมบ์
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศปก.สน. บช.ภ.9 ได้มีวิทยุด่วนให้เจ้าหน้าที่ทุก สภ.และชุดปฏิบัติการ จุดตรวจ จุดสกัด ทำการตรวจสอบรถกระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ ไทรทัน สีน้ำตาล ทะเบียน บฉ 4868 นราธิวาส  ซึ่งจอดไว้ที่บ้านตันหยง ม.3 ต.ม่วงเตี้ย อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี และถูกโจรกรรมไป ซึ่งอาจจะเป็นการกระทำของแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน เพื่อนำไปประกอบเป็นคาร์บอมบ์ก่อเหตุร้ายในพื้นที่ 3  จังหวัด 4 อำเภอของ จ.สงขลา จึงให้ทุกหน่วยเร่งตรวจสอบติดตามรถยนต์คันดังกล่าวโดยด่วน รวมทั้งให้กองกำลังทุกหน่วยในพื้นที่ระวังป้องกันเหตุคาร์บอมบ์ที่อาจจะเกิดขึ้น
    ที่บ้านเลขที่ 125/2 ม.7 ต.ลำพะยา อ.เมืองยะลา นางธาริณี มะมิง ชาวบ้านต้นหยี ต.ลำพะยา อ.เมืองยะลา ชี้แจงต่อสื่อมวลชนกรณีมีภาพข่าวพบอุปกรณ์ทำแผล ทั้งผ้าก๊อซ ยาทาแผล สำลีทายา ในการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเหตุยิงชุด ชรบ.ต.ลำพะยา และเจ้าหน้าที่คาดว่าจะนำไปช่วยเหลือกลุ่มคนร้ายที่ได้รับบาดเจ็บว่า ผ้าก๊อซพันแผลและอุปกรณ์ที่พบเป็นของตนเองที่ใช้ทำแผลให้แม่ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งคอหอยระยะที่ 3 ที่ต้องเจาะคอและหน้าท้อง มีแผลต้องทายาวันละ 2 ครั้ง และทุกวันพฤหัสบดีจะนำไปวางทิ้งไว้ที่ริมถนนหน้าบ้าน ทำให้ในเช้าวันเสาร์เจ้าหน้าที่มาตรวจค้นผู้ต้องสงสัยและพบอุปกรณ์เหล่านี้ จากนั้นขอนำไปตรวจ DNA ตนจึงให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ 
    "ไม่ได้คิดว่าจะมีข่าวออกไปว่าเป็นของผู้ต้องสงสัยที่ควบคุมตัวไปได้ 1 คนซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ จึงขอมาชี้แจงว่าผ้าก๊อซและอุปกรณ์ทำแผลเป็นของตนเอง ไม่ใช่ของผู้ต้องสงสัย หรือจะนำไปใช้ช่วยเหลือผู้ก่อเหตุแน่นอน เจ้าหน้าที่สามารถตรวจ DNA ดูได้ และพร้อมให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ไปสอบปากคำ" นางธาริณีกล่าว 
    ชาวบ้านต้นหยีรายนี้ระบุว่า ไม่อยากให้เกิดความเข้าใจผิดกับชาวบ้านชุมชนลำพะยาที่รักกันดี และตนเองก็เสียใจกับเหตุความสูญเสียที่เกิดขึ้นด้วย จึงไม่อยากให้พี่น้องชาวไทยพุทธเข้าใจผิด ซึ่งผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดต่างเป็นเพื่อนที่รู้จักกันดี เช่น นายสุนทร-นางรัชนก พูลแก้ว ตนเองก็เสียใจกับเหตุการณ์นี้มากเช่นกัน
    ส่วนนายปรีดี มะมิง กล่าวทั้งน้ำตาว่าเสียใจกับการเสียชีวิตของ ชรบ.และประชาชนทั้ง 15 คน ซึ่งตนเองก็ถือเป็นเพื่อนเป็นลูกน้องที่ทำงานด้วยกันมาก่อน จึงไม่อยากให้เกิดความเข้าใจผิด รวมถึงครอบครัวผู้ต้องสงสัย ที่ยืนยันว่าอุปกรณ์ทั้งหมดไม่ใช่ของผู้ต้องสงสัย และไม่ได้นำไปใช้ช่วยเหลือผู้ก่อเหตุ
    วันเดียวกัน พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวว่า ในมิติของฝ่ายพลเรือนได้ลงพื้นที่เยี่ยมปลอบขวัญ แสดงความเสียใจและให้กำลังใจ ทุกครอบครัวที่ได้รับความสูญเสียในครั้งนี้ เพื่อที่จะทำการเยียวยาแต่ละครอบครัวซึ่งมีความเป็นอยู่ที่ไม่เหมือนกัน เราจะต้องช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียสละทุกวิถีทาง ให้เขามีอาชีพมีรายได้ ซึ่งรัฐบาลได้สั่งการให้ดูแลครอบครัวเหล่านี้ให้ดีที่สุด
    "ครอบครัวของผู้เสียชีวิตเป็นผู้เสียสละเพื่อแผ่นดิน รัฐต้องรับผิดชอบในการช่วยเหลือในทุกวิถีทาง  เราจะไม่ทิ้งครอบครัวเหล่านี้ไว้ข้างหลัง เราจะต้องดูแลเป็นอย่างดี และนอกจากนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ประชาชนในพื้นที่รักสามัคคีกันมากขึ้น รวมทั้งในมิติของการรักษาความสงบ หน่วยงานที่มีหน้าที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้การดูแลความปลอดภัยของประชาชนรัดกุมยิ่งขึ้น" เลขาฯ ศอ.บต.กล่าว
    นายสมณ์ พรหมรส กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่เพื่อรับฟังข้อมูลจากประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งติดตามการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้บาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวที่ จ.ยะลา และ จ.ปัตตานี โดยช่วงเช้าได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลศูนย์ยะลาเพื่อเข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บจำนวน 4 ราย โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจยะลา 12  เป็นผู้นำคณะเข้าเยี่ยมให้กำลังใจผู้บาดเจ็บและญาติ และผู้แทน ศอ.บต.เป็นผู้ให้ข้อมูลเรื่องการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้บาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิต ช่วงบ่ายได้เดินทางไปยัง สภ.ลำใหม่ เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานจากญาติผู้เสียชีวิต รวมทั้งร่วมฟังสวดพระอภิธรรม 
ชี้ต้องร่วมกันแก้ไฟใต้
    ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พร้อมนายอับดุลอายี สาแม็ง ส.ส.เขต 3  จ.ยะลา, นายมุขตาร์ มะทา นายก อบจ.ยะลา, ดร.ระเด่น สะมะแอ รองนายก อบจ.ยะลา ก็เข้าเยี่ยมให้กำลังใจและมอบกระเช้าดอกไม้แก่ ชรบ.ลำพะยาที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา 
    นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ตนมาในฐานะคนพื้นที่เป็นห่วงพร้อมให้กำลังใจ ชรบ.ที่ได้รับบาดเจ็บทุกคน เชื่อว่าทุกกำลังใจที่มาเยี่ยมนี้จะเป็นเกราะสร้างความสัมพันธ์ความรู้สึกของพี่น้องในพื้นที่ให้แน่นแฟ้นขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง และขอประณามผู้ร้ายที่กระทำการเหี้ยมโหดกับชุด ชรบ.ที่มีแต่อาวุธลูกซองไว้ป้องกันตัวเท่านั้น ถือว่าเป็นการลอบกัด ไม่ใช่การสู้แบบสันติภาพ 
    "รัฐต้องมีมาตรการเสริมทั้งระเบียบวินัยให้กับผู้รักษาความปลอดภัยทุกคนให้มากกว่านี้ ต้องแก้จุดบกพร่องของเจ้าหน้าที่แต่ละฝ่ายด้วย เมื่อมีความแข็งแกร่งแล้วนานเข้าความอ่อนล้าก็เกิดขึ้น ความเผอเรออย่าให้เกิดขึ้น เพราะจะเป็นจุดอ่อนให้ผู้ร้ายโจมตี ในจุดนี้จากเหตุการณ์ยิงชาวบ้านไอร์ปาแยในมัสยิดตาย 10 คน และเหตุการณ์ยิง ชรบ.ลำพะยาตาย 15 คน ก็ยังหาคำตอบจากผู้หลักผู้ใหญ่ยังไม่ชัดเจน หรือทุกปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้จะโยนเข้ากับกระบวนการ BRN หมด" หัวหน้าพรรคประชาชาติกล่าว
    ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า  ปัญหาชายแดนใต้ไม่ใช่เรื่องของพรรคใดพรรคหนึ่งคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของคนไทยทั้งชาติ อยากเสนอให้แต่ละฝ่ายตั้งสติ ทำตัวเป็นน้ำไม่เต็มแก้วเพื่อให้ 15 ชีวิตนี้เป็นการสูญเสียครั้งสุดท้าย เปลี่ยนพื้นที่ให้เกิดสันติภาพ นำเอาบทเรียน 15 ปีไฟใต้นี้มาร่วมกันพูดคุยด้วยข้อเท็จจริง สังคายนาวิธีแก้ปัญหาใหม่ ในการดำเนินคดีก็ว่ากันไป แต่ต้องพูดคุยกันว่า 15 ปีที่ผ่านมานี้ความไม่สำเร็จเกิดจากองค์ประกอบใด
    "ผมเชื่อว่าแต่ละฝ่ายในพื้นที่ต่างก็รู้ปัญหาที่แท้จริง เพียงแต่ไม่มีใครพูดกัน โดยรัฐและประชาชนต้องมาร่วมกันแก้ไข" นายจตุพรกล่าว
    นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกฯ (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวตอนหนึ่งว่า ถ้าหากเปรียบเทียบยะลาเป็นเมืองหลวงของพื้นที่ที่เกิดเหตุการณ์ไม่สงบของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ต้องเปรียบจังหวัดนราธิวาสว่าเป็นฐานทัพของการก่อความไม่สงบนั้น  ภูมิประเทศของจังหวัดนราธิวาสเป็นเขตภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน คือตั้งแต่บริเวณบ้านวังน้ำใสมายังเขตอำเภอแว้ง อำเภอสุไหงโก-ลก ไปจนถึงอำเภอตากใบ มีเขตเขาสำคัญคือเขาปูโยะและเขาปกโยะ ซึ่งอีกด้านหนึ่งติดกับจังหวัดยะลา รวมทั้งเขาน้ำค้าง เขาบูเลเต๊ะ เขาบาโจ เขากาลูบีและเขาตะเว มีพื้นที่ราบระหว่างเขตเขาในเขตอำเภอกะพ้อ อำเภอรือเสาะ และอำเภอศรีสาคร มาจนถึงพื้นที่ราบเขตอำเภอระแงะ ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการสำคัญของฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบตลอดมา
    "การควบคุมพื้นที่เขตเขามีความจำเป็นอย่างยิ่ง ต่อการลดทอนความเคลื่อนไหวของกองกำลังฝ่ายตรงกันข้าม ซึ่งควรพิจารณาประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่เขตเขาเหล่านี้ เพื่อให้เหลือพื้นที่ราบระหว่างเขตเขาและพื้นที่ชายทะเลที่จะต้องดูแลรักษาความปลอดภัย โดยไม่ให้มีเขตที่มั่นหรือเขตจรยุทธ์ดำรงอยู่ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส แม้ว่าพื้นที่เขตเขาทั้งหมดจะสูงชันสลับซับซ้อนและมีอันตราย แต่แท้จริงสามารถควบคุมได้โดยง่าย" นายไพศาลกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"