ยุวศิลปินไทยเลือดใหม่     เวที“Young Thai Artist Awards” ปี62


เพิ่มเพื่อน    

     


    ต้องยอมรับว่าศิลปะจะมีคุณค่าด้านความงดงาม ที่สามารถจรรโลงสังคมให้เจริญก้าวหน้าทั้งด้านความคิดและจิตใจ  แต่อีกด้านหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ก็คือ  ศิลปะยังเป็นสิ่งที่ช่วยบันทึกเหตุการณ์ของสังคมในสมัยนั้นๆ เอาไว้ด้วย เหมือนอย่างผลงานกว่า 36 ผลงานดีเด่น จากโครงการ “ยุวศิลปินไทย” หรือ “Young Thai Artist Awards ”ปี2562 ของมูลนิธิเอสซีจี ที่กำลังจัดแสดงที่ชั้น L หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ณ ขณะนี้ แต่ละผลงานล้วนแต่มีความงดงามแปลกใหม่ และบันทึกสภาพแวดล้อมสังคมเอาไว้อย่างน่าสนใจ ซึ่งผลงานทั้งหมดนี้แบ่งออกเป็นศิลปะ 6 สาขา ได้แก่ ศิลปะ 2 มิติ, ศิลปะ 3 มิติ, ภาพถ่าย, ภาพยนตร์, วรรณกรรม, และการประพันธ์ดนตรี และมี 5 ผลงานได้รับรางวัลยอดเยี่ยม รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 

 

    สำหรับโครงการ ยุวศิลปินไทย หรือ Young Thai Artist Awards เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้เยาวชนผู้รักงานศิลป์อายุ 18-25 ปี จากทั่วประเทศส่งผลงานสร้างสรรค์เข้าประชันเชิงชั้นด้านศิลปะ 6 สาขาที่ถือเป็นเวทีแห่งการเจียระไนเพชรน้ำงาม สร้างศิลปินรุ่นเยาว์ให้เติบโตบนเส้นทางศิลปะ ซึ่งการันตีคุณภาพด้วยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นที่ยอมรับในแวดวงต่างๆ


    นายเชาวลิต เอกบุตร กรรมการบริหารมูลนิธิเอสซีจี กล่าวถึงโครงการว่า ในปีนี้มีเยาวชนผู้สนใจจากมหาวิทยาลัยชั้นนำหลากหลายสถาบันทั่วประเทศส่งผลงานเข้าร่วมประกวดกันมากขึ้น ซึ่งทุกๆ ผลงานศิลปะที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการในปีนี้ทั้ง 36 ผลงาน ได้นำมาจัดแสดง ณ หอศิลปวัฒนฑรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ด้วยหอศิลป์แห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ใจกลางเมือง ถือเป็นหอศิลป์ร่วมสมัยเป็นศูนย์กลางด้านศิลปะที่ช่วยส่งเสริมให้คนเข้าถึงศิลปะได้มากขึ้น นับเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สร้างแรงบันดาลใจและจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ ในนามมูลนิธิฯ มีความเชื่อมั่นว่าน้องๆ ยุวศิลปินไทยทุกคน หากมุ่งมั่นพัฒนาฝีมือและสร้างสรรค์ผลงานศิลปะให้มีคุณภาพ และคุณค่าต่อไป ย่อมจะประสบความสำเร็จในการเติบโตเป็นศิลปิน และมีโอกาสแสดงผลงานให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชนในเวทีระดับสากลได้อย่างแน่นอน


    ผลงานยอดเยี่ยมปี 2562 ที่ได้รับรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทั้ง 6 สาขานั้นประกอบไปด้วย สาขาศิลปะ 2 มิติ ได้แก่ ผลงาน พลังแห่งสีสันตะวันออก หมายเลย 3 โดยนางสาววริศรา อภิสัมภิณวงศ์ เป็นผลงานภาพ 2 มิติสื่อถึงการแทรกซึมของวัฒนธรรมจีนในประเทศไทยด้วยเทคนิคภาพพิมพ์แกะไม้, สาขาศิลปะ 3 มิติ ได้แก่ ผลงานระบำใจ โดยนางสาวนารีญา คงโนนนอก กับการนำเสนอศิลปะ 3 มิติ เต้นระบำด้วยเทคนิคที่แสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหว และความอบอุ่นของครอบครัว

พลังแห่งสีสันตะวันออก หมายเลย 3 


    สาขาภาพถ่าย ได้แก่ Natural Wonders โดยนายธรรมรัตน์ กิตติวัฒโนคุณ นำเสนอภาพของกลุ่มสัตว์ ด้วยเทคนิคจัดวางองค์ประกอบ ฉากด้วยเทคนิคแปลกใหม่ที่คณะกรรมการให้ความเห็นว่าเป็นงานที่มีลูกเล่นความเป็น High Art และ Low Art ผสมผสานกันเหมือนภาพถ่ายสวนสัตว์ ขณะเดียวกันก็คล้ายกับภาพของฝากที่ระลึก ส่วนสาขาภาพยนตร์ (Film) ได้แก่ เรื่อง เอเลี่ยนเนท โดยนายปฏิภาณ ศิริไพบูลย์ ที่นำเสนอเรื่องของแรงงานต่างชาติในประเทศไทยสะท้อนถึงความหลากหลายและความแตกต่างของมนุษย์, สาขาการประพันธ์ดนตรี ได้แก่ Fainted Glimmering Light โดยนายชวิน เต็มสิทธิโชค และสาขาวรรณกรรม ไม่มีผู้ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม

ภาพถ่ายชุด Natural Wonders 


    ด้านนางสาววริศรา อภิสัมภิณวงศ์ นักศึกษาคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เจ้าของผลงาน “พลังแห่งสีสันตะวันออก หมายเลย 3” รางวัลยอดเยี่ยมสาขาศิลปะ 2 มิติ กล่าวว่า ผลงานของเราสร้างสรรค์ขึ้นมาจากแนวคิดการนำเอาวัฒนธรรมจีนออกมาถ่ายทอดลงไปในภาพ เนื่องจากตัวเราเกิดและเติบโตมาในครอบครัวเชื้อสายจีน จึงอยากนำเสนอสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ที่มีความผูกพันกับวิถีชีวิตและความเชื่อในประเพณีวัฒนธรรมของคนจีนตกทอดจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน จะเห็นว่าชุมชนชาวจีนกระจัดกระจายอยู่ทั้งในกรุงเทพมหานคร และในหัวเมืองต่างจังหวัด มีกิจกรรมประเพณีที่หล่อหลอมเป็นตัวของตัวเองไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสถาปัตยกรรมแบบจีน ตกแต่งลวดลายแบบจีน และประเพณีตรุษจีน ไหว้เจ้า กิจกรรมการเชิดสิงโต มังกร ที่เห็นอยู่ในบริเวณศาลเจ้า และอีกหลากหลาย ผลงานชิ้นนี้ก็เป็นภาพที่แสดงให้เห็นการเฉลิมฉลองประเพณีต่างๆ อย่างชัดเจน โดยใช้เทคนิคภาพพิมพ์แกะไม้ โดยใช้แม่พิมพ์ที่พิมพ์ทับซ้อนกันของสีจำนวนมาก เน้นโทนสีร้อนอย่าง แดง ส้ม ทอง ที่เป็นสัญลักษณ์ของจีน มีความหมายถึงการทับซ้อนของประเพณีวัฒนธรรมที่ตกทอดมาอย่างยาวนาน ไม่ใช่งาน 2 มิติธรรมดา

ศิลปะ 3 มิติ ผลงาน ระบำใจ 
    " เมื่อชมภาพเราอาจได้ยินเสียงของการเชิดสิงโต มังกร เสียงประทัดที่ถูกจุดขึ้นในงานฉลองเทศกาลของชุมชนก็ได้ ผลงานชิ้นนี้จึงมีส่วนที่สะท้อนวัฒนธรรมไทยจีน ชุมชนหนึ่งที่อยู่ในประเทศไทยใช้เวลาในการังสรรค์ถึงสองสัปดาห์กว่าจะได้เป็นผลงานที่สมบูรณ์"นางสาววริศรากล่าว

ภาพยนตร์ (Film) เรื่อง เอเลี่ยนเนท


    ขณะที่นายปฏิภาณ ศิริไพบูลย์ ผู้กำกับน้องใหม่จากคณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์  มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เจ้าของผลงานภาพยนตร์ เรื่อง “เอเลี่ยนเนท” ผลงานที่นำเสนอเรื่องของแรงงานต่างชาติในประเทศไทย เผยว่า สนใจเรื่องเกี่ยวกับสังคมและวัฒนธรรมมานานแล้ว ซึ่งในซอยหอพักที่อาศัยอยู่นั้นจะมีการแบ่งแยกโซนอย่างชัดเจนระหว่างฝั่งที่นักศึกษาอาศัยอยู่ กับฝั่งตรงข้ามที่แรงงานต่างชาติอยู่ แล้วเราก็รู้สึกว่าอยู่มา 3-4 ปี ไม่เคยทำความรู้จักกับพวกเขาเลย ทั้งๆ ที่เขารู้จักเราเป็นอย่างดี พูดภาษาเราได้ เราใช้ชีวิตกับพวกเขาทุกวันโดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าเขาขายน้ำให้เรา ทำอาหารให้เรารับประทาน ก็เลยปรึกษากับเพื่อนๆ ว่าจะทำเรื่องนี้ดีไหม แล้วก็เลยได้ค้นคว้าเรื่องแรงงาน และเข้าไปพูดคุยสอบถามพวกเขา ซึ่งโดยปกติแล้วเวลาเรานึกถึงแรงงานต่างชาติมักจะคิดว่าเป็น “แรงงานพม่า” หมด แต่พอได้เข้าไปพูดคุยทำความรู้จักจริงๆ พบว่าพวกเขามาจากหลากหลายแห่งมาก มีทั้งเมียนมาร์ กัมพูชา ลาว ในมุมมองตัวเราเลยอยากทำความรู้จักเขาให้มากขึ้นผ่านการนำเสนอภาพยนตร์

    " เราเลือกเสนอเรื่องความเป็นมนุษย์ อย่างมีฉากหนึ่งที่นำเสนอถึงการล้อเลียนคำพูดเขา ที่เขาพูดไม่ชัด เราอาจจะรู้สึกสนุกสนาน แต่ตัวเขานั้นไม่ได้รู้สึกสนุกสนานเลย เป็นประเด็นเล็กๆ น้อย ที่เรามองข้าม ขณะเดียวกันเมื่อมีฝรั่ง เกาหลี มาล้อเราพวกเรากลับไม่พอใจ เกิดความโมโห ก็จะมีความคล้ายกัน และอีกหลายประเด็นที่นำเสนอ โดยใช้เทคนิคภาพขาวดำซึ่งเป็นขั้นพื้นฐานของการถ่ายภาพ แต่จริงๆแล้ว ช่างภาพเราเขาอยากนำเสนอให้ตัวละครมีความเท่าเทียมไม่แปลกแยก สมมติตัวละครคนหนึ่งผิวขาว ตัวละครคนหนึ่งผิวคล้ำ ผู้ชมจะเลือกมองคนขาวมากกว่า แต่พอเป็นภาพขาวดำจะดูกลมกลืน ส่วนเนื้อหาก็ขึ้นอยู่กับผู้ชมว่าจะตีความอย่างไร"ยุวศิลปินรายนี้กล่าว 

ฟังผลงานประพันธ์ดนตรี
    ยุวศิลปินไทยผู้ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมทั้ง 5 ผลงานนอกจากจะได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แล้ว ยังได้รับเงินรางวัลจำนวน 150,000 บาท และมีโอกาสได้เดินทางทัศนศึกษาสัมผัสศิลปะระดับโลก เพื่อเปิดโลกทัศน์ เพิ่มพูนทักษะความรู้ทางศิลปะ เก็บเกี่ยวประสบการณ์และสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะต่อไปในอนาคต และผู้ที่ได้รับรางวัลดีเด่นอีกว่า 30 ผลงานได้รับเงินรางวัลคนละ 50,000 บาท ส่วนผลงานทั้งหมดจะจัดแสดงที่ชั้น L หอศิลปแห่งกรุงเทพมหานคร ไปจนถึง 25 พ.ย.นี้ สอบถามรายละเอียดที่ 02 586 5505 หรือติดตามที่เฟซบุ๊ค Young Thai Artist Award
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"