ชนปั่นจักรยาน วัย76ดับสลด


เพิ่มเพื่อน    


    ชายชราวัย 76 ปั่นจักรยานออกกำลังกายช่วงเช้าตรู่ หญิงพนักงานสถาบันการเงินขับเก๋งพุ่งชนร่างมุดเข้าไปในรถเสียชีวิต ระบุผู้ตายเลี้ยวรถกะทันหันขณะที่หมอกลงจัดบดบังทัศนวิสัย
    เมื่อเวลา 06.40 น. วันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ ร.ต.อ.ชนวีร์ ชุมจุล รอง สว. (สอบสวน) สภ.ย่านตาขาว ได้รับแจ้งเหตุรถเก๋งชนรถจักรยานมีผู้เสียชีวิต ที่บริเวณถนนสายตรัง-ปะเหลียน หน้าสวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย) พื้นที่ หมู่ 2 ต.ทุ่งค่าย อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง หลังรับแจ้งจึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง หน่วยกู้ชีพสมาคมร่วมใจ เข้าตรวจสอบ ที่เกิดบนถนนห่างจากจุดกลับรถประมาณ 50 เมตร พบรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน 7กฬ 2870 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ข้างเกาะกลางถนนสภาพรถพังยับ หลังคาหน้ารถยุบลง กระจกด้านหน้าและหลังแตก ทราบชื่อคนขับคือนางพัชรี จีระพิวัตน์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63/3 ถนนท่าเมือง ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จ.ระนอง เป็นเจ้าหน้าที่สถาบันการเงินแห่งหนึ่งใน จ.สุราษฎร์ธานี
    ที่กระโปรงท้ายรถ พบร่างนายบำรุง โพธิ์ธารารัตน์ อายุ 76 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77 หมู่ 6 ต.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง นอนหงายพาดอยู่ ศีรษะจนถึงหน้าอกหลุดเข้าไปอยู่ภายในห้องโดยสาร มีเลือดไหลหยดอยู่เป็นทาง ในสภาพสวมชุดปั่นจักรยาน มีบาดแผลฉกรรจ์หลายจุดทั่วร่างกาย เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือสุดความสามารถ แต่เสียชีวิตในที่สุด ใกล้กันบนถนนพบรถจักรยานของผู้ตายสภาพบิดเบี้ยว ห่างออกไปพบเบาะจักรยานตกอยู่ และชิ้นส่วนอื่นๆ กระจายเกลื่อนตรงจุดกลับรถ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำร่างไปชันสูตรอย่างละเอียดที่ รพ. ส่วนผู้ขับขี่รถยนต์เก๋งได้ยืนรอให้การกับตำรวจ
    นายคณิต ฉิมฉ่ำ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 153 หมู่ 6 ต.ทุ่งค่าย อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง เป็นญาติกับผู้เสียชีวิต เล่าว่า ผู้เสียชีวิตมักจะปั่นจักรยานออกกำลังกายเป็นประจำทุกเช้า ตอนเกิดเหตุกำลังกลับรถเพื่อกลับไปบ้านซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร แต่น่าจะไม่เห็นรถที่กำลังขับตามมา จึงถูกรถเก๋งพุ่งชนเต็มแรง ปกติผู้ตายมีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวอะไร และสายตายังดีอยู่
    ด้านนางพัชรีให้การว่า ขณะขับรถผ่านหน้าสวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย) ก็เห็นคนปั่นจักรยานเลี้ยวรถในระยะกระชั้นชิด อีกทั้งจุดดังกล่าวในช่วงเช้ามืดจะมีหมอกลงหนา ทำให้การไม่สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
    อีกราย ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ร.ต.ท.หญิงแพรวพรรณ บุญค้ำ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองฉะเชิงเทรา รับแจ้งเหตุเมื่อเวลา 10.45 น. วันเดียวกัน ว่ารถบรรทุกชนกันอย่างแรงบนถนนสายเลี่ยงเมืองบางขวัญ หมู่ 7 ต.ท่าไข่ อ.เมือง จึงประสานอาสากู้ภัยฉะเชิงเทราเข้าช่วยเหลือและเดินทางไปตรวจสอบ พบรถพ่วง 22 ล้อ บรรทุกน้ำอัดลมมาเต็มคัน สภาพเสียหายอย่างหนัก คนขับบาดเจ็บติดอยู่ภายใน เจ้าหน้าที่ใช้เครื่องตัดถ่างนำตัวออกมาได้ และนำส่งโรงพยาบาลพุทธโสธร เป็นชาย อายุ 40 ปี ส่วนอีกคันเป็นรถพ่วงบรรทุกปูนซีเมนต์ เสียหายเช่นกัน ตกอยู่ข้างทาง คนขับกระเด็นออกมาเสียชีวิตเป็นชาย อายุ 32 ปี ขณะที่เพื่อนนั่งมาด้วยรอดชีวิต เบื้องต้นให้การว่า หลังจากมาส่งปูนซีเมนต์ที่ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี กำลังจะกลับจังหวัดสระบุรี เมื่อมาถึงบริเวณดังกล่าว รถพ่วงคู่กรณีขับแซงขวาขึ้นมา แต่ไม่พ้น จึงชนกันอย่างแรง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"