แจกยาหอมกลางตอนล่าง อนุมัติประกันรายได้มันฯ


เพิ่มเพื่อน    

    “ซานต้าตู่” นั่งหัวโต๊ะถกแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 ก่อนประชุม ครม.สัญจร ย้ำให้จัดความสำคัญตามงบประมาณ แย้มอยากผุดเมกะโปรเจ็กต์ “นฤมล” แจงที่ประชุมรับทุกข้อเสนอคลุม 6 ด้าน โดยเฉพาะ 10 โครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 6,264 ล้านบาท หอการค้าฯ ปลื้มหวังมีถกต่อเนื่อง อนุมัติแล้วประกันรายได้มันสำปะหลัง  9,671 ล้านบาท 
    เมื่อวันอังคาร เวลา 08.30 น. ที่ห้องประชุมอรพิม ชั้น 2 อาคารบริการวิชาการและบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ตำบลหนองบัว อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 (กาญจนบุรี ราชบุรี และสุพรรณบุรี) ก่อนเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2562 ซึ่งถือเป็นการประชุมครั้งแรกของรัฐบาลประยุทธ์ 2 
    โดยก่อนประชุมนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรีได้มาถือป้ายต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยมีข้อความ อาทิ เรารักนายกฯลุงตู่, FC.ลุงตู่, รักลุงตู่, We love ชิมช้อปใช้, รักคนเมืองกาญจน์นานๆ นะ โดยนายกฯ ได้เข้าไปถ่ายรูปและเซลฟีกับนักศึกษาอย่างเป็นกันเอง พร้อมกล่าวทันทีว่า ดีใจและรักลุงตู่จริงหรือเปล่า ขอให้กำลังใจทุกคน เมื่อเรียนจบไปเป็นครูก็ขอให้เป็นครูรุ่นใหม่ ไม่ใช่สอนวิชาการเพียงอย่างเดียว ทุกคนตั้งใจเรียนและเลือกเรียนคณะที่ตลาดมีความต้องการ ขอให้เป็นเด็กดี และเมื่อนายกฯ เห็นป้ายข้อความที่นักศึกษาเขียนว่า We love ชิมช้อปใช้ จึงถามว่าได้ใช้หรือเปล่า ซึ่งนักศึกษาตอบว่าใช้ จากนั้นนายกฯ ได้ชมนิทรรศการสินค้าโอท็อป พร้อมถ่ายภาพหมู่กับ ครม.และคณะผู้บริหาร
    ก่อนเริ่มการประชุม นายกฯ กล่าวว่า ขอบคุณผู้แทนภาคส่วนต่างๆ ได้มีโอกาสลอยกระทงร่วมกับพี่น้องชาวกาญจนบุรี ถือเป็นการสืบสานวัฒนธรรม โดยขอลอยสิ่งที่ไม่ดีของตนเอง ของครอบครัว และ ครม.ออกไป ซึ่งศักยภาพกลุ่มภาคกลางตอนล่าง 1 นั้นเป็นกลุ่มจังหวัดที่มีศักยภาพทั้งการค้าชายแดน การท่องเที่ยว เป็นศูนย์กลางการผลิตและการตลาดสินค้าภาคเกษตร อุตสาหกรรมปลอดภัย และการค้าภาคตะวันตก ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาภาคกลางและพื้นที่กรุงเทพมหานครตามที่รัฐบาลกำหนดไว้ 
    ทั้งนี้ ผู้แทนกลุ่มจังหวัดได้ขอรับการสนับสนุนเพื่อขับเคลื่อนจังหวัดในด้านต่างๆ ซึ่งนายกฯ และ ครม.ไดรับฟังข้อเสนอก่อนกล่าวในช่วงท้ายว่า งบประมาณภาครัฐมีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้นขอให้คำนึงถึงความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณในแต่ละครั้ง ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมและประชาชนเป็นหลัก โดยจัดลำดับความสำคัญของโครงการเร่งด่วนเป็นอันดับแรก พร้อมขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกับขับเคลื่อนพื้นที่และประเทศให้เดินไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็งและมั่นคงต่อไป
    ต่อมาเวลา 12.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์หลังประชุม ครม.สัญจรว่า ต้องขอขอบคุณ จ.ราชบุรีและกาญจนบุรี รวมถึงพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน ที่ให้การต้อนรับ ครม.เป็นอย่างดียิ่ง ซึ่งผลการตรวจราชการของรัฐมนตรีหลายคนได้นำเสนอในที่ประชุม ทั้งเรื่องความต้องการประชาชน รวมถึงโครงการต่างๆ ซึ่งหลายโครงการอยู่ในแผนงบประมาณปี 2563-2565 อยู่แล้ว บางโครงการมีการเสนอมาใหม่ก็ได้กำชับไปว่าจะให้ทุกอย่าง โดยได้รับหลักการเพื่อนำสู่การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ วางแผนจัดลำดับความเร่งด่วนต่อไป ซึ่งวันนี้พระราชบัญญัติงบประมาณ 2563 ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภา อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกรรมาธิการ
หวังผุดเมกะโปรเจ็กต์
    "ทุกอย่างผมก็เห็นความสำคัญ เป็นความต้องการของพื้นที่ ผมก็ได้อธิบายทำความเข้าใจไปแล้ว ว่างบประมาณรัฐบาลมีจำกัด อะไรก็ตามที่ยังคั่งค้างต้องทำให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ส่วนโครงการใหม่รัฐบาลจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนงาน งบประมาณแต่ละปีไปบ้าง หรือบางอย่างต้องหางบฯ ทดแทนเพิ่มเติม อันนี้ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องบริหารต่อไปก็รับไว้ทุกเรื่อง ซึ่งโครงการสำคัญที่ต้องอนุมัติโดยด่วนคือการขยายเส้นทางเชื่อมต่อจังหวัดกาญจนบุรี อันนี้ต้องเร่งดำเนินการให้ได้ ซึ่งจะแล้วเสร็จใน 2-3 ปีข้างหน้า" นายกฯ กล่าว
    นายกฯ ระบุว่า การประชุมต่างจังหวัดก็คล้ายการประชุมในกรุงเทพฯ เพียงแต่การมาต่างจังหวัดจะได้พบผู้ที่เสนอความต้องการอย่างแท้จริง เป็นการรับข้อมูลโดยตรง แต่อย่าลืมว่าเวลามาต่างจังหวัดส่วนใหญ่เป็นงบประมาณที่เพิ่มเติมทั้งสิ้น ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาก็หางบส่วนอื่นมาเติมเต็มให้ตรงนี้ และที่ต้องกำชับไปคือได้ให้แนวทางกับรัฐบาลและ ครม.ไปว่า เราอาจจำเป็นต้องหางบประมาณที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ขึ้นมาทำบ้าง เพราะจะทำให้เกิดการจ้างงาน การลงทุนในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะการเชื่อมต่อระเบียงเศรษฐกิจตะวันตก ตะวันออก และเรื่องอื่นๆ นอกจากนั้นยังได้เน้นย้ำเรื่องการใช้วัด บ้าน โรงเรียน ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้เราเห็นศักยภาพของกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ซึ่งได้รวบรวมปัญหาจากทั้ง 3 จังหวัดมีตรงกันหลายข้อ ก็ต้องไปดูศักยภาพแต่ละพื้นที่ว่าจะทำอย่างไร ไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนหรืออุปสรรคระหว่างกัน วันนี้มีคำแนะนำออนไลน์  เรื่องการค้าขาย เป็นเอกสารออกมาชัดเจนว่าจะเข้าสู่ระบบได้อย่างไร สามารถไปขึ้นทะเบียนกับไปรษณีย์ไทยแต่ละจังหวัดอย่างไร เพื่อจะได้ส่งสินค้า เป็นสิ่งที่เราต้องเร่งรัดการเรียนรู้และใช้ประโยชน์จากดิจิทัลใช้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งประชาชนจำนวนมากก็เข้าถึงตรงนี้แล้ว อีกส่วนคือสินค้าโอท็อปและศูนย์ศิลปาชีพ ก็อยากประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนช่วยใช้สินค้าเหล่านี้ 
    “วันนี้เราดูแลในเรื่องของการประกันราคามันสําปะหลัง มันจำเป็นต้องดูแลประชาชนที่เดือดร้อน ก็ต้องมีมาตรการควบคุมให้ดี  มีการขึ้นทะเบียน ไม่สามารถใช้เป็นการอ้างสิทธิ์ในที่ดินทำกินเหล่านี้ได้ ซึ่งในหลายพื้นที่ยังมีปัญหาอยู่ ก็จำเป็นต้องแก้ไขของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเห็นว่าผลผลิตทางการเกษตรของเรามีปัญหามากขึ้นทุกปี เพราะเราผลิตมากเกินไป จึงต้องปรับเปลี่ยนการปลูกพืชของเราบ้าง”
    สำหรับการประชุม ครม.สัญจรครั้งนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้จัดรายการอาหารกลางวันทั้งคาวหวาน ประกอบด้วย สลัดกุ้งทอด, ฉู่ฉี่ปลาคัง, น้ำพริกมะสัง, ผักหวานผัดไข่, ปลากดเหลืองทอดน้ำปลา, ต้มข่าปลาสลิด และห่อหมก ส่วนอาหารว่างประกอบด้วย เมลอน, แก้วมังกร, สับปะรด, ทองม้วนสด, ขนมถ้วย, เปาะเปี๊ยะทอด, สาคูไส้หมู และข้าวเหนียวปิ้งไส้เผือก
    ด้านนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงภายหลังการประชุม ครม.สัญจร ว่าที่ประชุมเห็นชอบข้อเสนอของการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 ตามมติที่ประชุมพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฯ ที่มีนายกฯ เป็นประธาน 6 ด้าน ครอบคลุมการเกษตร ท่องเที่ยว บริหารจัดการน้ำ โครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาคุณภาพชีวิต และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่วนการขอรับการสนับสนุนเชิงนโยบายอีก 4 เรื่อง นายกฯ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบรับไปดำเนินการต่อ แต่ต้องดูให้สอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด และต้องจัดลำดับความสำคัญของโครงการเร่งด่วนเป็นอันดับแรก
ทางหลวง 4 ช่องจราจร
    นางนฤมลกล่าวว่า ตามข้อเสนอ หากนับเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐาน จะมีโครงการที่เสนอให้พิจารณารวม 10 โครงการ คิดเป็นวงเงิน 6,264 ล้านบาท โดยมีโครงการใหญ่คือ โครงการก่อสร้างทางหลวงแนวใหม่เชื่อมต่อสามแยกวังมะนาว-บรรจบทางหลวงหมายเลข 3510 ระยะทาง 36.8 กม. เป็น 4 ช่องจราจร วงเงินงบประมาณ 3,042 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นวงเงินค่าก่อสร้าง 2,650 ล้านบาท และงบประมาณเพื่อเวนคืนที่ดิน 392 ล้านบาท โดยปี 64 จะดำเนินการออกแบบปี 2565 เริ่มดำเนินการเวนคืนที่ดินปี 2566 เริ่มดำเนินการก่อสร้าง และปี 2568 เปิดใช้เป็นทางการ ส่วนที่เหลือเป็นการขยายช่องจราจรจาก 2 ช่อง เป็น 4 ช่องจราจรในหลายเส้นทางครอบคลุม 3 จังหวัด
    นางนฤมลกล่าวต่อว่า ด้านอื่นๆ มีโครงการสำคัญ เช่น ด้านการเกษตร มีโครงการพัฒนาต้นแบบระบบการตัดอ้อยสดและบรรทุกอ้อยเข้าโรงงาน และโครงการการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากด้วยนวัตกรรมชุมชนเพื่อส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรไปสู่เชิงพาณิชย์ ด้านการท่องเที่ยว มีโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์และพัฒนาเมืองเก่ากาญจนบุรีและสองฝั่งแม่น้ำแควน้อยแควใหญ่ โดยที่ประชุมเร่งรัดการขอใช้พื้นที่และการบริหารจัดการเพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ พร้อมทั้งปรับภูมิทัศน์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ อาทิ ปรับปรุงเขื่อนป้องกันตลิ่งบริเวณดงบัวและบึงบัว ก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กต่อจากสะพานสมเด็จพระสังฆราช-บึงบัว ระยะทาง 165 เมตร, ปรับปรุงภูมิทัศน์ท่าเทียบเรือขุนแผน, ก่อสร้างหอคอยชมวิวแม่น้ำสามสาย รวมถึงก่อสร้างเส้นทางพุทธธรรม 
    โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมยังรับทราบข้อเสนอเชิงนโยบาย ทั้งการปรับรูปแบบเพื่อลดผลกระทบจากการก่อสร้างรถไฟทางคู่ในพื้นที่ จ.ราชบุรี ซึ่งนายกฯ ได้สั่งให้ไปปรับรูปแบบเพื่อลดผลกระทบกับประชาชน และยังรับทราบการศึกษาแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์เพื่อพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจฝั่งตะวันตก (WEC) และสนับสนุนการท่องเที่ยว การศึกษา เพื่อเชื่อมโยงศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและการค้าชายแดน เพื่อรองรับอุตสาหกรรมไมซ์ และเชื่อมโยงแนวระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ของจีเอ็มเอส เป็นต้น 
    น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบหลักการปรับปรุงภูมิทัศน์โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรีเพื่อเป็นพิพิธภัณฑ์แหล่งท่องเที่ยวใหม่ หรือแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของ จ.กาญจนบุรี โดยจะใช้งบประมาณท้องถิ่นของจังหวัดในการซื้อโรงกระดาษดังกล่าวจากกรมธนารักษ์ ซึ่งกำหนดราคาเอาไว้ที่ 19 ล้านบาท ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้สั่งการให้ไปดูรายละเอียดและนำเสนอกลับมาที่ ครม.อีกครั้ง
    ด้านนายธีรชัย ชุติมันต์ กรรมการหอการค้าไทย และประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 กล่าวว่า ในภาพรวมของการประชุมร่วมนั้น ภาคเอกชนพึงพอใจ และต้องการให้นายกฯ จัดการประชุมในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง โดยต้องการให้แต่ละโครงการที่เสนอไปนั้นสามารถผลักดันออกมาได้สำเร็จ เหมือนในช่วงรัฐบาลก่อนๆ ที่เคยมาประชุมกับภาคเอกชนในพื้นที่ ซึ่งการประชุมครั้งนี้ แม้ ครม.จะเห็นชอบในหลักการของหลายโครงการไปแล้ว แต่ยังมีอีกหลายโครงการที่ภาคเอกชนยังต้องการให้รัฐบาลช่วยผลักดัน เช่น การเปิดจุดผ่อนปรนบริเวณด่านชายแดนเจดีย์สามองค์ เพื่อเพิ่มปริมาณการค้าการลงทุนให้กลับมาคึกคักเหมือนเดิม
เคาะประกันรายได้มันฯ
    ส่วน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงผลประชุม ครม.สัญจรว่า ที่ประชุมเห็นชอบโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังปี 62/63 วงเงิน 9,671 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ประกันรายได้ 540,000 ราย โดยรายละเอียดโครงการจะประกันรายได้หัวมันสำปะหลังสดเชื้อแป้ง 25% ในพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังทั่วประเทศ ซึ่งราคาและปริมาณประกันรายได้กิโลกรัมละ 2.50 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 100 ตัน เกษตรกรผู้มีสิทธิได้รับเงินส่วนต่าง ได้แก่ เกษตรกรทุกรายที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูก และแจ้งระยะเวลาเก็บเกี่ยวกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเงื่อนไขการใช้สิทธิ เกษตรกรหนึ่งครัวเรือนใช้สิทธิได้ 1 ครั้ง และการชดเชยส่วนต่าง ธ.ก.ส.จะโอนเงินชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาเป้าหมายกับราคาเกณฑ์อ้างอิงเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง
    “รัฐบาลจะจ่ายเงินส่วนต่างครั้งแรกในวันที่ 1 ธ.ค.2562 และจ่ายต่อไปทุกวันที่ 1 ของเดือน เป็นเวลา 12 เดือน สำหรับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวก่อนวันที่ 1 ธ.ค.2562 ให้มีสิทธิรับเงินชดเชยในวันที่ 1 ธ.ค.2562 โดยระยะเวลาโครงการ 1 ต.ค.2562-31 ธ.ค.2563” น.ส.รัชดากล่าว และว่า กระทรวงพาณิชย์ยังได้ออกมาตรการคู่ขนานเพื่อรักษาเสถียรภาพราคามันสำปะหลัง รวมทั้งยังอนุมัติเงินชดเชยให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ และไม่จำกัดช่วงเวลาการปลูก จากเดิมที่ชดเชยแก่เกษตรกรที่มีเอกสารสิทธิถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"